รีวิวหนัง โกสต์บัสเตอร์: ปลุกพลังล่าท้าผี

 

 

ชื่อเรื่อง : Ghostbusters: Afterlife (โกสต์บัสเตอร์: ปลุกพลังล่าท้าผี)
แนว : แฟนตาซี, ตลก, ผจญภัย
ความยาว : 123 นาที
ระบบเสียง : บรรยายไทย
ช่องทางการรับชม : Netflix
คะแนน : 8/10

ภาคต่อที่มาพร้อมแฟนเซอร์วิสแบบจัดเต็ม แฟนๆ บริษัทกำจัดผีไม่ควรพลาด! บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่า ดูหนังฟรี

 

เรื่องราวของหนัง โกสต์บัสเตอร์: ปลุกพลังล่าท้าผี

รีวิวหนัง โกสต์บัสเตอร์: ปลุกพลังล่าท้าผี เรื่องราวของหนังจะเริ่มต้นที่ใครคนหนึ่งในทีมบริษัทกำจัดผีเดิมเสียชีวิตและทิ้งมรดกไว้ให้แก่ คัลลี (รับบทโดย แครี คูน Carrie Coon) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เทรเวอร์ (รับบทโดยฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด Finn Wolfhard) ลูกชายคนโต และ ฟีบี (รับบทโดย แม็กเคนนา เกรซ Mckenna Grace) ลูกสาวคนเล็กที่คลั่งไคล้วิทยาศาสตร์ จนพวกเขาต้องเดินทางไปยังโอคลาโฺฮมาเพื่อพบว่ามรดกที่ได้คือบ้านเก่า ๆ และฟาร์มที่มีแต่ดินไร้พืชผลใด ๆ

และเป็นฟีบีที่ได้ค้นพบว่าคุณตาของเธอคือ อีกอน สแปงเลอร์ ที่ได้ขนสรรพวุธต่าง ๆ ไว้เตรียมต่อกรกับโกเซอร์ปีศาจร้ายที่แฝงตัวอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ของเธอ และเมื่อเหล่าผีร้ายออกอาละวาดฟีบีก็ได้เวลารวมพลพี่ชายและเพื่อน ๆ ของเธอเพื่อต่อกรกับปีศาจร้าย และในขณะเดียวกันคัลลีก็เริ่มออกเดตกับกรูเบอร์สัน (รับบทโดย พอล รัดด์ Paul Rudd) ครูของฟีบี หนังใหม่

หนึ่งในความยากประการสำคัญในการทำหนังอย่าง ‘Ghostbuster’ คงหนีไม่พ้นชื่อเสียงและฐานแฟนคลับที่หนังได้สร้างมาต่อเนื่องเกือบ 4 ทศวรรษ และยิ่งมีภาพจำหลาย ๆ อย่างเช่นชุดปฏิบัติการของสมาชิกบริษัทกำจัดผี รถเอ็คโตวัน กับดักผี กระทั่งผีต่าง ๆ ที่ปรากฎในหนังภาคแรกโดยเฉพาะผีสไลม์และมาร์ชเมลโลแมน ที่เห็นปุ๊บจะต้องนึกถึงบริษัทกำจัดผีปั๊บ

 

รีวิวหนัง โกสต์บัสเตอร์: ปลุกพลังล่าท้าผี

 

แต่กระนั้นก็ไม่น่าเชื่อว่าเจสัน ไรต์แมนกลับสามารถผสมผสานระหว่างไอคอนจากหนังต้นฉบับให้มาอยู่ในธีมเรื่องที่เอาดราม่าครอบครัวที่เป็นลายเซ็นของเขาได้อย่างลงตัว โดยเราจะเห็นตัวละครที่มีความสัมพันธ์ในครอบครัววิ่นแหว่งอย่างคัลลีที่มีปมทั้งสามีและพ่อแท้ ๆ ทิ้งไปจนเธอไม่อาจเข้าใจและเป็นห่วงฟีบีลูกสาวคลั่งวิทยาศาสตร์ของเธอที่เดินตามรอยคุณตาเป๊ะแทบทุกกระเบียดนิ้วเพราะกลัวจะเข้ากับเพื่อนไม่ได้ก็สามารถสานต่อเรื่องราวกับหนังต้นฉบับได้อย่างเนียนสนิทโดยไม่เสียความเป็นตัวเอง

