รีวิว Black Crab

เอียดห์ (แสดงโดย นูมิ ราเพซ) แม่เลี้ยงเดี่ยวลูกสาวคนเดียวที่ต้องมากลายเป็นทหารหญิง หลังเกิดสงครามขึ้นฉับพลัน เธอได้รับมอบหมายให้ส่งพัสดุลึกลับที่เรียกว่าภารกิจ “แบล็คแคร็บ (ปูดำ)” ที่สามารถหยุดสงครามครั้งนี้ได้ แต่ต้องเดินทางด้วยสเก็ตน้ำแข็งผ่านทะเลพร้อมด้วยทหารอีก 5 คน เพื่อไปยังเป้าหมายที่ห่างไกลกว่า 100 ไมล์ทะเล โดยมีเป้าหมายแรงจูงคือการไปพบลูกที่หายตัวไปในอดีต ดูหนัง

ฤดูหนาวเยือกแข็งแสนหฤโหดในโลกยุคล่มสลายเพราะสงคราม ทหาร 6 นายถูกรวบรวมมาทำภารกิจเสี่ยงตายโดยการขนส่งแคปซูลปริศนาที่จะช่วยยุติสงคราม แต่ปัญหาคือพวกเขาต้องเข้าสู่แดนของศัตรูข้ามทะเลที่กลายเป็นแผ่นน้ำแข็งสุดลูกหูลูกตา ดูหนังออนไลน์ 

หนังจากเน็ตฟลิกซ์สวีเดนอาจไม่ได้เป็นที่สนใจในบ้านเราบ่อยนัก หรือพูดให้ถูกคือหนังโซนยุโรปที่ไม่ใช่จากประเทศอังกฤษถือว่าเป็นของไม่ถูกโฉลกกับคอหนังบ้านเราเสียส่วนใหญ่ และหนังเรื่องนี้จึงพยายามขายดาราอย่าง นูมิ ราเพซ (Noomi Rapace) ที่โด่งดังจากหนัง ‘The Girl with the Dragon Tattoo’ (2009) ฉบับดั้งเดิมของสวีเดน จนมีโอกาสได้ร่วมงานหนังบล็อกบัสเตอร์ฝั่งฮอลลีวูดอีกมากมายหลังจากนั้น เป็นดาราสวีเดนไม่กี่คนที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างแท้จริง เพื่อทำให้หนังน่าสนใจสำหรับคอหนังทั่วไปมากขึ้น

รีวิวหนังใหม่ Black Crab

ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญของสวีเดนที่มีแบ็คกราวด์อยู่ในโลกหลังหายนะที่ถูกทำลายล้างด้วยสงคราม ผ่านการเดินทางด้วยสเก็ตน้ำแข็งที่ถือว่าแปลกใหม่เลยในหนังสงครามแบบไม่เคยมีมาก่อนแน่ๆ ที่ใช้ฉากผืนน้ำแข็งเป็นโลเกชั่นหลัก ซึ่งโดยปกติหนังสงครามเราจะได้เห็นฉากระเบิด พื้นดินระเบิด ไฟไหม้ อะไรต่างๆ เหล่านี้ที่ชวนให้คิดทันทีว่าถ้าไปวางเรื่องราวไว้บนผืนน้ำแข็งที่เปราะบางแตกง่ายจะเป็นเช่นไร มันเป็นโจทย์ที่ท้าทายมาก และหนังเรื่องนี้ก็สามารถสร้างมันออกมาได้แปลกใหม่ชวนระทึกได้ตลอดเรื่องจริงๆ

ทว่าเมื่อรับชมเข้าจริงแล้ว ต้องยอมรับว่านี่เป็นหนังแนวโรดมูฟวี่ที่เปลี่ยนจากท้องถนนเป็นทะเลน้ำแข็ง เปลี่ยนจากดราม่าเพื่อนร่วมทางไปสู่ความเข้มข้นของนายทหารจำเป็นในสงคราม ที่ภารกิจไม่ใช่การตามหาความฝันหรือเรียนรู้ชีวิตแต่เป็นการเอาชนะสงคราม เป็นความรู้สึกที่ใกล้เคียงหนังสงครามที่เดินเท้าเข้าแดนศัตรูอย่าง ‘Saving Private Ryan’ (1998) ในแบบที่ลดดีกรีความคลาสสิกลงมา ไม่ละเมียดเท่าแต่ก็มีกลิ่นความระทึกและน่าติดตามอย่างมีชั้นเชิงเช่นกัน ดูหนัง 4k

