รีวิวหนัง จันดารา ปัจฉิมบท

 

 

หนังไทยใหม่ จันดารา เป็นภาพยนตร์ไทยทวิภาคดัดแปลงจากนิยายข้างต้นเรื่อง เรื่องของจัน ดารา ซึ่งอุษณา เพลิงธรรมเขียนลงพิมพ์เป็นตอน ๆ ในหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 ถึงปี พ.ศ. 2509 มีหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล เป็นผู้เขียนบทและกำกับ และสหมงคลฟิล์ม สร้าง มีเนื้อหาทำนองนาฏกรรมเชิงสังวาส ว่าด้วยความสัมพันธ์ของครอบครัวหนึ่ง ทั้งที่เป็นความรักฉันญาติ ความรักฉันชู้สาว และความเคียดแค้นชิงชัง ชนิดที่ตัวละครแต่ละตัวล้วนเป็นกระจกสะท้อนพฤติกรรมของกันและกัน โดยจัน ดาราฉบับนี้นับเป็นการดัดแปลงนิยายข้างต้นเป็นภาพยนตร์ครั้งที่สาม สร้างเป็นทวิภาคต่อเนื่องกัน คือ จัน ดารา ปฐมบท ออกฉายวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555 และ จัน ดารา ปัจฉิมบท ออกฉายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

 

 เรื่องย่อ จันดารา ปัจฉิมบท

ไม่กี่ปีให้หลัง แก้วร่วมประเวณีกับขจร (พี่น้องร่วมบิดา) และตั้งครรภ์ เพื่อธำรงเกียรติยศของวงศ์ตระกูล หลวงวิสนันท์เดชาจึงสั่งให้วาดไปเรียกจันกลับพระนคร แล้วเสนอให้จันรับเป็นบิดาของบุตรในครรภ์แก้วแทนขจร จันตกลงโดยมีเงื่อนไขว่า หลวงวิสนันทเดชาต้องโอนบ้าน ที่ดิน และธุรกิจทั้งหมดในเครือพิจิตรวานิชให้แก่ตน โดยให้คุณหลวงอยู่ในบ้านในฐานะผู้อาศัยและจำกัดบริเวณ เพื่อชำระความแค้นของตนและเรียกคืนศักดิ์ศรีให้แก่ตระกูลพิจิตรวานิช หลวงวิสนันทเดชาจำต้องยอมรับคำ เมื่อสมประสงค์แล้ว จันก็รุดไปหาไฮซินธ์ แต่พบว่าไฮซินธ์ได้จากโลกนี้ไปแล้วเพราะไข้รากสาดน้อย

แก้วคลอดบุตรชายที่เกิดจากขจร แต่รังเกียจจนไม่ยอมให้นม ขณะที่จันซึ่งรักใครเอ็นดูลูกของแก้วราวกับลูกตน เพราะเห็นใจว่าทารกน้อยเกิดมาแล้วถูกทอดทิ้งไม่มีพ่อแม่เหมือนตน พร้อมกับได้ตั้งชื่อให้ทารกน้อยนั้นว่า ปรีย์ ดารา เพื่อล้อกับชื่อของจัน แต่เพียงไม่กี่ปีต่อมา ทุกคนในบ้านก็ได้ทราบว่าปรีย์มีภาวะปัญญาอ่อน เหตุจากการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง

 

รีวิวหนัง จันดารา ปัจฉิมบท

 

จันมีสัมพันธ์ทางเพศกับคุณบุญเลื่องอยู่เป็นประจำ จนวันหนึ่งคุณหลวงมาเห็นเข้า ความตกใจเสียใจ แค้นใจ ทำให้คุณหลวงหมดสติและกลายเป็นอัมพาธ คุณบุญเลื่องเสียใจกับเรื่องนี้มากและไม่ยอมมีสัมพันธ์ทางเพศกับจัน ซึ่งทำใหจันโกรธและเข้าใจว่าคุณบุญเลื่องยอมนอนกันตนเพียงเพราะเกรงว่าตนจะทำร้ายคุณหลวง ด้วยความเสียใจผิดหวังทำให้จันดื่มเหล้าจนเมามายแล้วไปข่มขืนแก้วและทำร้ายคุณหลวงเพื่อหวังจะล้างแค้น แก้วเสียใจมากและไปมีความสัมพันธ์ทางเพศกับคุณบุญเลื่อง โดยข่มขู่ว่าหากบุญเลื่องไม่ยอมจะฆ่าตัวตาย

ขณะที่วาดเมื่อเห็นว่าเรื่องราวทั้งหลายในบ้านชวนหดหู่ลงเรื่อยๆ ได้ตัดสินใจลากลับพิจิตรและไปบวชชีโดยไม่สึกอีก หลังจากคุณหลวงสิ้นใจ คุณบุญเลื่องได้ย้ายออกจากบ้าน แม้จันและแก้วจะทัดทาน แก้วฆ่าตัวตายเพื่อล้างแค้นจัน เพราะทราบว่าจันหวังจะให้เด็กในท้องของตนเป็นผู้สืบสกุล เว็บดูหนัง,ดูหนัง,เว็บหนัง

 

ที่มาของภาพยนตร์ จันดารา ปัจฉิมบท

รีวิวหนัง จันดารา ปัจฉิมบท ภาพยนตร์เรื่องนี้ สร้างจากนวนิยายเรื่อง “เรื่องของจัน ดารา” ของ อุษณา เพลิงธรรม (ประมูล อุณหธูป) (2463-2530) ตีพิมพ์ เป็นตอน ๆ ครั้งแรกในสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ต่อมาได้พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกโดยสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น ในต่อมาก็ถูกพิมพ์รวมเล่มเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล ได้นำวรรณกรรมเรื่องนี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์มหากาพย์โศกนาฏกรรมเรื่องยิ่งใหญ่ หลังจากภาพยนตร์ 2 ครั้งแรก คือ ฉบับปี 2520 ซึ่งรัตน์ เศรษฐภักดี กำกับ ผู้ที่รับบทจันคือ สมบูรณ์ สุขีนัย และฉบับปี 2544 ซึ่งนนทรีย์ นิมิบุตร กำกับ ผู้ที่รับบทจันคือ สุวินิจ ปัญจมะวัต-เอกรัตน์ สารสุข ตามลำดับ

 

รีวิวหนัง จันดารา ปัจฉิมบท

 

หม่อมน้อย เผยว่า “โดยเนื้อหาสาระจากหนังสือที่อุษณา เพลิงธรรม (ประมูล อุณหธูป) เขียน ถึงแม้ว่าจะเขียนมานานเกือบ 50 ปีที่แล้ว แต่เนื้อหาสาระก็ยังทันสมัยมาก ยังสะท้อนให้เห็นถึงธาตุแท้ของมนุษย์ซึ่งในปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ และเหมือนเป็นกระจกที่จะสะท้อนให้เห็นกิเลสในใจของคน มันไม่ใช่แค่ตัณหาราคะอย่างเดียว แต่คนที่ยึดมั่นกับความเคียดแค้นมันจะก่อให้เกิดปัญหา และหายนะยังไงกับตัวเองและคนรอบข้างจนนำไปสู่ปัญหาสังคมในระดับรวมด้วย”

 

รีวิวหนัง จันดารา ปัจฉิมบท

สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นก็คือความเป็นละครหลังข่าวของมันกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่แกนเรื่อง แม้ว่าจะพยายามทำให้ตัวละครมีความเป็นคนแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากแกนเรื่องที่ตัวหนังกำหนดให้ไปเดินเนื้อเรื่องตามที่ต้องการได้เลย แม้แต่ฉากเสพสังสวาสที่มักจะถูกนำมาใช้ในโลกของภาพยนตร์เพื่อสะท้อนสภาพจิตใจและเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครก็ดูเป็นการเพียงแค่ฉากสวยงามอันวิจิตรเพียงเท่านั้น เพราะสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มมิติด้านลึกของตัวละครเพียงแต่อย่างใด
แม้กระทั่งตัวของ จัน ดารา ตัวละครหลักของเรื่องที่ควรจะมีความลึกและมิติของตัวละครมากที่สุด ก็สามารถคลี่คลายปมชีวิตและการกระทำของตัละครได้ในประโยคเดียวในตัวอย่างภาพยนตร์ว่า “เพราะดังนั้น ผมจึงต้องการความรักจากอิสตรี” และสุดท้ายเราก็ได้ปัจจัยที่ดาษดื่นเพิ่มขึ้นมาอีกสิ่งหนึ่ง

ที่จริงแล้วจัน ดารานั้นก็ไม่ใช่หนังที่ชั่วร้ายหรือทำอะไรผิดแต่อย่างใด หากเพียงแต่ว่ามันเชยจนเกินกว่ายุคสมัย แม้จะนำมาเล่ายังไงมันก็ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากกรอบดั้งเดิมที่แข็งแกร่งได้ จุดเด่นที่ยกระดับของหนังเรื่องนี้ไม่ให้จมอยู่แค่ความเป็นหนังแผ่นหรือหนังชั้นสามก็คงจะเป็นความวิจิตรของงานสร้าง การกำกับเล่าเรื่องที่ละเอียดอ่อนหยดย้อย ภาพที่นำเสนอออกมาอย่างสวยงามและดูมีความเป็นศิลปะมากกว่ายั่วยุทางอารมณ์

ในฉบับปัจจุปันนี้ จันดารา ได้ถูกแยกออกเป็นสองบท โดยเนื้อเรื่องของภาคปฐมบทนั้นจะเล่าเรื่องราวตั้งแต่การกำเนิดของจัน ไปจนถึงจุดแตกหักทางเนื้อเรื่อง เวลาที่หนังใช้ไปก็ไปอยู่ที่การเล่าถึงอย่างตัวละครต่าง ๆ อย่างละเอียดลออและชมภาพความสวยงามที่หนังถ่ายทอดออกมาอย่างละเมียดละไม

 

รีวิวหนัง จันดารา ปัจฉิมบท

 

เพราะเช่นนั้นแล้ว จันดาราจึงเป็นภาพยนตร์ที่ดูได้เรื่อยๆ และมันเรื่อยๆ จนเราอดคิดไม่ได้ว่าหากนำมันมัดเป็นสี่หรือห้าส่วนแล้วนำมาฉายลงโทรทัศนเราก็จะได้ละครโทรทัศน์อันวิจิตรและคุณภาพสูงพ่วงด้วยฉากติดเรทที่ไม่สามารถออกอากศได้หนึ่งเรื่อง แม้ระหว่างทางนั้นเนื้อเรื่องจะดำเนินด้วยหลากหลายอารมณ์ทั้งความสนุกสนาน ความเศร้า หรือ ความสะเทือนใจ แต่ด้วยเนื้อหาที่มีอารมณ์เหมือนดูตัวละครประเภทนางเอกลำเค็ญที่ต้องรอไปถึงจนจุดสุดท้ายจนกว่าจะได้ตบคืนนางร้าย มันก็เหมือนกับความรู้สึกปราดเดียวที่ปะทุขึ้นมาและจางหายไปอย่างรวดเร็ว จนอดรู้สึกไม่ได้ว่ามันไม่เหลืออะไรให้เราจดจำ

นอกเหนือจากนี้สิ่งที่อดชื่นชมไม่ได้ก็คือเหล่านักแสดงที่โดยรวมแล้วก็สามารถทำหน้าที่ได้ในระดับที่น่าพึงพอใจจนถึงดีมาก และนี่ก็เป็นอีกปัจจัยที่สามารถดึงรั้งผู้ชมเอาไว้กับหนังได้ยาวนานในอีกระดับหนึ่ง
สิ่งที่เห็นว่าจะเป็นความพัฒนาในภาคนี้ คงเห็นจะมีแต่การที่ผู้กำกับ ได้ลดเลิกให้ความสนใจกับฉากการมีเพศสัมพันธุ์ และ ฉากโป๊ โดยไม่จำเป็น ให้ลดน้อยลงไม่เท่าภาคที่แล้ว และเอาเวลามาสนใจกับเนื้อเรื่องหลักเสียๆซะส่วนใหญ่ จนทำให้รู้สึกว่าฉากการมีเพศสัมพันธุ์ของตัวละครแต่ละตัว ดูมีความหมายที่จะใส่เข้ามา และ ดึงพาอารมณ์ความอุบาทว์ในบ้านหลังนี้จากคนดูได้ดีกว่าภาคที่แล้วเยอะพอสมควร

ในทางกลับกัน ด้านของ นักแสดง ในภาคนี้ เรียกได้ว่าเข้าขั้นน่าผิดหวังพอสมควร ไม่ว่ามันจะเกิดจากบทสนทนาที่เหมือนพูดเป็นคำๆ หรือว่าการแสดงที่แข็งเป็นท่อนไม้ แต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือการที่ตัวหนังเต็มไปด้วยการแสดงๆแบบครึ่งๆกลางๆ ไม่ล้นแต่ก็ไม่เต็ม โดยเฉพาะหลายๆตัวละครหลัก ตั้งแต่ มาริโอ้ ยันถึง โช นิชิโนะ ที่เห็นก็จะมีแต่ คุณหลวง อย่าง คุณ ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ และ นิว ชัยพล ในบท เคน กระทิงทอง ที่ยังคงรักษามาตรฐานการแสดงของตนได้อย่างน่าสนใจ
ศิลปะของความใคร่ไม่มีถูกหรือผิดที่จริงแล้วจัน ดารานั้นก็ไม่ใช่ภาพยนตร์ไทยที่ร้ายแรงอะไรแบบนั้นหรือทำผิดอะไรแต่อย่างใด เว็บดูหนัง หากเพียงแต่ว่ามันย้อนยุคสะจน คนยุคใหม่ตามไม่ทัน จนเกินกว่ายุคสมัยนี้ไปแล้ว จุดเด่นที่ยกระดับของจันดารา

 

รีวิวหนัง จันดารา ปัจฉิมบท

เรื่องนี้ไม่ให้จมอยู่แค่ความเป็นแผ่นหนังหรือหนังชั้นเกรด B ก็คงจะเป็นความวิจิตรของงานสร้าง การกำกับเล่าเรื่องที่ละเอียด เรื่องราวของคนไทยสมัยก่อน ภาพที่นำเสนอออกมาอย่างสวยงามและดูมีความเป็นศิลปะมากกว่าทำให้เกิดอารมณ์อย่างว่า

หลังจากดูจบก็ได้เอามาขบคิดกันว่าเพศเป็นเรื่องศิลปะ มากกว่าเป็นเรื่องที่มนุษย์ 2 คน ไปทำเรื่องมิงามกันบนเตียง เพราะเช่นนั้นแล้ว จันดารา มันเลยงดงามในตัวมัน และมันก็ทำให้จนเราอดคิดไม่ได้ว่าหากนำแยกเป็น 6 หรือ 7 ตอนแล้วนำมาฉายลง Youtube บ้านเราก็จะได้เห็นยอดวิวเกิน 10 ล้านแน่ ๆ และคุณภาพสูงพ่วงด้วยฉากศิลปะที่ไม่สามารถออกอากาศได้

ความเศร้า หรือ ความสะเทือนใจ ความรัก ความใคร่ แต่ด้วยเนื้อหาที่มีอารมณ์เหมือนดูตัวละครประเภทนางเอกลำบากที่ต้องรอไปถึงจนจุดสุดท้ายจนกว่าจะได้ตบคืนนางร้าย มันก็เหมือนกับความรู้สึกปราดเดียวที่ปะทุขึ้นมาและจางหายไปอย่างรวดเร็ว จนอดรู้สึกมันละครไทยเวอร์ชั่นติดเรต

 

 

ไม่รู้อะไรดลใจให้ลืมตากลางดึกมานั่งเทียน เฮ้ยยยย! นั่งเขียนเรื่องราวของ จันดารา ปัจฉิมบท อาจเป็นเพราะได้ดูจันดารา ปฐมบท เวอร์ชั่น Uncut เข้าไปหรือเปล่า ภาพปิกาจู้ของคุณหลวงจึงวนเวียนในหัว ที่เห็นแล้วจุกแทนสาวใช้ที่เซ็กซี่สุดในจักรวาลอย่าง น้องแนท เกศริน เห็นใจเธอจริงๆ

หรืออาจเพราะ ความชราภาพของคุณจัน ที่มันช่างขัดหูขัดตาซะจริงๆ จนปลุกให้ตื่นมาบ่น ก็คนแก่อะไร๊ ผิวหนังช่างเต่งตึงปึ๋งปั๋งเกินวัย ใช้ครีมอะไรเนี่ย ไม่สมกับที่ร่ำลือว่าใช้เทคนิคการแต่งหน้าแบบที่ใช้ในฮอลลีวู้ดเลย เสียเวลาแต่งหน้าเปล่าๆ ตั้ง 4 ชั่วโมง แต่ก็น่าเห็นใจอยู่หรอก เพราะเมคอัพที่ใช้ในกองถ่ายนั้นเหมาะกับสภาพเมืองหนาว คงไม่ทราบมาก่อนว่าประเทศไทยเราร้อนจัด จึงเกิดปัญหาการละลายของกาวแต่งหน้า จนต้องเอาท่อแอร์มาเป่านักแสดงตลอดเวลา หรือเพราะว่า สำเนียงเสียงคุณแก้ว ที่ทำให้กรีดลึกบาดใจจนตาสว่างค้างเติ่ง อุตส่าห์ได้คุณนัท มีเรีย มาพากย์เสียงแทนนักแสดงสาวโช นิชิโนะ แล้วนะ ก็ยังไม่มีความเนียนเอาเสียเลย ฉากไหนที่เธอเปล่งวาจาออกมา เกือบจะหลุดขำ ทั้งๆ ที่เขากำลังเครียดกันอยู่ พากย์แล้วทำไมต้องพูดไม่ชัดด้วย แถมเสียงไม่ตรงกับปากอีกต่างหาก เรียกจันดาราแต่ละที ไม่รู้เธอหมายถึง “อ้ายจัน” , “อายจัง” หรือ “ไอ้จาน” คำพูดสุดท้ายยังเพี้ยนได้อีก “อ้ายจัน เมิงไม่มีวันได้ลูกในท้องตรูหรอก” เฮ้อ…..เสียงอีสานซะงั้น

 

สรุปหนัง จันดารา ปัจฉิมบท

รีวิวหนัง จันดารา ปัจฉิมบท หนังขาดความสมจริง โดยเฉพาะช่วงที่นักแสดงต้องเป็นคนชราภาพสูงวัย ไม่ใช่เพราะเมคอัพเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการแสดงด้วย ซึ่งดูยังไงแล้วมันไม่ใช่การแสดงเป็นคนแก่ กลับเป็นการแกล้งเป็นคนแก่ ที่ดูไม่เหมาะกับบทบาทตัวละคร หลายฉากจึงขาดอารมณ์ร่วมในชะตากรรมแสนรันทดของตัวละครไป มันคือสาเหตุทำให้ผมกลุ้มครุ่นคิดจนนอนไม่หลับหรือเปล่านะ

แต่ถึงยังไงแล้ว จันดารา ปัจฉิมบท ก็ถือเป็นหนังที่ให้ความบันเทิงได้มากโขอยู่ ตีแผ่ให้เห็นถึงกงกำกงเกวียนที่ไม่รู้จักจบสิ้น ผลลัพธ์ภายหลังการแก้แค้น และแล้วจุดจบของคุณจันเจ้าขาของยาย ก็ไร้ซึ่งเพื่อนและคนรักข้างกาย

 

 

ความดีความชอบหลักๆ ของหนังคงต้องยกให้กับบทประพันธ์ของหนังที่หักปากกาเซียน ที่คาดเดาเรื่องล่วงหน้าไม่ถูกหลายจุด เพราะมีเหตุการณ์ที่พลิกผันตลอดทั้งเรื่อง นี่จึงเป็นความสนุกที่หนังมอบให้กับผู้ชมแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย……แต่นี่ใช่เหตุผลแท้จริงที่ทำเอานอนไม่หลับรึ…ไม่น่าใช่นะ

สรุปแล้ว คงเป็นเพราะความอิจฉาริษยาปิกาจู้คุณหลวง ในหนังภาค ปฐมบท ฉบับ Uncut แหง๋มๆ ที่ทำเราน้อยเนื้อต่ำใจจนหลับไม่ลง