รีวิวหนังใหม่ SCREAM 2022

 

SCREAM 2022 การคืนชีพฆาตกรโรคจิตแบบออริจินอลพร้อมความสดใหม่ไม่เหมือนเดิม สิ่งที่ทำให้หลายคนรู้สึกเป็นกังวลเวลาที่มีการนำเอาภาพยนตร์ในตำนานมาสร้างใหม่คือกลัวว่าภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาใหม่จะไม่สามารถทำได้ดีพอเมื่อเทียบกับภาคออริจินอล หรือแม้แต่การสร้างภาคต่อของภาพยนตร์ที่ไม่ได้มีการสานต่อมาเป็นระยะเวลายาวนานไม่ว่าจะเป็นความนิยมของภาพยนตร์เรื่องนั้นเสื่อมลงหรือภาพยนตร์อาจจะไม่เหมาะกับยุคนี้อีกแล้ว ล้วนแล้วแต่กลายมาเป็นอุปสรรคที่ทำให้ภาพยนตร์เหล่านั้นไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ควรจะเป็น  ดูหนัง 

 

หนังไล่เชือดที่ห่างหายจากภาค 4 มา 10 ปี ซึ่งภาคนี้ก็ทำในช่วงครบรอบ 10 ปีแบบเหตุการณ์ในเรื่องที่ผ่านๆ มามักกินเวลาห่างกัน 10 ปี ก็จะมีฆาตกรโรคจิตใส่หน้ากากผีมาไล่ฆ่าคนในเมืองวูดส์โบโร ซึ่งแฟนๆ หนังชุดนี้คงจำเรื่องราวได้ดีอยู่แม้จะห่างมานับสืบปีแล้วก็ตาม ซึ่งสาเหตุที่หยุดไปหลักๆ ก็คงเป็นเรื่องบทเริ่มตัน คะแนนวิจารณ์ในแต่ละภาคต่ำกว่าภาคแรกมากมาย จนถ้าทำต่อไปก็คงกลายเป็นแฟรนไชนส์สยองขวัญเรื่องอื่นๆ ดูหนังออนไลน์ 

 

รีวิวหนังใหม่ SCREAM 2022

 

ที่เอากลับมาแล้วดับสนิทตอกฝาโลงมากกว่าจะเป็นการฟื้นคืนชีวิต ในภาคนี้ทางผู้สร้างก็เลยไม่ใช้เลข 5 เป็นภาคต่อ แต่ใช้ชื่อ Scream แบบภาคแรกกันตรงๆ ซึ่งก็เหมือนเป็นการท้าทายไปยังแฟนๆ ให้มาพิสูจน์ว่าแฟรนไชนส์หนังสืบสวนไล่เชือดเรื่องนี้ยังมีดีพอที่จะกลับมาได้อีกครั้งจริงหรือไม่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้เหมือนเป็นการหวนคืนกลับมาของสครีมที่ดีสุดรองจากภาคแรกเลยทีเดียว ดูหนัง 4k 

 

Scream (2022) เป็นภาคที่ 5 ของแฟรนไชส์นี้ ซึ่งเป็นเวลากว่า 11 ปีแล้วตั้งแต่ภาค 4 และภาคนี้เป็นภาคแรกที่ผู้กำกับไม่ใช่ Wes Craven เนื่องจากเขาเสียชีวิตไปเมื่อปี 2015 ภาคนี้จึงเป็นเหมือนการอุทิตให้แก่เขา ผู้กำกับผู้ริเริ่ม และทำแฟรนไชส์เรื่องนี้มาถึง 4 ภาค และในภาคนี้มีผู้กำกับ 2 คน ได้แก่ Matt Bettinelli-Olpin และ Tyler Gillett โดยภาคนี้จะเป็นภาคที่สร้างมาเพื่ออุทิศให้แก่ผู้กำกับ Wes Craven ผู้ริเริ่มแฟรยนไชส์นี้ ซึ่งภาคนี้รับประกันความดุเดือด เลือดสาดมากกว่าทุกภาคที่ผ่านมา และให้เราตามหาฆาตกรตัวจริงไปพร้อมกับตัวละครหลัก อย่างสนุก ตื่นเต้น และไปลุ้นไปกับสถานการณ์ในหนัง ดูหนังออนไลน์ 4k

 

