รีวิวหนังใหม่ พี่นาค 3

เดินทางมาถึงภาคที่ 3 แล้วสำหรับ พี่นาค 3 ภาพยนตร์คอเมดี้สยองขวัญจากผู้กำกับ ไมค์-ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ หลังจากที่ภาพยนตร์สองภาคแรกได้เสียงตอบรับที่ดีจากผู้ชมอย่างล้นหลามจนสามารถกวาดรายได้รวมทั้งสองภาคไปได้กว่า 200 ล้านบาท ซึ่งการกลับมาครั้งนี้จะยกระดับสเกลของเรื่องราวและความโหดของผีพี่นาคที่ดุยิ่งกว่าเดิม ดูหนัง 

 

พี่นาค3 หนังสยองขวัญภาคต่อที่เล่าถึงตำนานการบวชนาค ตั้งแต่พี่นาค (2019) ตามด้วยพี่นาค2 (2020) และการกลับมาในครั้งนี้นั้นเป็นเรื่องราวของการห้ามบวช ที่จะเกี่ยวกับ อ๊อด ที่ค้นพบกำไลทองคำอาถรรพ์จนสุดท้ายอ๊อดนั้นต้องพบเจอเรื่องราวสุดหลอนจากผีพี่นาคตนใหม่ ในภาคนี้นั้นยังได้ผู้กำกับคนเดิมอย่าง ไมค์-ภณธฤต โชติกฤษฏาโสภณ และยังได้นักแสดงหน้าเพิ่มอย่าง เอม-วิทวัส รัตนบุญบารมี, เจมส์-ภูริพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์, มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร, แชมป์-ชนาธิป โพธิ์ทองคำ และ ปอนด์-คุณพัทธ์ พิเชษฐ์วรวุฒิ ดูหนังออนไลน์ 

 

พี่นาค3 จะเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น…ในระหว่างการล้างป่าช้าที่อ๊อด สัปเหร่อหนุ่มขุดเจอกำไลทองคำในหลุมศพ อ๊อดแอบเก็บกำไลอาถรรพ์นี้ไว้กับตัว ซึ่งหลังจากที่ได้กำไลนี้มา มันทำให้อ๊อดมีเกล็ดงูขึ้นตามตัวและเจ็บปวดเจียนตายโดยไม่รู้สาเหตุ ร้อนถึงเณรน๊อตคู่ซี้ที่ต้องตามหาสาเหตุว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าจะเป็นอาถรรพ์ของกำไลที่อ๊อดได้มา? หรือจะเป็นผีพี่นาคที่เคยตามหลอกหลอนพวกตนมามันอาจยังไม่จบไม่สิ้นก็เป็นได้ ประจวบเหมาะกับการกลับมาเยี่ยมเยือนวัดธรรมนาคานิมิตรของ บอลลูน เฟิร์ส และคุณโท แถมยังมี แปม แปม ยูทูปเบอร์เกาหลีชื่อดังที่ติดสอยห้อยตามคอยถ่าย VLOG ไลฟ์สไตล์ชีวิตคุณโท ต้องมาร่วมเวรแก้กรรมของอ๊อด จะรอดไม่รอดหรือจะจอดแค่หัวกระไดวัด ดูหนัง 4k

 

รีวิวหนังใหม่ พี่นาค 3

 

ได้ชื่อว่าเป็นแฟรนไชส์หนังผีที่ประสบความสำเร็จที่สุดแห่งทศวรรษนี้ไปแล้ว กับจักรวาลหนังชุดพี่นาค แห่ง ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น ที่ยังคงสร้างภาคใหม่ๆ ออกมาเสิร์ฟอย่างต่อเนื่องแบบแรงไม่ตก และล่าสุดก็ถึงคราวของ “พี่นาค 3” ที่เป็นการกลับมาสานต่อฉบับไตรภาคให้สมบูรณ์แบบ แม้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นจะค่อนข้างรู้สึกฝืนอารมณ์มากขึ้นๆ ทุกภาคก็ตาม แต่กระนั้นหนังก็ยังงัดใช้สูตรสำเร็จเดิมๆ ของหนังผีไทยที่ใครเลือกใช้ไม้ตายนี้…ก็ยังเอาตัวรอดได้อยู่ดี ดูหนังออนไลน์ 4k

 

พี่นาค 3 เป็นเรื่องราวของ อ๊อด ที่กำลังจะเตรียมตัวเข้าพิธีบวชในเร็วๆ วันนี้ เมื่อใกล้ฤกษ์งามยามดี บอลลูน, เฟิร์ส และ โทมินจุน ได้มุ่งหน้าไปยังวัด เพื่อจะร่วมพิธีบวชของอ๊อด แต่กลับพบว่าเขากำลังป่วยหนักเพราะต้องคำสาปจากอาถรรพ์ของกำไล ที่เขาได้ขุดพบเจอโดยบังเอิญ และทำให้ดวงวิญญาณอาฆาตแค้นของ นาคคำ จากในอดีตชาติ ได้ปรากฏกายจองเวรเขากับเพื่อนๆ ที่ต้องแข่งกับเวลาเพื่อไขปริศนาและหาวิธีล้างคำสาปนี้ให้สิ้นซาก ก่อนที่ทุกอย่างจะสายจนเกินไป รีวิวหนังใหม่

 

รีวิวหนังใหม่ พี่นาค 3

 

แน่นอนว่า พี่นาค 3 ก็มาพร้อมกับสูตรสำเร็จเดิมๆ ที่ตายตัวตั้งแต่นาทีแรกไปจนนาทีสุดท้าย ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือ หนังแทบหาความแปลกใหม่และน่าสนใจไม่ได้เลย ยังคงย้ำๆ วนๆ อยู่กับสูตรวิ่งหนีผีที่แสนจะจำเจ อีกนิดเดียวก็จะกลายเป็นแบบฉบับตำนานหนังบ้านผีปอบไปแล้วเชียว แต่ในสูตรสำเร็จของหนังที่ยังหยิบมาใช้นั้น ก็ยังถือว่าเป็นองค์ประกอบที่ช่วยส่งเสริมตัวหนังไปในตัวได้อีกอยู่ดี และในท้ายที่สุด พี่นาค 3 ก็ยังคงเป็นหนังผีแบบไทยๆ ที่ดูได้เพลินๆ ไม่ต้องคิดอะไร เป็นความซ้ำซากที่สร้างบันเทิงได้ในระดับหนึ่ง

 

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ อ๊อด (ปอนด์-คุณพัทธ์ พิเชษฐ์วรวุฒิ) สัปเหร่อหนุ่มแห่งวัดธรรมนาคานิมิตร บังเอิญไปเจอกำไลข้อเท้าทองคำโบราณในหลุมฝังศพสมัยสงครามโลกและหยิบติดมือมาด้วย ทำให้อ๊อดโดนคำสาปประหลาดจากกำไลที่ทำให้เขามีเกล็ดคล้ายงูขึ้นบนร่างกาย อีกทั้งเขายังถูก ผีนาคคำ (แชมป์-ชนาธิป โพธิ์ทองคำ) เจ้าของกำไลออกตามล่าเพื่อทวงกำไลคืน

 

เณรน็อต (ต้า-อธิวัตน์ แสงเทียน) จึงต้องร่วมมือกับ บอลลูน (เอม-วิทวัส รัตนบุญบารมี), เฟิร์ส (เจมส์-ภูริพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์), คุณโท (มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร), คิดดี (ตูน-อติรุจ แสงเทียน), เณรน้ำเหนือ (เทมโป-กัณฐพัทธ์ กิติชัยวรางค์กูร) และ แปมแปม (คิมเท ซิม) เพื่อหาวิธีล้างคำสาปให้กับอ๊อด ก่อนที่จะถูกผีนาคคำฆ่าตาย ความโดดเด่นของ พี่นาค 3 ที่ยังนำเสนอออกมาได้ดีไม่แพ้สองภาคแรก คืองานโปรดักชันที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ทั้งงานเมกอัพเอฟเฟกต์ของผีนาคคำที่น่าเกรงขามและดุดันมากขึ้นกว่าเดิม ไปจนถึงงานวิชวลเอฟเฟกต์ที่สร้างสรรค์พญานาคขึ้นมาได้อย่างอลังการงานสร้าง

 

รีวิวหนังใหม่ พี่นาค 3

 

จุดเด่นข้อต่อมาที่เราชื่นชอบเป็นการส่วนตัว คือมุกตลกขบขันภายในเรื่องที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับเราได้ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะสองเพื่อนซี้อย่าง บอลลูน และ เฟิร์ส ซึ่งรับบทโดย เอม-วิทวัส รัตนบุญบารมี และ เจมส์-ภูริพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์ ที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับเรื่องราวได้ดีเช่นเดิม จนเรียกได้ว่าบทบาทของพวกเขาแทบจะโดดเด่นกว่าตัวละครอื่นๆ ในเรื่องก็ว่าได้ ขณะเดียวกัน ท่ามกลางงานโปรดักชันสุดอลังการและมุกตลกขบขันที่สร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ชม พี่นาค 3 กลับมีจุดด้อยสำคัญในแง่ของเนื้อเรื่อง โดยเฉพาะการกระจายบทบาทให้กับตัวละครต่างๆ

