รีวิวหนังใหม่ The Batman

บางทีเราก็คิดสงสัยว่าฮีโร่ที่ถูกผลิตซ้ำในสื่อฯ ต่างๆ จนทะลุปรุโปร่งขนาดนี้จะยังมีแง่มุมไหนให้พูดถึงกันอีก? เราเคยมีแบทแมนที่ฮีโร่จ๋าๆ แบทแมนหนังอาชญากรรม แบทแมนกับทีมซูเปอร์ฮีโร่ฟัดมนุษย์ต่างดาว นับรวมไปถึงเกมแบทแมนอีกหลายต่อหลายภาค ที่ทำให้เรารู้สึกรู้จักกับแบทแมนราวกับเป็นป้าข้างบ้านของบรูซ เวย์นก็ไม่ปาน แบทแมนในปี 2022 ดูแตกต่างจากแบทแมนเวอร์ชันอื่นๆที่เน้นไปที่ฉากแอคชันและความโสมมของเมืองก๊อตแธม แต่หนังกลับเต็มไปด้วยความโหด ดิบ เถื่อน ที่เคลือบไปด้วยความระแวงสงสัย ด้วยภาพสไตล์ฟิล์มนัวร์ ดูหนัง 

รีวิวหนังใหม่ The Batman

‘The Batman’ เริ่มเรื่องมาด้วยความระทึกสุดขั้วเพราะนอกจากจะเป็นการเล่าเรื่องจากมุมมองของบรูซ เวย์น ผ่านเสียงบรรยายและภาพภารกิจแรกเพื่อกระตุ้นเร้าผู้ชมแล้ว มันยังพาเราไปเป็นประจักษ์พยานการฆาตกรรมเหยื่อรายแรกที่เป็นถึงนายกเทศมนตรีของก็อตแธมและทุก ๆ ศพ ทุก ๆ การฆาตกรรมก็นำไปสู่ปริศนาสำคัญที่ถูกทิ้งไว้โดยเดอะ ริดเลอร์ ฆาตกรต่อเนื่องที่เน้นฆ่าเฉพาะเหล่านักการเมืองและผู้มีอำนาจในก็อตแธม ดูหนังออนไลน์

 

โดยทุกครั้งข้อความจะถูกจ่าหน้าซองถึงแบทแมนเสมอ และภายใต้หน้ากากบุรุษแห่งรัตติกาลบรูซ เวย์นเองก็ได้เรียนรู้ว่าบางทีอดีตของพ่อแม่ที่คนยกย่องอาจแปดเปื้อนไปด้วยบาปที่ทำให้เมืองก็อตแธมเดินทางสู่เมืองที่ฉ่ำแฉะไปด้วยความฉ้อฉลแทบไม่เห็นแสงสว่าง เวย์นจำเป็นต้องแก้ปริศนาให้ได้ก่อนเดอะริดเลอร์จะประสบความสำเร็จ ในขณะเดียวกันเวย์นในคราบของแบทแมนก็ได้รู้จักกับเซลินา ไคล์สาวตีนแมวทรงเสน่ห์ที่เป็นกุญแจไขความลับอันดำมืดในเมืองก็อตแธม ดูหนัง 4k 

 

พอบอกว่าจะทำ Batman ที่มีความดาร์กขึ้น เราก็สงสัยอีกแหละว่าจะดาร์กไปถึงไหนที่ผ่านมาก็ผลิตโดยที่คำนึงถึงโทนดาร์กอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? แม้กระนั้นก็เพราะสารพัดสารเพเหตุผลที่คลางแคลงต่อ The Batman นี่แหละก็เป็นเหมือนเชื้อเพลิงที่ทำให้อยากดูมันมากขึ้น เพราะปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าฮีโร่รายนี้มีมนต์เสน่ห์ที่ต่างจากตัวอื่น และผู้กำกับ Matt Reeves ก็ทำ The Batman ออกมาเพื่อพิสูจน์ให้ได้เห็นกันว่ามนุษย์ค้างคาวรายนี้ยังมีอีกหลายมุมมองให้ได้ต่อยอดหรือพูดถึง ดูหนังออนไลน์ 4k

มันไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน ไม่ใช่ทุกคนที่จะสนุกสนานไปกับมัน คุณต้องตอบตัวเองก่อนว่าอยากดู “หนังแบทแมน” หรือ “หนังแอคชั่นแบทแมน” ถ้าเป็นอย่างหลังการหักหัวเลี้ยวหนีไปก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่หากลงใจว่ายังไงก็จะเข้ามาดู “หนังแบทแมน” ล่ะก็

ขอต้อนรับสู่ Gotham City ในเวอร์ชั่นที่ดูเสื่อมทรามเละเทะที่สุดตั้งแต่ที่เคยเห็นมาบนแผ่นฟิล์ม

รีวิวหนังใหม่ The Batman

สิ่งที่ต้องชื่นชมแมตต์ รีฟส์ (Matt Reeves) ในฐานะผู้กำกับเลยก็คือความแน่วแน่ในการเสนอให้หนังแบทแมนฉบับนี้กลายเป็นหนังฆาตกรรมสืบสวนสอบสวน และการนำตัวละครที่คนดูคุ้นชื่อคุ้นหูตามที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นมาเดินวนเวียนในก็อตแธมฉบับชื้นแฉะที่สุดเวอร์ชันหนึ่งก็ทำให้ภาพแฟนตาซีของหนังฮีโรค่อย ๆ ถูกชะล้างแล้วแทนที่ด้วยกลิ่นคาวเลือดและปริศนามรณะที่เชื้อเชิญคนดูให้ค่อย ๆ คลายปมทีละเปลาะไปกับบรูซ เวย์น มันเป็นหนังที่มีการตีความใหม่หลายๆ อย่างที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะรูปลักษณ์ ความเป็นสัญญะ แตะในประเด็นที่ไม่ค่อยถูกพูดถึง รวมไปถึงวิพากษ์เรื่องสังคมชนชั้นและการทุจริตในแวดวงราชการกันแบบไม่อ้อมค้อม รีวิวหนังใหม่

 

The Batman จึงเป็นหนังที่มีมวลความตึงตั้งแต่ต้น จังหวะจะโคนค่อยเป็นค่อยไป เล่าเรื่องไม่รีบร้อน ไม่มีจุดเร่ง แต่ก็ไม่มีจุดที่ผ่อนหรือหยุด ทุกๆ นาทีที่ผ่านไปมันอาจไม่เร็วแต่เนื้อเรื่องก็คืบหน้าไปเรื่อยๆ หากปวดห้องน้ำแค่แป๊บเดียวก็อาจตามเรื่องราวไม่ทัน ดังนั้นก็อยากให้เตรียมตัวกันไห้ดีกับ 3 ชั่วโมงของหนังที่จะค่อยๆ บีบรัดคุณด้วยความเครียดแทบไม่มีผ่อน เหมือนเอสเพรสโซ่เข้มๆ ที่ทำเอาคุณต้องคิ้วขมวดกับรสข้นคั้นของมันในทุกๆ อนูที่ลิ้นได้ผ่านสัมผัส และเพราะรสหลักเป็นแบบนั้นมันจึงไม่ใช่อะไรที่ทุกคนจะเอนจอยหรืออดทนได้ไหวไปตลอดรอดฝั่ง

รีวิวหนังใหม่ The Batman

หนังเล่าถึง บรูซ เวยน์ (โรเบิร์ต แพททินสัน) ในตอนที่ยังหนุ่ม เลือดร้อน และกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ตามจับฆาตกรต่อเนื่อง เดอะริดเลอร์ ที่ไล่ฆ่าผู้มีอิทธิพลแต่ละเมืองด้วยวิธีที่โหดเหี้ยม คนที่รับผิดชอบการสืบคดีนี้คือผู้หมวดกอร์ดอน โดยมีแคทวูแมนมาร่วมแจมด้วยในการตามจับฆาตกรต่อเนื่องที่สร้างความวุ่นวายคนนี้ และนอกจากต้องตามจับคนร้าย บรูซ เวยน์ในวัยหนุ่มก็เจอความจริงบางอย่างที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับตระกูลของเขาในการคอร์รัปชัน แบทแมนใช้เวลานานหน่อยกว่าจะกลับมา แต่แบทแมนก็กลับมา และหนังมีความยาว 2 ชั่วโมง 45 นาที กว่าสามชั่วโมง เรียกได้ว่าโคตรนานเลย ในความคิดเห็นของผู้เขียน นี้คือแบทแมนเวอร์ชันที่ดีที่สุดเท่าที่ผู้เขียนเคยดูเลย

รีวิวหนังใหม่ The Batman

เมื่อคนร้ายพูดว่า ฉันจะนำความวุ่นวายมาสู่เมืองนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือความดุดัน ความโกรธ และความรุนแรงที่ปรากฏและฉายชัดในสายตาและสีหน้าของโรเบิร์ต แพททินสันในบทของบรูซ เวยน์ ซึ่งฉบับโนแลน ไม่มีแบบนี้ ฉบับโนแลนจะเป็นแบบ ฉันจะกำจัดแกออกจากเมืองเองด้วยท่าทางนิ่งๆแบบซูเปอร์ฮีโร่สไตล์ comics มากกว่า และเพราะหนังเน้นไปที่การสืบสวนสอบสวนและการตามหาความจริง ความลุ้นของหนังจึงไม่ใช่การกำจัดหรือปราบเหล่าร้าย แต่เป็นการโค่นล้มระบบทั้งระบบอันเป็นต้นเหตุให้เกิดคนชั่วร้ายลงมา

 

ส่วนนักแสดงที่มารับบทเป็น บรูซ เวย์น นั้นในหนังเรื่องนี้ได้แก่ โรเบิร์ต แพททินสัน อันนี้ขอบอกเลยว่าตั้งแต่รู้ว่าหนังเลือก แพททินสัน มารับบทนำก็เรียกเสียงวิจารณ์ได้ทั้งไทยและเทศเป็นอย่างมาก เพราะ เราอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาเขาในบทบาทของหนุ่มแวมไพร์ ยังไงล่ะ และการที่เขานั้นได้มาเป็นแบทแมนนั้นจะออกมาเป็นเช่นไรวันนี้มีคำตอบครับ

นอกจากนั้นหนังยังมี โซอี้ คราวิทซ์ ผู้รับบท เซลิน่า ไคล์ หรือ แคทวูแมน, พอล ดาโน่ ผู้รับบท เอ็ดเวิร์ด แนชตัน,เจฟฟรีย์ ไรท์ ผู้รับบท เจมส์ กอร์ดอน,จอห์น เทอร์ทูโร ผู้รับบท คาร์ไมน์ ฟอลโคน,ปีเตอร์ ซาร์สการ์ด ผู้รับบท กิล โคลสัน,แบร์รี่ โคแฮน ผู้รับบท สแตนลีย์ เมอร์เคล,เจย์มี ลอว์สัน ผู้รับบท เบลลา รีอัล,แอนดี้ เซอร์คิส ผู้รับบท อัลเฟรด และ โคลิน ฟาร์เรลล์ ผู้รับบท ออสวัลด์ คอบเบิลพอท หรือ เพนกวิน

 

บรูซ เวย์น (โรเบิร์ต แพตทินสัน) ใช้เวลา 2 ปี ในฐานะของ เดอะแบทแมน ฮีโร่ศาลเตี้ยผู้สวมชุดมนุษย์ค้างคาว เมื่อฆาตกรต่อเนื่องที่เรียกตัวเองว่า เดอะริดเลอร์ (พอล ดาโน) ได้เริ่มจู่โจมเมืองก็อตแธม ด้วยการไล่สังหารบุคคลที่มีชื่อเสียงภายในเมืองแบบต่อเนื่อง ทำให้แบทแมนต้องหาวิธีในการยับยั้งการฆาตกรรมต่อเนื่องนี้ โดยมีความช่วยเหลือจากผู้หมวดกอร์ดอน (เจฟรีย์ ไรท์) และ แคทวูแมน เซลิน่า ไคล์ (โซอี้ คราวิตซ์) งานนี้นอกจาก The Batman จะต้องเผชิญหน้ากับฆาตกรสุดโรคจิตแล้ว เขาก็ยังต้องเผชิญหน้ากับเรื่องภายในครอบครัวในฐานะของมหาเศรษฐีผู้โชคร้าย บรูซ เวย์น อีกด้วย งานนี้ไม่ง่ายสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าดูไปลุ้นไปว่าบรูซจะทำอย่างไรกับชีวิตของเขากันแน่

ซึ่งบทที่รีฟส์ได้ร่วมเขียนกับปีเตอร์ เครก (Peter Craig) ก็แสดงให้เห็นว่า รีฟส์และเครกไม่เพียงต้องการสร้างให้บรูซ เวย์นเป็นแค่ร่างทรงของแบทแมนเท่านั้น ตรงกันข้ามหัวใจของเรื่องคือบรูซ เวย์นและเรื่องราวในตระกูลเวย์นเองก็กลายเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ให้คำตอบว่าทำไมก็อตแธมถึงกลายเป็นเมืองที่พระเจ้าหันหลังได้ขนาดนี้และที่สำคัญมันยังคงหัวใจของเมืองก็อตแธมที่ว่าเมืองที่คอรัปชันกัดกินมันจะสร้างฆาตกรขึ้นมา

และจุดที่หนังเด่นมาก ๆ คือการเพิ่มความสมจริงเข้าไปในเรื่องราวโดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างแบทแมนกับตำรวจที่ไม่สู้ดีนัก และมันก็ดันมีเหตุผลรองรับซะด้วยว่าถ้าหากมีศาลเตี้ยอย่างแบทแมนแล้ว ตำรวจที่บังคับใช้กฎหมายอย่างพวกเขาจะถูกมองว่าเป็นเพียงอาชีพที่มีไว้ประดับให้เมืองดูมีความปลอดภัยแต่ทว่าก็ดันเกิดเหตุฆาตกรรมและกลิ่นอายความกังฉินของคนในเครื่องแบบก็ส่งกลิ่นเหม็นเน่าจนทำให้เกิดเหตุฆาตกรรมเพื่อต่อสู้กับระบบขึ้น

 

ทว่าสิ่งหนึ่งที่ทุกคนดูจะเห็นพ้องก็คืองานด้านภาพที่งดงามในทุกฉากทุกซีนราวกับถูกคราฟต์มืออย่างพิถีพิถัน มีการคุมโทนภาพ หรือบางฉากก็ใช้สีตัดกันได้อย่างโดดเด่น กระทั่งการใช้งานภาพสื่อความรู้สึกหรือมู้ดของหนังก็ค่อนข้างชัดเจนเข้าใจได้ไม่ยาก ทั้งในทางกลับกันภายใต้ความงดงามที่ว่า ตัวหนังก็ยังถ่ายทอดความฟอนเฟะเฉอะแฉะและไม่น่าอยู่ของ Gotham ได้อย่างถึงแก่น เห็นได้ชัดเลยว่าทำไมเมืองนี้จึงต้องการความเปลี่ยนแปลงเร่งด่วน เรียกได้ว่าในสาขาที่เกี่ยวกับงานภาพอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีเข้าชิงสักงาน

The Batman มาแนวหนังสืบสวนสอบสวนเต็มขั้นและเน้นเชือดเฉือนกันด้วยบทสนทนา ดังนั้นภายในเรื่องจึงเต็มไปด้วยไดอาล็อกน่าสนใจ ซึ่งมีทั้งคำคมๆ หรือการใช้วาจาและภาษาเพื่อล่อลวงอีกฝ่ายให้เดินตามเกมตนเอง ดังที่ตัวร้ายหลักอย่าง Riddler ได้ลงมือกระทำไว้อย่างแสบสันต์ ทั้งๆ ที่ก็เป็นแค่คนมายด์เบรคทั่วๆ ไป ไม่ได้มีพลังพิเศษหรือแบคอัปใดๆ เลย เพียงความโกรธเกรี้ยวเท่านั้นที่ขับให้เขามาไกลจนกลายเป็นจอมวายร้ายได้ขนาดนี้

ท้ายสุดนี้คงต้องกระซิบล่ะว่าหากจะชม ‘The Batman’ ให้ได้อรรถรสจริง ๆ การยอมเสียตังค์ดูในระบบ IMAX คือจำเป็นมาก ๆ ครับเพราะแม้หนังจะไม่มีฉากขยายใด ๆ แต่ด้วยฟอร์มหนังและเสียง 6 แทร็กของ IMAX ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันทำให้เราอยู่ร่วมบรรยากาศกับหนังได้จริง ๆ แต่ต้องเตือนนะครับว่าหนังยาวร่วม 3 ชั่วโมงเลยและไม่อาจพลาดได้สักซีน รวมถึงฉากท้ายเอนด์เครดิต 1 ตัวที่บอกไว้ก่อน ถ้าลุกไป..พลาดแน่ ๆ เหมือนที่พี่กัปตันอเมริกามาโผล่ให้เรากรี๊ดกร๊าดในฉากท้ายเอนด์เครดิตของ ‘Spider-Man Homecoming’ เลย