รีวิวหนัง แขนกลคนแปรธาตุ
รีวิวหนังใหม่ เรื่องนี้ใครๆก็ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด สำหรับเหล่าแฟนๆ อนิเมะอย่างเรื่อง แขนกลคนแปรธาตุ ถ้าพลาดละก็ ก็ต้องหาดู เว็บดูหนัง ให้ได้ฮ่าๆๆ บอกเลยว่า Fullmetal Alchemist: The Revenge of Scar เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ฉลองครบรอบ 20 ปี ของอนิเมะเรื่อง ‘แขนกล คนแปรธาตุ’ ซึ่ง The Revenge of Scar เป็นภาพยนตร์คนแสดงลำดับที่ 2 จากไตรภาคไลฟ์แอ็กชัน และ ถือเป็นภาคต่อโดยตรงจากไลฟ์แอ็กชัน Fullmetal Alchemist ดูหนัง ที่ฉายเมื่อปี 2017
รีวิวหนัง แขนกลคนแปรธาตุ
รีวิวหนัง แขนกลคนแปรธาตุ เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นจากพระเอก เอ็ดเวิร์ด และ อัลฟองเซ เอลริค 2 พี่น้องนักเล่นแร่แปรธาตุที่สูญเสียร่างกายจากการพยายามชุบชีวิตแม่ของเขาเอง พวกเขาจึงออกเดินทางเพื่อตามหาวิธีเอาร่างกายกลับคืนมา และ แขนกลคนแปรธาตุ พากย์ไทย ในภาค The Revenge of Scar เว็บหนัง จะเป็นเนื้อหาที่ต่อจากไลฟ์แอ็กชันในปี 2017 โดยในภาคนี้เอ็ดเวิร์ดได้เลื่อนขั้นเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุของทางการ และกำลังเดินทางไปที่เซ็นทรัลซิตี้พร้อมกับอัลฟองเซ ในขณะนั้นพวกเขาก็ได้เจอกับ หลิน เหยา โอรสผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชอาณาจักรชิน ผู้ออกตามหาศิลานักปราชญ์เพื่อเอาไปต่อรองในการขึ้นเป็นจักรพรรดิ และยังมี เหม่ย จาง องค์หญิงแห่งตระกูลจาง ก็ได้เดินทางมาที่นี่เพื่อแย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิเช่นกัน
ในขณะนั้น เอ็ดเวิร์ดก็พบว่า เอนวีศัตรูเก่ายังไม่ตาย ซ้ำร้ายยังปรากฏตัวพร้อม กับโฮมุนครูสกลุ่มใหม่ ที่จะทำให้ทั้ง ประเทศลุกเป็นไฟ ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็มาแทรก เมื่ออยู่ ๆ ก็มีชายชื่อสการ์ ออกตามล่านักเล่น แร่แปรธาตุของทางการ ซึ่งเอ็ดเวิร์ดก็คือหนึ่ง ในเป้าหมายของสการ์ และที่เขาทำไปทั้งหมดก็ เพื่อแก้แค้นให้กับชาวอิชวาล ชนชาติของตนที่ถูกทางการสั่งกวาดล้างเมื่อหลายปีก่อน
ใช่ครับ นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของ ความสัมพันธ์อันยุ่งที่เกิดขึ้นใน Fullmetal Alchemist ซึ่งผู้แต่งวางปมของเนื้อหาได้ดีมาก วางปูมหลังให้เห็นถึง แรงผลักดันของเอ็ดเวิร์ด แถมผสานเนื้อหาการเมืองที่ทำให้เราเข้าใจการกระทำของทุกฝ่าย แม้ว่าพล็อตจะดูยุ่งเหยิงแต่ก็เรียงร้อยเนื้อหาได้ดีและไม่ชวนงง
ซึ่งต้องยกความดี ความชอบให้กับอาจารย์ฮิโรมุ อารากาวะ (Hiromu Arakawa) ผู้เขียนมังงะที่แต่ง เรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเวอร์ชันไลฟ์แอ็กชันก็เพียงแค่หยิบเนื้อหาจากการ์ตูนมาร้อยเรียงเป็นบทคนแสดง แบบเดินเรื่องเหมือนกันแทบทุกกระเบียดนิ้ว
![รีวิวหนัง แขนกลคนแปรธาตุ](https://reviewnungmai.com/wp-content/uploads/2022/09/1662573472313.jpg)
เวอร์ชั่นคนแสดง
หากนับว่า แขนกลคนแปรธาตุ ดูภาคไหนก่อน หนังสือการ์ตูน Fullmetal Alchemist เป็นเนื้อหาต้นฉบับ แล้วล่ะก็ เวอร์ชันคนแสดง นี้ก็นับเป็นรอบ 3 ที่แขนกล คนแปรธาตุได้ถูก ดัดแปลงออก มาสู่จอแก้ว เพราะก่อนหน้านี้มังงะ Fullmetal Alchemist เคยถูกดัดแปลงมาแล้วถึง 2 ครั้งและ นั่นก็คืออนิเมะภาค 2003 ที่สร้างตอนจบใหม่ได้อย่างตราตรึงเลยทีเดียว และ ภาครีเมกตามมังงะต้นฉบับอย่าง Brotherhood ก็ส่งให้เรื่องนี้กลายเป็นอนิเมะระดับตำนานเลยก็่าได้ ซึ่งไม่ว่าจะเวอร์ชันไหนๆ ก็สร้างความประทับใจให้กับ แฟนการ์ตูนไม่แพ้กันอย่างแน่นอน และที่สำคัญที่สุด เรื่องนี้ คืออนิเมะซีรีส์ที่ได้คะแนนสูงสุดจาก IMDb ดังนั้นแล้วความคาดหวังของ แฟนการ์ตูน เรื่องนี้จึงมีสูงมาก ๆ เลยก็ว่าได้
ทีมงานกลัวดราม่าจากแฟนอนิเมะ ?
แขนกลคนแปรธาตุ ทุกภาค ด้วยความที่ทีมงานนั้น กลัวว่าหากดัดแปลงมากเกินไป อาจจะโดนแฟนการ์ตูนถล่มยับได้ จึงพยายามเดินเรื่องให้เหมือนหนังสือการ์ตูนที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทว่ามันก็ได้สร้างปัญหาให้กับเวอร์ชันคนแสดงอยู่เช่นกัน นั่นคือการที่หนังยัดทุกประเด็น เก็บครบทุกโมเมนต์เข้ามาในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง ตัวหนังจึงไม่มีจังหวะให้คนดูได้พักหายใจ อัดใส่ประเด็นใหม่ ๆ เข้ามาไม่ยั้ง ซึ่งถ้าเป็นภาพยนตร์ที่ดูเอามัน คงดูเพลิน ๆ ได้ แต่อย่างที่ได้เล่าเนื้อหาไปใน 3 ย่อหน้าแรก คุณผู้อ่านก็จะพบว่า เนื้อหามันมีตัวละครออกมาเต็มไปหมด และเป็นความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงมาก การยัดทุกอย่างมาใน 2 ชั่วโมงจึงทำให้คนดูจับประเด็นแทบไม่ทัน
อีกสิ่งหนึ่งที่ชวนขัดใจเล็ก ๆ คือการที่หนังเรื่องนี้ถูกดัดแปลงด้วยญี่ปุ่นนี่แหละ เพราะจริง ๆ แล้วพื้นเพของตัวละครใน Fullmetal Alchemist นั้นคือกลุ่มคนหลากสัญชาติ ซึ่งมีทั้งคนดำ ผิวขาว หัวทอง เอเชีย เดินกันให้ควั่ก แต่ทว่าคนหลากสัญชาติเหล่านั้นกลับถูกทดแทนด้วยนักแสดงญี่ปุ่นทั้งหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะลักษณะทางกายภาพมันไม่เหมาะสมกับตัวละครเอาซะเลย และเมคอัพที่โปะมาก็ทำให้ตัวละครกลายเป็นคอสเพลย์ไปโดยปริยาย