หนัง ปลุกพลังล่า ผี และเมื่อเหตุการณ์พาตัวละครมาเจอกับปีศาจคู่ปรับเก่าของเหล่าบริษัทกำจัดผีภาคแรกและกลายเป็นการปลดล็อกความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ครบถ้วนทั้งความเป็นหนังไซไฟตลกและยังมีดราม่าครอบครัวที่เวิร์กมาก ๆ ก็ยิ่งทำให้ ‘Ghostbuster Afterlife’ อยู่เหนือการเป็นเพียงหนังแฟนเซอร์วิสธรรมดา ๆ เรื่องหนึ่ง

 

รีวิวหนัง โกสต์บัสเตอร์: ปลุกพลังล่าท้าผี

และถ้าหาก ‘Ghostbuster’ ฉบับปี 2016 เคยมีปัญหาเรื่องแฟน ๆ หนังต้นฉบับสาบส่งที่หนังพยายามจะใส่ความเป็นสาวห่ามแบบพอล ฟีกจนเกินงาม ในหนังเรื่องนี้ก็แก้ปัญหาด้วยการรีบูตเครื่องให้คนที่รับมรดกต่อเป็นลูกหลานของสมาชิกเก่าได้อย่างชาญฉลาด โดยได้การตีความของแม็กเคนนา เกรซ นักแสดงดาวรุ่งจากหนัง ‘I,Tonya’ ก็ทำให้ตัวละครฟีบีเต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนมองและบทก็ยังเก็บรายละเอียดมุกแนววิทยาศาสตร์เหมือนในหนังต้นฉบับมาให้เธอถ่ายทอดความเนิร์ดได้อย่างน่ารักน่าชังอีกด้วย

นอกจากนี้หนังยังได้นักแสดงเด็กอีกคนที่เปล่งประกายมาก ๆ คือ โลแกน คิม (Logan Kim) เจ้าหนูชาวเอเซียที่มารับบทเป็น พอดแคสต์ เด็กเนิร์ดที่ชอบทำพอดแคสต์ที่ขยันขโมยซีนจนดาราดังอย่าง ฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด ถูกกลบรัศมีไปไม่น้อยเลยทีเดียว และหนังยังได้ เซเลสต์ โอ คอนเนอร์ (Celeste O’ Connor) สาวผิวสีคนสวยมารับบทลัคกี สาวสวยที่เทรเวอร์หมายปองได้อย่างมีเสน่ห์อีกด้วย

 

รีวิวหนัง โกสต์บัสเตอร์: ปลุกพลังล่าท้าผี

 

แต่ก็ใช่ว่าเจสัน ไรต์แมนจะทิ้งการบูชาครูหนังคุณพ่อตัวเองเสียทีเดียว ตรงกันข้ามเขากลับนำภาพจำและรวมถึงประวัติศาสตร์หลายอย่างที่เกี่ยวกับพ่อของเขามาแอบใส่ในหนังได้อย่างแนบเนียน โดยนอกจากรถเอ็กโตวัน อุปกรณ์จับผีหรือชุดบริษัทกำจัดผีอันเป็นไอคอนแล้ว ไรต์แมนยังแอบใส่โปรแกรมหนัง ‘Cannibal Girls’ หนังสยองขวัญปี 1973 ของคุณพ่อให้ปรากฎอยู่หน้าฉากหลังที่เป็นโรงหนังอีกด้วย