รีวิวหนังใหม่ Black Crab

ตัวหนังสร้างจากนิยายมีชื่อเสียงของนักเขียน Jerker Virdborg ซึ่งการที่เป็นนิยายมาก่อนก็ทำให้ตัวเรื่องละเอียดมีเนื้อหาลึกมากกว่าหนัง Netflix โดยทั่วไปแบบเห็นได้ชัด และที่น่าแปลกใจคือผู้กำกับ อดัม เบิร์ก (Adam Berg) ดูจากผลงานที่ผ่านเคยกำกับแค่หนังสั้นสองเรื่อง นอกนั้นเป็นมิวสิควิดีโอ นี่จึงเป็นผลงานหนังเต็มตัวเรื่องแรกของเขา และยังได้ดาราชื่อดังอย่าง นูมิ ราเพซ มาแสดงนำ พร้อมกับงานโปรดักชั่นที่ใหญ่โต ถือว่าไม่ธรรมดาเลยสำหรับหนังสร้างจากเน็ตฟลิกซ์ (เท่าที่สืบค้นเรื่องนี้ไม่เคยได้ฉายโรงมาก่อน มีแค่เปิดตัวในงานเทศกาลครั้งเดียวเท่านั้น) ดูหนังออนไลน์ 4k

ราเพซรับบทเป็นคุณแม่ที่พลัดพรากจากลูกสาวไปขณะสงครามเริ่มต้นได้ไม่นาน เธอจึงเข้าเป็นทหารเพื่อตามหาลูกและวันหนึ่งก็ถูกตามตัวเร่งด่วนเพื่อเข้ารับภารกิจปูดำที่ต้องอาศัยความมืดยามค่ำคืนไถสเกตข้ามทะเลที่กลายเป็นน้ำแข็งดำเพื่อไปส่งแคปซูลบางอย่างที่จะช่วยให้สงครามยุติในดินแดนของศัตรู แต่เธอเพียงต้องการไปพบลูกสาวที่มีรายงานว่าอยู่ที่เมืองดังกล่าวเท่านั้น รีวิวหนังใหม่

รีวิว Black Crab

จุดเด่นสุดของเรื่องนี้คือฉากสงครามผ่านการใช้สเก็ตน้ำแข็งในทะเลน้ำแข็ง ซึ่งตัวเรื่องในส่วนนี้มีถึงราวๆ 70% ของเรื่อง เรียกว่าเป็นงานขายฉากแอ็กชั่นสงครามบนผิวน้ำแข็งที่แปลกตามาก เริ่มตั้งแต่การเล่นสเก็ตหลบหลีกการโจมตีข้าศึกแบบต่างๆ ซึ่งในเรื่องใส่มาแทบครบเลยดีกว่า ตั้งแต่ฮอไล่ยิง ปืนกล สไนเปอร์ หรือแม้แต่จรวดหัวรบยิงถล่มก็มี เพียงแต่ไม่ได้ตกลงที่พื้นนำ้แข็งโดยตรง แต่ก็เป็นฉากใหญ่เปิดเรื่องก่อนลงพื้นน้ำแข็งที่ทำให้เห็นเลยว่างานโปรดักชั่นรวมถึง CG ของเรื่องนี้ไม่เล็กเลย

และเมื่อกลุ่มจัดตั้งอย่างเร่งรีบทหารอีก 5 คนที่ถูกเข้าร่วมภารกิจจึงต่างทั้งบุคลิกและจุดมุ่งหมาย มีคนที่แก่วุฒิภาวะสูงคอยเป็นกาวใจ มีสไนเปอร์หนุ่มที่ยังคงมองหาเหตุผลของสงคราม มีพลวิทยุสื่อสารที่ร้อนรนเพราะไม่รู้ว่าแฟนสาวเป็นหรือตายเมื่อเขาจากมา รวมถึงทหารอาชีพที่เหมือนรู้ลับลมคมในของภารกิจบางอย่างอยู่ ทั้งหมดก็สร้างเคมีในกลุ่มให้ดูมีความขัดแย้ง ความไม่ลงรอย และก่อความผูกพันแบบแปลก ๆ ขึ้นระหว่างการเดินทาง

ส่วนใครที่คิดว่ายิงกันขนาดนั้นแล้วพื้นน้ำแข็งไม่แตกหรือไง ในเรื่องก็อาจจะมีจุดที่ดูเว่อร์ๆ อยู่บ้าง แต่หลายฉากก็ทำให้เราพอเชื่อได้ แล้วก็มีพวกอุบัติเหตุจากน้ำแข็งแตกจากการเดินทางรวมอยู่ด้วย รวมถึงฉากดำไปใต้น้ำ ซึ่งภัยอันตรายทุกอย่างที่เกิดกับผืนน้ำแข็งในเรื่องนี้มีไว้หมด รวมถึงพวกฉากโลกหายนะในทะเลน้ำแข็ง อย่างเรือโดยสารถูกแช่งแข็งครึ่งลำ สุสานศพใต้น้ำแข็ง

ในหนังอธิบายไว้ว่าเป็นครั้งแรกใน 37 ปีที่ทะเลกลายเป็นน้ำแข็งหมด แต่ไม่ได้บอกสาเหตุไว้ แต่ก็น่าจะเกิดจากผลกระทบจากสงครามในเรื่องนี้ นอกจากนั้นวิวเวิ้งว้างกลางทะเลน้ำแข็งในเรื่องยังดูสวยแปลกตา จนสงสัยว่าถ่ายทำกันได้ยังไงถ้าไม่ใช้ CG ซึ่งเนียนจนแยกไม่ออกจริงๆ

ตรงนี้เป็นจุดดีทีเดียวที่หนังไม่ปูเรื่องราวของตัวละครอื่นมากนัก แต่ให้เราค่อย ๆ รู้ไปเอง ทำให้หนังไปเน้นการคิดเส้นเรื่องและอุปสรรคระหว่างทางได้อย่างน่าตื่นเต้น เช่น บ้านของคู่สามีภรรยาที่ไม่ยอมอพยพ ป้อมปืนกลบนเกาะกลางทะเล แผ่นน้ำแข็งเปราะบางที่พร้อมจะแตกเมื่อก้าวผ่าน เป็นต้น หนังจึงดูสนุกและลุ้นระทึกบ้าง ถ้าเป็นเกมก็คือมีการออกแบบด่านได้อย่างน่าสนใจ ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของตัวละครที่เราชมอยู่ได้ดีจนละสายตาไม่ได้ในที่สุด

รีวิวหนังใหม่ Black Crab

ตัวผลกระทบในเรื่องนี้ก็ไม่ได้จำกัดแค่ในทะเลน้ำแข็ง แต่ในเรื่องนี้ยังรวมถึงพื้นดินด้วยที่มีแต่ความหนาวเหน็บทั้งเรื่อง ซึ่งบางครั้งกลุ่มตัวเอกก็ต้องขึ้นไปพื้นดินบ้าง แต่ก็ไม่มีการได้หยุดพักกันจริงๆ เลยสักครั้ง เพราะในเรื่องนี้ทุกครั้งที่หยุดพักจะมีฉากยิงกันตามมาเสมอ เป็นหนังที่ขยันใส่ฉากยิงกันมาต่อเนื่องแบบแทบไม่มีพักเบรคอะไรกันเลย ตอบโจทย์คอหนังสงครามยิงกันได้แน่นอน

และตัวละครทั้งหมดของเรื่องก็มีส่วนในการสู้รบทั้งหมด ไม่ได้โฟกัสที่นางเอกเพียงคนเดียว ทุกคนมีบทบาทกับการเดินเรื่องช่วยทั้งการรบและส่งบทดราม่า แน่นอนว่าต้องมีคนตาย ตัวเรื่องจะค่อยๆ ตัดตัวละครน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่ทุกคนก็มีบทบาทตอนตายเป็นซีนดราม่าชวนหดหู่ไปกับเรื่องได้พอสมควร (ยกเว้นคนแรกที่อาจจะปุ๊บปั๊บไปหน่อยเท่านั้น) ซึ่งตัวหนังก็สะท้อนความโหดร้ายของสงครามออกมาได้ดีเลย

และอีกจุดเด่นของหนังที่ชอบมากคือ การเป็นหนังสงครามที่สมรภูมิแปลกตามาก เป็นลานสเกตน้ำแข็งสุดลูกหูลูกตาที่ต้องระวังทั้งข้าศึกและธรรมชาติที่อยู่รอบตัว การถ่ายภาพมุมสูงหรือมุมกว้างที่เห็นทิวทัศน์ของแผ่นน้ำแข็งเป็นลวดลายต่าง ๆ ก็ดูสวยและดูลึกลับไปพร้อมกัน แล้วประกอบกับการออกแบบฉากที่แปลกตาหลายครั้งอย่างทุ่งสังหาร หรือเรือขนาดใหญ่ ที่เกาะกลืนกับแผ่นน้ำแข็ง มันทำให้หนังดูมีรสนิยมอยู่ไม่น้อยเลย