ในด้านงาน CGI นั้น ญี่ปุ่นก็ยังคงเส้นคงวาในด้านความไม่เนียนตาอยู่เช่นเคย และถ้าคุณผู้อ่านเคยดูเวอร์ชันอนิเมะมาแล้ว อาจจะรู้สึกหงุดหงิดในความอลังการของวิชาแปรธาตุมาก ๆ เพราะไลฟ์แอ็กชันไม่สามารถประดิษฐ์ซีนให้ไปถึงขั้นนั้นได้เลย แม้จะมีคิวบู๊มาช่วย แต่การเคลื่อนไหวของตัวละครก็ยังไม่ได้รวดเร็วแบบในการ์ตูนอยู่ดี
น่าเสียดายที่นักแสดงหลักอย่าง ยามาดะ เรียวสุเกะ (Yamada Ryosuke ) และ แม็คเคนยู อาระตะ (Mackenyu Arata) นั้นค่อนข้างตั้งใจแสดงเอามาก ๆ แต่ด้วยคาแรกเตอร์ที่พวกเขารับบทดันไม่ตรงกับอิมเมจที่ตัวละครควรเป็น ซ้ำร้าย CG กับเมกอัปที่ใส่มาก็ยังไม่เนียนตา มันจึงเป็นเพียงงานคอสเพลย์ที่ออกมาสนองนี้ดผู้สร้างก็เท่านั้น
อันที่จริงในภาค 2017 ก็มีปัญหาแบบนี้เช่นกัน และคนดูอย่างเรา ๆ ก็คิดว่าหนังคงปิดประตูภาคต่อไปแล้ว แต่ทว่าพี่ก็ยังกล้าเข็นภาคต่อตามมา ถามจริงว่าพี่ทำไปทำไม ทำไปเพื่ออะไร พอภาค The Revenge of Scar มาแนวนี้แล้ว เราคงไม่ได้หวังว่าภาคสุดท้ายอย่าง The Final Alchemy นั้นจะดีกว่านี้หรอก เพราะพี่ก็คง เก็บเนื้อหาได้ครบตามมาตรฐานนั่นแหละ แต่ความสนุกเนี่ยคงไม่คาดหวังแล้ว ซึ่งแฟนการ์ตูนอย่างเราก็หวังให้สักวันหนึ่งฮอลลีวูดหยิบไปรีเมกซักทีนะ เพราะเนื้อหาของ Fullmetal Alchemist เหมาะจะสร้างโดยฮอลลีวูดมาก ๆ
รีวิวหนัง แขนกลคนแปรธาตุ ตัวละคร นักแสดงจริง
- Mackenyu Arata รับบท Scar
- Yuina Kuroshima รับบท Lan Fan
- Keisuke Watanabe รับบท Ling Yao
- Yuki Yamada รับบท Solf J. Kimblee
- Hiroshi Tachi รับบท King Bradley
- Kōji Yamamoto รับบท Alex Louis Armstrong
- Chiaki Kuriyama รับบท Olivier Mira Armstrong
- Seiyo Uchino รับบท Van Hohenheim
- Yukie Nakama รับบท Trisha Elric
- Jun Fubuki รับบท Pinako Rockbell
- Naohito Fujiki รับบท Yuriy Rockbell
- Kaoru Okunuki รับบท Sarah Rockbell
- Kokoro Terada รับบท Selim Bradley
- Long Meng Rou รับบท May Chang
- Haruhi Ryoga รับบท Izumi Curtis
สรุปโดยรวม
โดยรวมแล้วถือว่า Fullmetal Alchemist: The Revenge of Scar เป็นเหมือนงานคอสเพลย์ ที่มีทุนหนา ทำตามในอนิเมะทุกทาง แต่ดันยัดเนื้อ หาทุกอย่างเข้ามาในเวลา 2 ชั่วโมง จนทำให้จังหวะของหนังเร่งรีบเกินไป สำหรับแฟนแขนกล คนแปรธาตุนั้นก็ดูให้พอหายคิดถึงได้ แต่สำหรับแฟนคลับหน้าใหม่ที่ดูแล้ว งง ๆ ว่าหนังเล่าเร็วเกินไป แนะนำว่าไปดูอนิเมะอย่าง Fullmetal Alchemist: Brotherhood แขนกลคนแปรธาตุ 2 ก็คงจะอินกว่าเยอะ555