จริง ๆ เป็นเรื่องยากที่ภาพยนตร์ภาคต่อจะสร้างความสดใหม่ให้แก่เรื่องราวเดิม ๆ ได้ แต่ ‘Scream’ สามารถจัดการกับเนื้อเรื่องส่วนใหญ่ของภาพยนตร์ได้อย่างชาญฉลาด มีการเพิ่มตัวละครใหม่ที่มีความเชื่อมโยงกับภาคก่อน ๆ และยังคงความระทึกและสยองาขวัญเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม นี่ยังคงพิสูจน์ให้เห็นว่าแฟรนไชส์นี้ยังคงไปต่อได้ ‘Scream’ เป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่อาจดูไม่แตกต่างจากเรื่องก่อน ๆ แต่ได้สอดแทรกประเด็นดราม่าของเมืองเล็ก ๆ, ความน่ารังเกียจของวงการบันเทิงยุคใหม่ และมันก็ยังสนุกมากด้วย

 

ในช่วงนี้ดูเหมือนว่าภาพยนตร์แนวไล่เชือดจากยุค 90 จะกลับมาได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว นับตั้งแต่ที่ทาง NETFLIX ได้มีการสร้างภาพยนตร์ซีรีส์อย่าง FEAR STREET ขึ้นมาและประสบความสำเร็จอย่างงดงามแม้ว่าในภาคแรกจะมีกระแสตอบรับที่ไม่ค่อยดีก็ตาม และด้วยความสำเร็จนี้เองที่ทำให้ทาง NETFLIX หันมาเอาดีในการต่อยอดแฟรนไชส์ภาพยนตร์แนวไล่เชือดจากยุค 90 มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม รีวิวหนังใหม่

 

อย่างเช่นที่เราจะมาแนะนำในวันนี้ก็เป็นภาพยนตร์ที่ NETFLIX ได้หยิบนำเอาภาพยนตร์แนวไล่เชือดจากยุค 90 ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามมาสานต่อเป็นภาคที่ 5 นั่นก็คือ SCREAM 2022 เป็นการฟื้นคืนชีพฆาตกรโรคจิตที่มาพร้อมกับหน้ากากผีสุดหลอน ใครที่เคยรับชม 4 ภาคแรกมาแล้วจะรู้ดีถึงความน่ากลัวของมัน มันเต็มไปด้วยความอำมหิตและความโหดร้ายไร้ปราณี เป็นการกลับมาอีกครั้งหลังห่างหายไปเป็นเวลายาวนานนับ 10 ปีเลยทีเดียว การกลับมาในครั้งนี้จึงทำให้แฟนภาพยนตร์แนวไล่เชือดหลายคนรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับภาพยนตร์เรื่องนี้กัน

 

เกิดคดีฆาตกรรมแบบเดิมขึ้นอีกครั้งในเมืองวูดส์โบโร ทำให้ “แซม คาร์เพนเตอร์” ตัวเอกในภาคใหม่ต้องกลับเมืองนี้อีกครั้งหลัง เพราะเรื่องราวนี้มีความเกี่ยวข้องกับความลับของครอบครัวเธอ แต่ทางตำรวจกลับช่วยเหลืออะไรเธอไม่ได้มาก ทำให้เธอต้องไปหาดิวอี้ อดีตนายอำเภอที่ผ่านเหตุการณ์สยองขวัญนี้มาตลอด เพื่อหวังว่าเขาจะใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาช่วยเธอตามล่าฆาตกรคนใหม่ครั้งนี้ได้

 

ภาคนี้ได้ผู้กำกับจาก หนัง Ready or Not (เกมพร้อมตาย) Matt Bettinelli-Olpin /Tyler Gillett กำกับสองคนรวมถึงสครีมภาคนี้ด้วย และก็ยังได้ผู้เขียนบทจาก Ready or Not คนเดิมมาร่วมทีมสร้างเรื่องนี้ ร่วมกับอีกหนึ่งผู้เขียนบทจาก Zodiac หนังฆาตกรรมสร้างจากเรื่องจริงของผู้กำกับเดวิด ฟินเชอร์ ซึ่งทำให้ทีมงานสร้างสครีมภาคนี้เรียกว่าแน่นปึ๊กด้านคุณภาพมาก ตัวหนังจึงมาพร้อมกับเรื่องราวที่เป็นภาคต่อเหมือนยกเครื่องใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ใหม่ไปทั้งหมด เรียกว่าเป็นงานสร้างที่พยายามยึดโยงสครีมภาคแรกมากที่สุดกว่าภาคไหนๆ และไม่ใช่การยึดโยงแบบมั่วซั่วด้วย แต่เป็นการยึดโยงแบบอ้างอิงแนบสนิทไปกับภาคแรกตั้งแต่เริ่มฉากแรกจนฉากสุดท้าย จนคุณสามารถดูแค่ภาคแรกแล้วข้ามมายังภาคนี้เลยก็ได้ เพราะเหมือนเป็นภาคต่อจากภาคแรกแบบที่สมบูรณ์กว่าภาคที่ผ่านๆ มาทั้งหมด