รีวิวหนังใหม่ พี่นาค 3

พี่นาค 3 มีฉากพิเศษอยู่ตอนท้ายของหนัง ถึงจะไม่ใช่ฉากแปะตอนเครดิตเหมือนกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ฝั่งฮอลลิวูด แต่ฉากพิเศษเหล่านั้นได้แทรกเอาไว้พร้อมๆ กับช่วงรายชื่อเครดิตของหนังขึ้น แม้ว่าฉากพิเศษที่ปล่อยออกมาส่วนใหญ่จะเป็นฉากเบื้องหลังการถ่ายทำของหนังเรื่องนี้เป็นหลัก แต่ก็มีแทรกฉากพิเศษที่สำคัญเอาไว้อยู่ 1 ฉากที่เป็นการบอกใบ้อะไรบางอย่างเอาไว้ ฉากดังกล่าวนั้นเป็นเหตุการณ์หลังจากที่ อ๊อดได้เข้าพิธีบวชเป็นพระเรียบร้อยแล้ว โทมินจุน, บอลลูน, เฟิร์ส และคนอื่นๆ ได้มานั่งรับพรจากพระอ๊อด ก่อนที่พระอ๊อดจะถอดสร้อยพระที่ช่วยคุ้มกันวิญญาณร้ายที่พกติดตัวเอาไว้ในภาคนี้เพื่อนำส่งต่อให้กับคนอื่น พระอ๊อดยื่นให้กับโทมินจุนเป็นคนแรก แต่เขาปฏิเสธและบ่ายเบี่ยงจะเอาไปให้ บอลลูน กับ เฟิร์ส รวมทั้ง แปมแปม แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ต้องจำใจรับสร้อยพระมาครอบครองเอาไว้แทน

 

“ไมค์-ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ” ยังคงกลับมารับหน้าที่สานต่อหนังเรื่องนี้อีกเช่นเคย และเขาก็ได้ผลิตหนังไตรภาคแรกของตัวเองได้สำเร็จ แต่ก็นั้นแหละ…ด้วยความที่เขาถนัดในงานกำกับหนังผีโดยเฉพาะ ตั้งแต่ผลงานแจ้งเกิดมาถึงปัจจุบัน เขาแทบจะไม่เคยฉีกตัวเองออกไปจับหนังแนวอื่นๆ เลย ก็เลยกลายเป็นว่ามุมมองและองค์ประกอบหลายอย่างที่เขานำมาใส่ในหนังภาคนี้นั้น ก็ยังวนลูปเดิมๆ ไปมา และยิ่งกลายเป็นสูตรสำเร็จเดิมที่กำลังจะไม่เวิร์กกับตัวหนังสักเท่าไหร่แล้ว

 

โดยปริศนาในฉากพิเศษดังกล่าวนั้น น่าจะเป็นการบอกใบ้ว่าหนังอาจจะได้เดินหน้าสานต่อไปกับ พี่นาค 4 ในลำดับต่อไป อีกทั้งยังมีอีสเตอร์เอ้กสำคัญที่ปรากฏอยู่ในหนังด้วย นั้นก็คือตัวละครชายหนุ่มลึกลับในหมู่บ้านริมโขง ที่ถูกเปิดตัวเอาไว้อย่างมีนัยยะ โดยบทดังกล่าวได้ “แปลน รัฐวิทย์” มาร่วมแสดงรับเชิญ ซึ่งเขาเป็นนักแสดงคู่จิ้นคู่ปัจจุบันกับ “มีน พีชวิชญ์” ที่รับบทเป็น โทมินจุน ในหนังนั่นเอง

 

เนื่องจากในภาคนี้กลุ่มตัวละครหลักที่ผู้ชมต้องติดตามมีจำนวนมากถึง 8 คนด้วยกัน แต่ภาพยนตร์กลับไม่สามารถกระจายบทบาทให้กับแต่ละคนได้อย่างทั่วถึง เช่น คุณโท ไอดอลเกาหลีสุดเท่ที่อาสามาช่วยเหลืออ๊อดออกตามหาวิธีแก้คำสาป แต่ในระหว่างการเดินทางคุณโทกลับไม่ได้มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลืออ๊อดหรือมีการกระทำที่ส่งผลต่อเนื้อเรื่องหลักเท่าไรนัก มันจึงส่งผลให้จำนวนของกลุ่มตัวละครหลักที่ผู้ชมต้องติดตามค่อนข้างจะล้นเกินไปจนไม่น่าจดจำ

 

 