นอกจากนี้แล้วตัวเรื่องยังมีปมหลักที่ชวนให้น่าสงสัยแต่แรกว่า ของในภารกิจนี้คืออะไร ทำไมถึงตัดสินแพ้ชนะสงครามได้เลย ซึ่งปมนี้ถูกผลักดันไปควบคู่กับเป้าหมายของนางเอกที่ต้องการไปพบลูกสาวในจุดหมายปลายทางแบบมุ่งมั่นเอาชีวิตเข้าแลก จนทำให้การตัดสินใจของตัวนางเอกในบางครั้งดูแย่เพราะไม่คิดถึงคนอื่นในทีมเลย ซึ่งทั้งหมดจะมีที่มาที่ไปโดยตอนเปิดเรื่องเราจะได้เห็นฉากจุดเริ่มสงครามวันแรกที่มีการก่อการร้ายและอาจจะทำให้เธอสูญเสียลูกสาวไปในวันนั้น แต่ในฝันระหว่างพักสั้นๆ ทุกครั้งเรื่องจะแฟลชแบ็คเล่าย้อนกลับไปว่าเธอกับลูกใช้ชีวิตยังไงในช่วงสงคราม ซึ่ปมนี้ถูกทำให้คลุมเครือเป็นความลับตลอดเรื่องว่า จริงๆ แล้วเหตุการณ์ในตอนเปิดเรื่องเป็นยังไงกันแน่

 

Black Crab

กล่าวได้ว่า ‘Black Crab’ เป็นหนังที่ดูเอาสนุกเอามันก็เพลิดเพลิน ดูภาพเอาเพลินสายตาก็น่าประทับใจ ไม่สั่งสอนคนดูจนเกินงามปล่อยพื้นที่ว่างให้ผู้ชมได้คิดพอสมควร และแม้ตอนจบอาจจะเปลี่ยนโทนหนังไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นการลงของหนังที่ควรจะเป็นได้ดี เป็นประเภทหนังเน็ตฟลิกซ์ที่นาน ๆ ทีเราบังเอิญเปิดเจอแล้วพบว่ามันสนุกจนต้องบอกต่อครับ

โดยทั้งสองปมนี้จะถูกเฉลยในตอนท้าย และยังผลักดันเรื่องราวไปต่อได้อีกในองค์สุดท้าย ไม่ใช่แค่จบภารกิจตอนต้นเท่านั้น ซึ่งในองค์สุดท้ายตัวเรื่องถูกพลิกมาเป็นอีกแนวที่ไม่ใช่ฉากยิงกันในสงคราม แต่เป็นฉากภารกิจสุดท้ายจากการตัดสินใจของตัวละครที่เหลือรอดอยู่ว่าจะจบสงครามนี้ลงแบบไหน ซึ่งช่วยเคลียร์ปมเรื่องราวลูกของนางเอกพร้อมกับภารกิจหยุดสงครามได้ค่อนข้างดีเลย แม้จะมีกังขาอยู่บ้างว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น แต่นั่นก็ไม่ใช้พ้อยท์หลัก เพราะหัวใจหลักของเรื่องคือความรักของแม่ที่มีต่อลูกที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวทั้งหมดมาถึงจุดนี้ (มีช่วงเอนเครดิตสวยๆ ประกอบให้เห็นด้วย)

เนื้อเรื่องน่าสนใจอยู่นะ หนังเล่าเรื่องประเทศสวีเดน จะเกิดอะไรขึ้นหากเกิดสงครามกับประเทศที่ขึ้นชื่อว่าสงบสุขและประชาชนมีความเท่าเทียมกันสูง หนังพยายามนำเสนอความเป็นมนุษย์ ว่าในสถานการณ์คับขันคนเราจะเลือกอะไร ระหว่างเหตุผลความถูกต้องกับผลประโยชน์ของตนเอง โดยเล่าผ่านภาระกิจการเดินทางด้วยสเก็ตเพื่อส่งของระหว่างสงคราม แต่นอกจากเส้นเรื่องหลักแล้ว บทถือว่ายังอ่อน ไม่มีการอธิบายที่มาที่ไปของตัวละคร ทำให้หลายครั้งไม่รู้สึกอินร่วมไปด้วย และแอบสงสัยตลอดว่าจุดนี้ จุดนั้นมาได้ยังไง ไม่ค่อยสมจริง ตัวละครบางตัวบทจะตายก็ตายง่าย ๆ ส่วนคนอึดก็อึ้ดอึด

ส่วนจุดด้อยของเรื่องก็มีเล็กน้อย อย่างการที่บางฉากดูโม้ๆ เว่อร์ไปสักหน่อยว่ายิงกันขนาดนั้นทำไมน้ำแข็งไม่แตก กับเรื่องราวของสงครามที่เรื่องแทบไม่ให้เรารู้เลยว่าสวีเดนไปรบกับใคร แต่มองจากชุดศัตรูที่ใส่ชุดขาวน่าจะเป็นทหารรัสเซีย ซึ่งแบ็คกราวด์ของสงครามในเรื่องค่อนข้างน้อยมากจนเราไม่รู้เลยว่าเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ตรงนี้ก็เหมือนผู้สร้างไม่ได้ต้องการเน้น จึงมองข้ามไปก็ได้ แต่จริงๆ น่าจะมีการเล่าสั้นๆ ให้พอเข้าใจโครงสร้างโลกในเรื่องสักหน่อย เพราะมันมีส่วนสำคัญกับสิ่งของที่เป็นภารกิจสำคัญในเรื่องตรงๆ ว่ากำลังรรบกับใคร ถึงต้องใช้เจ้าสิ่งนี้เพื่อหยุดสงครามครั้งนี้

หนังสงครามกึ่งไซไฟในโลกหายนะที่มีฉากหลังของเรื่องบนผืนน้ำแข็งในทะเลที่แปลกตา เวิ้งว้าง สวยงาม และน่ากลัวไปพร้อมกัน ฉากยิงต่อสู้กันบนผืนน้ำแข็งในเรื่องทำออกมาได้ดีมาก และยังใส่มาต่อเนื่องแทบจะไม่มีการพักเบรคเรื่องราวเลย ถือว่าตอบโจทย์คอหนังสงครามยิงกันได้แน่ ยิ่งตัว นูมิ ราเพซ เองก็ออกมาโชว์ลีลาแนวฮีโร่หญิงสุดเก่ง ทุกฉากยิงกันดูสนุกตื่นเต้น อีกทั้งปมหลักของเรื่องยังมีความลับที่น่าติดตาม และสอดแทรกเรื่องราวความรักของแม่เข้ามาเป็นหัวใจหลักของเรื่องราวได้อย่างลงตัว

สาวนูมิ นักแสดงฝีมือดีชาวสวีเดน ที่มีผลงานภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดชื่อดังมาแล้วหลายเรื่อง เรื่องนี้เป็นการกลับมาเล่นภาพยนตร์สวีเดนอย่างเต็มตัวอีกครั้งในรอบหลายปี ซึ่งไม่ทำให้ผิดหวัง แสดงดี บู๊เก่งเว่อร์ทั้งเรื่อง สะใจ

สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างโดดเด่นของเรื่องนี้นอกจากฝีมือการแสดงของนูมิ ราเพซ ก็ต้องยกให้ภาพวิวทิวทัศน์ ที่งดงามจนอยากร้องว้าว มีแสงเหนือปรากฎบนท้องฟ้าในวันที่ถ่ายทำด้วย ตอนดูก็ยังคิดอยู่ว่าถึงเราจะ Crazy อยากดูแสงเหนือ แต่ถ้าอยู่ในสถานการณ์รบแบบนั้นคงไม่มีเวลามาชื่นชม โดยมีหลายซีนถ่ายทำกันที่ประเทศสวีเดนจริง ๆ ใครเป็นแฟนสาว นูมิ ราเพซ เรื่องนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง บู๊ เร้าใจ ลุ้นต่อเนื่อง แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าบทมันเรื่อย ๆ ไม่ได้ขุดคุ้ยที่มาที่ไปของตัวละคร จึงไม่ผูกพัน ไม่อิน หลายส่วนมีความบ้ง สงสัยว่าจริงเหรอ? เป็นไปได้เหรอ? เยอะอยู่ แต่ที่ได้แน่ ๆ คือความเข้มข้นของแอ็คชั่น ในลักษณะที่ไม่ได้บู๊ เดือดเลือดพล่าน แต่บู๊แบบลุ้นต่อเนื่อง ให้คะแนน 7/10 ถ้าไม่ว่าง มีซีรีส์หรือหนังต่อคิวยาว ข้ามเรื่องนี้ไปก็ไม่ถือว่าพลาดอะไรนัก แต่หากกำลังหาหนังบู๊ฆ่าเวลา เรื่องนี้ก็ถือว่าน่าสนใจ