 

รีวิวหนังใหม่ SCREAM 2022

 

รีวิวหนังใหม่ SCREAM 2022

โดยภาคนี้จะเป็นตัวละครใหม่แทบทั้งหมด แต่ก็มีการนำตัวละครของภาคเก่าๆหลายคนมาในภาคนี้เหมือนกัน ซึ่งมีนักแสดงของภาคแรก และตัวละครคลาสสิคอย่าง ซิดนีย์ นางเอกภาคแรก เกล และ ดิวอี้ แถมภาคนี้ยังมีการอ้างอิงและพูดถึงภาคแรกเยอะพอสมควร และก็ล้อหนังตัวเองทั้งเรื่อง แต่ไม่ได้เยอะจนน่าเบื่อ แถมมีการดำเนินเรื่องผ่านตัวละครหลักที่เป็นแฟนหนังไล่เชือดเหมือนกับภาคแรก และมีการล้อตัวเองว่า ภาคต่อห่วย แฟนหนังอยากได้แบบภาคแรก และภาคนี้ก็จัดให้ เพลินมากๆ และสนุกจริงๆ เป็นภาคต่อที่สมบูรณ์แบบ

 

นี่เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในแฟรนไชส์ที่ เวส เครเวน (Wes Craven) ไม่ได้กำกับ ซี่งเป็นเวอร์ชันที่แสดงความเคารพต่อประวัติอันยาวนานของภาพยนตร์สยองขวัญในอดีตในรูปแบบของภาพยนตร์สยองขวัญรุ่นใหม่ มันทั้งสนุกในแบบน่ากลัว และมีอารมณ์ขันร่วไปด้วย นี่เป็นการพิสูจน์ว่าฆาตกรหน้ากากผีได้กลับมาแล้ว และยิ่งเลือดสาดมากกว่าแต่ก่อนเสียอีก อย่างไรก็ดี ที่เป็นเพียงคำวิจารณ์แรกจากสื่อในต่างประเทศเท่าน้ั้น โดย ‘Scream’ มีกำหนดเข้าฉายในประเทศไทย วันที่ 20 มกราคม 2022 นี้

 

ในส่วนของการแสดงในเรื่อง นักแสดงทุกคนทำออกมาได้ดี ไม่ติดตรงไหนเลย ทุกคนเล่นได้สมบทบาทที่ตัวเองได้นับ มีการวางโครงเรื่องมาดี เล่าเรื่องอย่างรวดเร็ว ไม่ยืดเยื้อ กระชับ เข้าใจได้ง่าย แถมยังตื่นเต้น ไม่มีตอนไหนน่าเบื่อเลย และสิ่งที่ผมชอบมากๆคือ ภาคนี้ฆาตกรโหดมาก โหดกว่าภาคเก่าๆเยอะเลย ภาคเก่าๆรู้สึกจะไล่ฆ่าทีละคน โดยฆ่าวันละคนไปเรื่อยๆ แต่ภาคนี้ ฆาตกรยังคงฆ่าทีละคนเหมือนกัน แต่วันนึงไม่ได้ฆ่าคนเดียว คือฆ่าไปเรื่อยๆเท่าที่จะฆ่าได้ คือตายกันทั้งเรื่องจริงๆ โหดเกิ้น อีกอย่างที่ดีมากๆ คือการปรับหนังให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน มีฆาตกรในภาคนี้การใช้เทคโนโลยีในยุคปัจจุบันมาเป็นตัวช่วยในการหลอกล่อ และฆ่าเหยื่อ ซึ่งผมชอบในส่วนนี้จริงๆ

 

หนังเปิดเรื่องโดยใช้ฉากหญิงสาวรับโทรศัพท์ในบ้านคนเดียวเหมือนภาคแรก ก่อนที่จะเจอกับเกมทายปัญหาจากหนัง “สแต็ป” ซึ่งก็เหมือนเป็นการเล่นกับแฟนๆ สครีมไปด้วยพร้อมกัน ก่อนที่จะเกิดฉากไล่ล่าในบ้านที่อัพเกรดอุปกรณ์ให้ทันสมัยขึ้นตามยุค พร้อมจบด้วยฉากฆาตกรรมตามสูตรเดิม แต่แค่ฉากเปิดตัวก็ทำให้เราได้เห็นแล้วว่าเป็นงานที่ยึดโยงแบบไม่ใช่ลอก แต่เป็นการคาราวะงานต้นตำหรับพร้อมกับใส่สิ่งใหม่ๆ ลงไปในตัว ซึ่งเรื่องราวในเรื่องจะมีอ้างอิงสิ่งต่างๆ จากภาคแรกมาหลายอย่างมากมาย ทั้งตัวละครเดิมที่คนไม่คิดว่าจะกลับมาได้ก็กลับมา

 

SCREAM 2022 เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าวูดส์โบโร เมืองแห่งนี้ได้เกิดฆาตกรรมขึ้นยังเป็นปริศนา มันคือเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้วอย่างไม่มีผิดเพี้ยนทุกคนในเมืองยังคงจะจำเหตุการณ์เลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ความกลัวจึงปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง เหตุการณ์ดังกล่าวก็ทำให้แซม คาร์เพนเทอร์ผู้เป็นตัวละครเอกในภาคนี้ได้เดินทางกลับมายังเมืองดังกล่าวอีกครั้ง เนื่องจากเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้นมันดันมีความเชื่อมโยงกับความลับเกี่ยวกับครอบครัวของเธอ แม้ว่าเธอจะพยายามขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่ควรจะรับผิดชอบหน้าที่ดังกล่าวแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้มากมาย

 

รีวิวหนังใหม่ SCREAM 2022

 

ฉากสถานที่เกิดเหตุในภาคแรกก็กลับมา เรื่องราวของฆาตกรก็เกี่ยวพันกับตัวละครในภาคแรกโดยตรง ซึ่งแม้จะเป็นการเขียนเรื่องงอกมาภายหลัง แต่ก็มีเหตุผลพอทำให้ผู้ชมเชื่อถือได้ ซึ่งเป็นจุดแข็งของสครีมที่ต่างออกไปจากพวกแนวไล่เชือดเรื่องอื่นๆ (อย่าง เจสัน) เพราะฆาตกรในสครีมต้องมีเหตุผลแรงจูงใจที่น่าเชื่อถือพอกับการลุกมาใส่หน้ากากผีย้อนรอยคดีเดิมๆ ในทุกภาคให้ได้ ซึ่งเป็นโจทย์หลักที่ยากสุดของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งภาคนี้ก็ทำส่วนนี้ออกมาได้ดี

 

แบบดีกว่าภาคอื่นๆ อย่างชัดเจน ฆาตกรในภาคนี้มีความแตกต่างทั้งการลงมือและแรงจูงใจ โดยเฉพาะการอิงเรื่องราวจากภาคแรกมาเป็นเบสในการทำสิ่งต่างๆ ในเรื่องตั้งแต่แรกไปจนจบ เหมือนผู้ชมได้ย้อนรอยดูสครีมภาคแรกในอีกเวอร์ชั่นที่ต่างออกไป มีความทันสมัยกว่าหน่อยๆ แต่ก็ยังคงกลิ่นอายรูปแบบฉากไล่เชือดจากภาคแรกทำให้แฟนๆ ที่ยังจดจำภาคแรกได้น่าจะชอบภาคนี้ได้ไม่ยากแน่นอน

 

SCREAM 2022 เป็นภาพยนตร์ภาค 5 ที่ตัดสินใจว่าจะไม่ใช้ชื่อว่าภาค 5 เนื่องจากเป็นการลองใจแฟนคลับภาพยนตร์ให้มาพิสูจน์ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถทำได้ดีพอเหมือนกับภาคแรกที่มีคะแนนวิจารณ์สูงลิ่วได้หรือไม่ ซึ่งพวกเขาสามารถทำได้ดี 2 กับที่ใจกล้าใช้ชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เหมือนกับภาคแรกแบบไม่มีผิดเพี้ยนแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคสุดท้ายจะผ่านไปเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วก็ตาม

 

ความยอดเยี่ยมของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ต้องเอ่ยชมคือการเชื่อมโยงเหตุการณ์ทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นใน 4 ภาคที่แล้วได้อย่างยอดเยี่ยม เรียกได้ว่าเป็นการคืนชีพฆาตรกรสยองขวัญยอดนิยมได้แบบสมศักดิ์ศรี นอกจากจะมีตัวละครเก่าออกมาให้เราหายคิดถึงแล้วยังมีตัวละครใหม่ที่น่าสนใจอีกมากมาย และตัวละครทั้ง 2 รูปแบบนี้ก็ได้รับความสำคัญแบบเท่าเทียมกัน ปริศนายังคงเป็นสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความน่าติดตามเพราะไม่ว่าใครก็สามารถเป็นฆาตกรได้ทั้งนั้น