หากว่าเปรียบเทียบกับหนัง 2 ภาคก่อนหน้านี้ ก็คงต้องบอกว่าแฟรนไชส์พี่นาคกำลังเดินไปเรื่อยๆ ในลักษณะกราฟลงเนิน ความพีคและสดใหม่ไปอัดเอาไว้อยู่ในภาคแรก ในขณะที่ภาค 2 เป็นการเติมเต็มความสะใจและยังมีจังหวะการเล่าเรื่องที่พอหอมปากหอมคอ แต่มาในภาคล่าสุดนี้ทุกอย่างเริ่มดูฝืนๆ อย่างเห็นได้ชัด การเล่าเรื่องเริ่มไม่ค่อยสมูท มีรสชาติประหลาดๆ แม้การตัดต่อและลำดับเรื่องจะยังค่อนข้างใช้ได้ แต่เริ่มสัมผัสได้ถึงองค์ประกอบของการจับแปะไม่ละเอียดตามสไตล์หนังไทยลวกๆ

 

อีกหนึ่งจุดด้อยสำคัญคือ ภาพยนตร์พยายามจะเล่าเรื่องราวในรูปแบบของการผจญภัย ที่ตัวละครต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ และเผชิญหน้ากับปมปัญหาระหว่างทาง แต่วิธีการคลายปมปัญหาของเรื่องกลับดูจะเป็นความบังเอิญมากกว่าที่ตัวละครจะต้องพยายามแก้ไขปมปัญหาเหล่านั้น ภาพยนตร์จึงไม่สามารถชักชวนให้เรารู้สึกลุ้นหรืออยากจะเอาใจช่วยให้กลุ่มตัวละครหลักข้ามผ่านปมปัญหาต่างๆ อย่างที่ควรจะเป็น

 

แน่นอนว่า พี่นาค 3 ก็ยังคงเป็นสยองขวัญที่แฝงไปด้วยตลก ที่มุกขบขันบางอย่างก็ยังทำหน้าที่ส่งต่อผู้ชมได้เป็นอย่างดีอยู่ แต่บอกเลยว่าปริมาณลดน้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่กลายมาเป็นหนังที่ดูแล้วค่อนข้างรำคาญในพฤติกรรมไร้กาลเทศะของตัวละครเสียเอง สุดท้ายอาจจะกำลังเจริญรอยตามความสำเร็จในรูปแบบเดียวกับ ‘หอแต๋วแตก’ จักรวาลหนังไทยชื่อดังอีกเรื่องหรือไม่ อันนี้ก็ไม่ทราบ

 

ในภาพรวมแล้ว พี่นาค 3 ยังคงมีความตลกขบขันและงานโปรดักชันที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้สองภาคแรก โดยเฉพาะการออกแบบผีพี่นาคที่ดุดันและมีเสน่ห์ แต่ขณะเดียวกันภาพยนตร์กลับมีจุดด้อยในแง่ของเนื้อเรื่องที่ไม่สามารถทำให้เราอยากเอาใจช่วย และยังไม่สามารถกระจายบทบาทให้กับกลุ่มตัวละครหลักได้อย่างทั่วถึง

 

เอม วิทวัส” กับ “เจมส์ ภูริพรรธน์” ถูกยกให้เป็นผู้เล่นหลักในหนังภาคนี้ ที่พวกเขาก็ยังคงส่งต่อบทและสื่อสารกันในหนังได้อย่างรื่นไหลและเหมาะเจาะกันดี เพียงแต่ว่ามิติของคาแรกเตอร์ของพวกเขาทั้งสองที่ถูกสร้างออกมา ดูจะไร้กาลเทศะและกลายเป็นกะเทยขี้บ่นขี้วีนมากไปสักหน่อย มุกตลกที่พวกเขาหยิบมาใช้ยังเวิร์กอยู่บ้าง แต่น่าเสียดายที่ในภาคนี้พวกเขาทั้งคู่ถูกเมินในการขยายอารมณ์และความรู้สึกในแบบที่ภาคก่อนเคยทำเอาไว้

 

เช่นเดียวกับ “มีน พีรวิชญ์”, “คิวเท ซิม”, “ปอนด์ คุณพัทธ์” และ “ต้า อธิวัตน์” ที่ส่วนใหญ่พวกเขาเป็นนักแสดงออริจินัลตั้งแต่ในภาคแรก มาในภาคนี้กำลังย่ำอยู่กับที่ แม้ว่าจะเห็นความพยายามในการสร้างมิติให้กับคาแรกเตอร์ต่างๆ แต่ก็ยังไม่ได้ถึงจุดที่ต้องการ โดยเฉพาะ “แชมป์ ชนาธิป” ที่มารับบทหนักเป็น ผีพี่นาค ในภาคนี้ ปูพื้นเพมาค่อนข้างดี แต่กลับใช้เข้ามาเป็นเพียงองค์ประกอบเสริม ที่แทบจะไม่ให้น้ำหนักและแอร์ไทม์กับเขาสักเท่าไหร่เลย