หรือกระทั่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับตัวละครของ ฮาโรลด์ รามิส อย่างอีกอน สแปงเลอร์อย่างการนำเห็ดและราในโหลแก้วเป็นพรอปประกอบฉากก็ยังแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดและเมื่อตัวอักษรบนหน้าจอขึ้น ‘For Harold’ ตอนท้ายมันก็เมกเซนส์และแสดงให้เห็นเลยว่าหัวใจของหนังเรื่องนี้ถูกมอบเป็นเกียรติให้แก่ฮาโรลด์ รามิสอีกหนึ่งนักแสดงและคนเขียนบท ‘Ghostbuster’ ได้อย่างสมศักดิ์ศรี ghostbusters มีกี่ภาค

 

สรุปหนัง โกสต์บัสเตอร์: ปลุกพลังล่าท้าผี

โดยสรุปแล้วคงต้องบอกว่าตลอดเวลา 124 นาทีของหนังผ่านไปอย่างรวดเร็วและแน่นอนว่าแฟน ๆ ของหนังต้นฉบับก็จะรักหนังฉบับนี้ไม่ต่างกัน ส่วนคอหนังรุ่นใหม่ก็ถือว่าได้รู้จักกับโลกของ ‘Ghostbuster’ ในแบบที่เป็นมิตรกับจริตการดูหนังในปัจจุบันได้อย่างดี

 

รีวิวหนัง โกสต์บัสเตอร์: ปลุกพลังล่าท้าผี

 

มาเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่า บอกก่อนว่าส่วนตัวผมไม่ได้เคยดู 2 ภาคแรกที่เป็นต้นฉบับมาก่อน เพราะว่าเก่ามากและก็ไม่รู้ว่าหาดูได้ทางไหน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ตัดสินใจดูไปแบบไม่ต้องรู้นั่นแหละ หลังจากดูจบปรากฎว่าก็สนุกใช้ได้เลย คนที่ไม่เคยดูภาคเก่ามาก่อนก็ดูได้ เพราะเรื่องราวไม่ได้ต่ออะไรกัน มีแค่พูดถึงบ้างเล็กน้อย แต่หากใครที่เคยดูภาคเก่ามาก่อนก็น่าจะอินกับหนังมากกว่า เพราะมีแฟนเซอร์วิสเยอะมากๆ มาเริ่มกันที่เรื่องบท ด้วยความที่หนังเรื่องนี้เป็นแนวแฟนตาซีกึ่งผจญภัยหน่อยๆ เนื้อเรื่องก็จะไม่ได้มีความตึงเครียดอะไรมากนัก แต่บทก็มีความน่าสนใจอยู่พอตัว มีปมต่างๆ ซ่อนไว้ให้เราได้คิดตามบ้าง ส่วนตัวผมมองว่าบททำออกมาได้ดีเยี่ยมเลย สนุกและเพลินมาก แถมการดำเนินเรื่องก็ทำออกมาได้ดี เล่าเรื่องเข้าใจง่าย ลำดับการเล่าได้ดี ไม่ยืดเยื้อ และไม่มีจังหวะไหนน่าเบื่อเลย ghostbusters afterlife ดูได้ที่ไหน

 

ด้านการแสดง โกสต์บัสเตอร์: ปลุกพลังล่าท้าผี

 

 

รีวิวหนัง โกสต์บัสเตอร์: ปลุกพลังล่าท้าผี ต่อมาด้านการแสดง ในส่วนนี้ก็ถือว่าทำได้ดีมากๆ เนื่องจากออกแบบตัวละครทุกตัวออกมาได้อย่างดี แถมยังได้นักแสดงที่มีฝีมือมาร่วมแสดง ทำให้ตัวละครทุกตัวมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าจดจำ ส่วนตัวผมชอบตัวละครน้องสาวอย่าง Phoebe ที่แสดงโดยน้อง Mckenna Grace มากๆ น้องน่ารักมาก แถมยังแสดงดีด้วย เป็นตัวละครเด็กสาวจอมเนิร์ดที่แสนซุกซน ถือเป็นตัวละครที่โดดเด่นและดึงดูดสายตาผู้ชมจริงๆ อีกคนคือ Finn Wolfhard คนนี้ก็แสดงได้ดีเช่นกัน ยอมรับจริงๆ ว่าเขาเหมาะกับหนังสไตล์นี้จริงๆ พวกหนังแนวแฟนตาซีผจญภัยนี่เหมือนเกิดมาเพื่อเขาเลย ส่วนอีกคนที่ผมชอบมากๆ ก็คงจะเป็น Paul Rudd คุณครูผู้สร้างสีสันให้กับคนดูได้ทั้งเรื่อง ป๋าแกมาแนวนี้ก็ฮาดีและทำได้ดีด้วย ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ที่เหลือก็แสดงได้ดีกันหมดจริงๆ ในส่วนการแสดงผมไม่มีอะไรจะติเลย

 

รีวิวหนัง โกสต์บัสเตอร์: ปลุกพลังล่าท้าผี

ส่วนสุดท้ายด้านงานภาพและการโปรดักชั่น ส่วนนี้ก็ทำได้ดีเยี่ยมมากๆ เช่นเดียวกัน งานภาพออกมาสวยงามมาก การออกแบบฉาก เสื้อผ้าหน้าผม โทนสีภาพที่ใช้ ทุกอย่างออกมาดูดีหมด การโปรดักชั่นบอกได้เลยว่าจัดเต็มไม่มีกั๊ก งานด้าน CGI ก็ทำออกมาได้ดี ในส่วนนี้ไม่มีอะไรจะติมากนัก โดยรวมคือเป็นหนังที่สนุกและเบาสมองเรื่องนึงเลย แถมการใส่แฟรนเซอร์วิสก็ใส่มาแบบกำลังดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป ขนาดผมที่ไม่เคยดูภาคเก่ามาก่อนเลยยังรู้สึกสนุกและเพลิดเพลินไปกับหนังได้ บอกเลยว่าใครที่เป็นสาวกของแฟรนไชส์นี้ห้ามพลาดจริงๆ ภาคนี้สนุกกว่า Ghostbuster 2021 ทีมหญิงล้วนภาคก่อนหน้านี้พอสมควรเลย แต่อย่าเชื่อผม เพราะคนเรามีรสนิยมไม่เหมือนกัน ทุกคนต้องลองไปรับชมด้วยตาตัวเอง ท้ายสุดนี้ผมขอให้คะแนนภาพยนตร์เรื่อง Ghostbusters: Afterlife (โกสต์บัสเตอร์: ปลุกพลังล่าท้าผี) ไว้ที่ 8/10 คะแนน

 

 

37 ปีก่อนใครจะคิดว่า ‘Ghostbuster’ หรือ ‘บริษัทกำจัดผี’ หนังจากมันสมองของ แดน แอครอยด์ (Dan Aykroyd) จะกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของป๊อปคัลเจอร์อย่างทุกวันนี้ เพราะนอกเหนือจากหนัง แอนิเมชันซีรีส์ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องมากมายแล้วมันยังถูกนำมาอ้างอิงและปรากฎตัวในหนังและซีรีส์ที่พูดถึงยุค 80s ได้แบบที่ยากที่จะมีหนังเรื่องไหนที่ยืนหยัดอยู่เหนือกาลเวลาขนาดนี้ และหลังจากภาคต่อปี 1989 และการรีบูตที่ผิดกลิ่นสุด ๆ ในปี 2016 ของพอล ฟีก (Paul Feig) ก็ได้เวลาที่เจสัน ไรต์แมน (Jason Reitman) ผู้กำกับหนังอินดีมือรางวัลลูกชายแท้ ๆ ของ ไอวาน ไรต์แมน (Ivan Reitman) จะสานต่อมรดกและรับความคาดหวังของแฟน ๆ ทั่วโลกมาพิสูจน์ฝีมือในหนังแฟนตาซีที่เจ้าตัวไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำนัก