วันนี้ผู้เขียนจะพาทุกไปไปรู้จักกับหนัง รีวิวหนัง Eye Of The Storm ของไต้หวันกัน ที่มีให้ดูใน Netflix แล้ววันนี้ เรื่องนี้เกี่ยวกับโรคระบาดที่ติดต่อกันอย่างมาก คล้ายๆกับโรคโควิด-19 ที่ระบาดเมื่อไม่กี่ปีก่อน ย้อนกลับไปปี 2003 โรคประหลาดที่ไม่มีใครรูจัก โรคระบบทางเดินเฉัยบพลันร้ายแรง โรคซาร์ส ที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่

ซึ่งมีหมอและพยาบาลรวมอยู่ด้วย มีอาการป่วยคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ก่อนที่จะลุกลามไป มีอาการปอดบวมรุนแรงในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน เสริมเป็นเกร็ดความรู้ โรคซารส์ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสตระกูลเดียวกันกับโคโรนาไวนัส อากาศที่เป็นก็จะคล้ายๆกับการเป็นโควิดเนี่ยแหละ เพียงแต่ในยุคนั้นความก้าวหน้าทางการแพทย์อาจจะยังไม่มีมากเท่ายุคนี้ แต่ยุคนี้ตอน โควิด-19 ระบาดใหม่ๆ ทำเอาวงการแพทย์ทั่วโลกปวดหัวอยู่เหมือนกันนะ

กลับมาที่เรื่องหนัง หากใครที่เป็นแฟนหนังประเทศไต้หวันนั้น คงจะทราบกันดีว่ามู้ดแอนด์โทนของหนังไต้หวันมักจะชอบทำเส้นเรื่องให้อยู่ในยุค 90s เหมือนเวลาในหนังถูกหยุดไว้ที่ปี 1990-2000 เราจะพาทุกคนไปพบกับเรื่องราวของหมอและพยาบาลที่ต้องรับมือกับโรคระบาดที่ไม่รู้จักมาก่อน การสู้กับเวลาเพื่อรักษาชีวิตของผู้ป่วย และต่อสู้กับโรคระบาดนี้ไปพร้อมๆกัน จะเป็นยังไงนะ เดี๋ยวผู้เขียนจะมาเล่าและบอกถึงองค์ประกอบของหนังเรื่องนี้ให้ได้อ่านกัน พร้อมแล้วก็อ่านรีวิวจากผู้เขียนที่ด้านล่างได้เลยนะ

ในปี 2003 เกิดโรคระบาดขึ้นที่ไต้หวัน ศูนย์กลางของโรคอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ในตอนแรกเรื่องการระบาดยังเงียบมากๆ หมอเซี่ย ที่ทำงานจนหามรุ่งหามค่ำไม่ได้กลับไปเจอหน้า ภรรยา และ ลูก ชีวิตคู่เริ่มสั่นคลอนหลังจากที่ทำงานหนักและตั้งใจว่าจะกลับไปเจอภรรยากับลูกสาว เขาถูกตามกลับมาที่โรงพยาบาลเพราะมีคนไข้ต้องผ่าตัดด่วนร่วมกับแพทย์ฝึกหัด หลี่ซิง ที่เขารู้สึกไม่พอใจที่ หมอเซี่ย มักไม่ค่อยจะรับคนไข้ ร่วมถึงบุรุษพยาบาลอย่าง อั้งไทเหลอ คู่รักของ หลี่ซิง ที่ไม่ค่อยพอใจในเรื่องนี้เหมือนกัน เมื่อการผ่าตัดเสร็จสิ้น ทุกคนที่อยู่ในโรงพยาบาลไทเปยูไนเต็ด ดูหนังออนไลน์ 4k

ถูกปิดไม่ให้คนในออกและห้ามคนนอกเข้าเพราะสงสัยว่าที่ โรงพยาบาลนี้มีผู้ป่วยโรคซารส์มาเข้ารักษาตัวอยู่ แล้วเหตุการณ์ก็เริ่มแย่ลงเมื่อบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเริ่มล้มป่วยด้วยอาการของโรคที่ไม่รู้วิธีรักษา หมอเซี่ย จึงเริ่มทำการหาต้นตอของผู้ป่วยคนแรกร่วมกับนักข่าวที่เข้ามารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เมื่อมีผู้ป่วยมากขึ้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ก็เริ่มประท้วงเพราะ อาการของโรคซารส์เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต พวกเขาจะผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้ไปได้อย่างไร eye of the storm 2023

รีวิวหนังใหม่ หนังแนวโรคระบาดที่มีอยู่เยอะในหลายๆประเทศไม่ว่าจะเป็นหนังติดเชื้อไวรัสซอมบี้ โรคระบาดที่พรากชีวิตผู้คน แน่นอนว่าเมื่อเราดูหนังประเทศนี้ เรามักจะตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าเราเจอสถานการณ์แบบนี้เราจะทำอย่างไร จะมีชีวิตรอดไปได้ไหม หนังที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสที่ยังดูจะไกลตัวเราอย่างหนังซอมบี้ทำนองนั้น แต่กับเรื่องนี้สถานการณ์ใกล้เคียงกับโลกปัจจุบันมาก ย้อนกลับไปปี 2019 ช่วงสิ้นปีที่ใครหลายคนรอเฉลิมฉลองปีใหม่ แต่โรคกับพบเจอปัญหาโรคระบาดที่มีชื่อว่า โควิด-19 ระบาดในเมืองอูฮั่นของประเทศจีน ดูหนัง4k

ก่อนที่จะลุกลามไปทั่วโลกทำให้เป็นโรคที่ยอดผู็ป่วยสะสมสูงถึงราวแสนล้านคน นับข้อมูลจนถึงปัจจุบันนะ เรื่องราวที่ถูกเล่ามาในเรื่องคนที่ได้ดูน่าจะค่อนข้างอิน และรับรู้ถึงความรู้สึกของตัวละครที่ต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้าย เมื่อโรคที่ไม่รู้วิธีรักษาระบาดอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่หวั่นว่าจะติดโรค เพราะอาการมันรุนแรงถึงแก่ชีวิตเลย หนังเลือกที่จะใช้การเล่าเรื่องง่ายๆไม่หวือหวาผ่านตัวละคร เราจะได้รับรู็กับความรู้สึกของตัวละครอย่างเต็มที่ เมื่อสถานที่ถูกปิดทำให้ความกังวล

ความเครียดมีมากขึ้นอยากจะกลับออกไปก็ทำไม เพราะเสี่ยงเป็นพาหะนำโรคการส่งผ่านอารมณจากตัวละครในสถานการณ์ต่างๆที่เราดูแล้วก็จะรู้สึกเหมือนตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นหมอเซี่ย ที่อยากรู้ต้นตอของการระบาดและหาวิธีรักษา บุรุษพยาบาลอั้งไทเหลอ ที่ถูกพยาบาลสงสัยว่าการไปช่วยจากฝั่งผู็ป่วยติดเชื้อมาจะทำให้ทุกคนติดเชื้อไปด้วย เขาเลยจำเป็นต้องไปทำงานที่ฝั่งของผู้ป่วยติดเชื้อ ซึ่งตัวละครส่งอารมณ์ออกมาได้ดีมาก eye of the storm movie

เราจะรู็สึกหดหู่และกลัวตายไปด้วยเลย หนังเลือกใช้เส้นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นทำให้ทุกคนที่ได้ดูรับรู้ถึงสถานการณ์ที่เลวร้าย การระบาดของโรคที่ลุกลามค่อนข้างไว เรื่องราวของด่านหน้าที่ต้องเผชิญกับโรคระบาดร้ายแรงของบุคลากรทางการแพทย์ ทุกวินาทีคือโอกาสรอดแม้โอกาสนั้นจะเป็นศูนย์ก็ตาม

สามตัวละครหลักอย่าง หมอเซี่ย หลี่ซิง อั้งไทเหลอ พบเจอกับสถานการณ์ที่ต้องคิดเหมือนเดินเข้าไปกลางสมรภูมิรบที่ไม่น่าจะมีโอกาสชนะ เหมือนเดินเข้าหาความตาย เราจะรู้สึกร่วมกับตัวละครในทุกอารมณ์ เพราะหนังเลือกใช้หลักการเล่าเรื่องง่ายๆ เพราะสถานการณ์เหล่านี้เราล้วนผ่านกันมาแล้วทั้งนั้น ความหวาดกลัวต้อโรคระบาดที่พรากชีวิตผู้คนหลายล้านคน ทำให้เหตุการณ์ภายในหนังส่งอารมณ์กับเราได้อย่างดี eye of the storm หนัง

เช่น ฉากที่หมอเซี่ยเดินไปส่งข้าวกล่องตามทางเดินมืดๆ ทั้งๆที่ไม่ใช่หนังสยองขวัญแต่กลับทำให้เรารู็สึกกดดันแถบหยุดหายใจ หรืออีกฉากที่ บุรุษพยาบาลอั้งไทเหลอ ต้องไปปีกบีไม่ต่างอะรไกับการลาคนที่ตนรักไปหาความตายเลย ยังไม่นับรวมฉากประทับใจในช่วงท้ายอีกบุรษพยาบาลอั้งไทเหลอที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยแม้ตัวเองก็แทบจะไม่ไหวแล้วก็ตาม เป็นซีนที่ประทับใจลุ้นระทึกเอาใจช่วยแบบสุดๆ

หากใครยังจำสถานการณ์ตอน โควิด-19 ระบาดได้ใหม่ๆ ความสิ้นหวังที่มีมากในตอนนั้นถูกหนังเรื่องนี้สะท้อนออกมาได้อย่างสมจริงมาก ย้อนกลับไปในตอนที่ โควิด-19 ระบาดทุกคนล้วนพบเจอกับเหตุการณ์แบบเดียวกับตัวละคร ทั้งการล็อคดาวท์ จำกัดพื้นที่ ครอบครัว คนที่เรารัก ต้องห่างกันไกล หลังเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรที่หวือหวาเลยใช้ความเรียบง่ายไม่ได้เร่งเร้าแต่ทำให้คนดูอย่างเรารู้สึกอึดอัดกดดันลุ้นแทบหยุดหายใจ หนังยังทำให้เห็นถึงการเสียสละของบุคลากรทางการแพทย์อีกด้วย เพราะทุกชีวิตมีค่าบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ว่าจะหมอ พยาบาล ต่างทุ่มสุดตัวเพื่อให้คนป่วยรอด แม้ตัวเองจะไม่ไหวแล้วก็ตาม หนังเรื่องนี้มีซีนอารมณ์ที่เยอะแม้ตัวละครหลักจะมีไม่กี่ตัว อย่าง หลี่ซิง กับ อั้งไทเหลอ ทั้งคู่เป็นคู่รักกันทำงานในโรงพยาบาลเหมือนกันเมื่อ หนัง4k

อั้งไทเหลอต้องไปปีกบีที่มีผู้ป่วยวิกฤตติดโรคซารส์อยู่ การบอกลาคนรักที่ไม่ต่างอะไรกับการเดินเข้าลานประหารจะรอดกลับมารึป่าวก็ไม่รู้ เป็นซีนที่เราชอบที่สุดของเรื่องนี้เลย หรือซีนที่หมอเซี่ยโทรหาลูกสาวก่อนจบเรื่องการแสดงน้ำเสียงเพื่อให้ลูกสาวรออยู่ที่บ้านอย่างสบายใจ แต่การแสดงออกท่าสีหน้าที่เป็นกังวลว่าตัวเองก็อาจจะไม่รอด ตัวละครสื่อสารกับคนดูได้ทุกความรู้สึก อีกทั้งการเลือกพื้นหลังของเรื่องเป็นปี 2003 มันทำให้เราเข้าใจได้เลยว่าการแพทย์ตอนไหนต่างจากตอนนี้มาก ต่างกันแบบลิบลับ เมื่อต้องต่อสู้กับโรคที่ไม่รู้วิธีรักษามันเป็นอะไรที่ท้าทายและยาก สำหรับหมอพยาบสลในยุคนั้นมากจริงๆ eye of the storm 2023 รีวิว

เรื่องราวสุดจริงของเหล่าหมอและพยาบาลที่ต้องทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้กับครอบครัว จนเกิดเป็นสภาวะง่อนเง่น หรือเรื่องราวของหนุ่มสาวที่มีความฝันร่วมกันรักที่สดใส แต่ต้องมาเจอกับสถานการณ์ความเป็นความตายทำให้บางอย่างอาจจะเปลี่ยนไป ความท้าทายการเป็นบุคลากรทางการแพทย์ด้วยหัวใจ มองยังไงก็เป็นเรื่องพื้นฐานของสามัญชนที่เกิดขึ้นได้ หมอและพยาบาลก็เป็นคนเจ็บได้ร้องไห้ได้ เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นกับทุกคน การเล่าเรื่องธรรมดาที่มีให้เห็นในแบบของหนังไต้หวัน แต่คราวนี้มันชัดเจนมากว่าการเชิดชูบุคลากรทางการแพทย์ที่มองย้อนกลับไปเป็นบทเรียนที่ทำให้ไต้หวันรับมือกับโรคโควิด-19 ได้ดีที่สุดในโลกอีกประเทศหนึ่ง eye of the storm lyrics

หนังเต็มไปด้วยสถานการณ์กดดันที่วัดใจแพทย์ พยาบาลสุดๆ ภาพความโหดร้ายของสนามรบศัตรูคือโรคระบาดที่มองไม่เห็นไม่รู้จะสู้กับมันด้วยวิธีไหน ฉากที่เห็นถึงความสูของพยาบาลที่ทำงานจนล้มลงแล้วลุกขึ้นมาชูสองนิ้ว หรือซีนที่พยาบาลบอกให้คนไข้สู้ๆ แต่ฉากหลังเข็นศพออกจากห้อง ยิ่งตอนท้ายเรื่องเราจะเห็นถึงความเสียสละของแพทย์และพยาบาลน่ายกย่องและควรได้รับการเชิดชูขนาดไหน หนังทำเรื่องง่ายๆออกมาให้มันจับใจได้ดี หากได้ดูเรื่องนี้แล้วหลายๆคนคงนึกไม่ถึงเลยว่าด่านหน้าอย่าง หมอ และ พยาบาล ตอนที่ต้องเจอกับโรคโควิด-19 ระบาดจะต้องต่อสู้กับอะไรมาบ้าง เสียสละให้คนไข้ขนาดไหน ต่อสู้กับความเป็นความตายที่จ่ออยู่วินาที

บทของหนังเรื่องนี้จัดการอารมณ์ด้วยความรู้สึก สามารถจัดการได้อยู่หมัดไม่ว่าจะเป็น สกานการณ์ บรรยกาศที่ชวดอึดอัด และที่สำคัญอบ่างยิ่งการสื่สารของตัวละคร แม้ตัวหนังจะไม่ได้เล่าเรื่องภูมิหลังของตัวละคร วัดกันที่สถานการณ์เฉพาะหน้าแต่ที่น่าทึ่งคือดันมีผลต่อความรู้สึกของตัวละครแบบเต็มร้อยเลย หวังปัวเจี๋ย ในบทบาทของหมอเซี่ย ที่ทำให้คนดูอย่างเราจะรู้สึกไปพร้อมกับเขาเพราะความเป็นพ่อและหัวหน้าครอบครัวมที่แม้จะมีปัญหาชีวิตคู่และลูกสาวรออยู่เมื่ออยู่ท่ามกลางความเป็นความตาย

หมอยังไงก็คือหมอไม่อาจทิ้งคนไข้ไว้ได้ เขาทำให้ทุกคนลุ้นไปทุกการตัดสินใจของเขาแบบลุ้นวินาทีต่อวินาทีเลย หรือแนวคิดแบบทำงานด้วยใจถวายชีวิตของพยาบาลอั้งไทเหลอที่ตัวใกล้ตายแต่ก็จัดการทุกอย่างได้ ตัวละครสมทบอื่นๆก็ทำหน้าที่กันได้ดี

แถมการใส่เพลงเข้ามาคลในฉากต่างๆ ที่ไม่ได้ทำแบบโฉ่งฉ่างค่อยลอยเข้ามา ช่วยเพิ่มมิติให้หนังเรื่องนี้ได้มากอีกด้วย 

ใจกลางพายุ ความหมายของ eye of the storm หนังเล่าได้ถึงชื่อเรื่องมากๆ สถานการณ์ที่เลวร้ายถูกเล่าในพื้อนที่จำกัดทำใหเคนดูยิ่งอึดอัดและหาทางออกไม่ได้ การเล่าเรื่องที่ตรงไปตรงมา ใช้ความรู้สึกของเหล่าตัวละครมากดอารมณ์ของคนดู ด้วยเรื่องราวง่ายๆ และสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ที่ใส่มุมองให้คนดูแล้วรู้สึก เชิดชูบุคลาการทางการแพทย์ได้แบบเนียนๆเลย การเก็บรายละเอียดที่ไม่ปล่อยอะไรทิ้งไว้กลางทางเลย

ทุกอย่างที่เริ่มดำเนินเรื่องมาพาไปหาเหตุการณ์ที่ใหญ่และเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆในสถานที่ที่มีอย่างจำกัด หนังค่อยๆทำการกดอารมณ์คนดูทีละนิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มาถึงในฉากสุดท้ายที่เล่าเรื่องง่ายๆอย่างการทุมเททุกอย่างที่มีเพื่อช่วยชีวิต หนังจบแบบให้คนดูอย่างเราไปคิดเอาเองว่าเรื่องราวเป็นแบบไหนต่อ นี้คือหนังที่ว่ากันด้วยหัวใจล้วนๆ หนังเรื่องเยี่ยมที่เชิดชูความดีงามเสียสละของบุคลากรทางการแพทย์ได้ดีเยี่ยม

สำหรับเรื่อง Eye Of The Storm ผู้เขียนให้ที่ 10/10 คะนแนเลย ทุกอย่างมันลงตัวไปหมดตั้งแต่การเล่าเรื่อง พล็อตเรื่อง การแสดง หนังให้อารมณ์ที่หลากลายกับคนดูอย่างเรามากๆ แม้ตัวหนังจะไม่ได้มีอะไรที่ดึงดูดเป็นพิเศษ เส้นเรื่องก็อยู่ที่ปี 2003 หรือ 20 ปีมาแล้ว แต่เรากลับดูแล้วรู้สึกตามตัวละครได้อย่างดี สถานการณ์ที่ทุกคนเคยพบเจอกับความสิ้นหวัง อยู่ระหว่างความเป็นความตาย หนังที่ตีแผ่เรื่องการเสียสละของคน

วงการแพทย์ได้อย่างดีเยี่ยม หนังไม่ได้ยัดเยียดจนทำให้เรารู้สึกว่ามันปลอม หนังใช้การเล่าเรื่องง่ายๆพาเราไหลไปตามอารมณ์ของตัวละคร ที่เป็นหมอและพยาบาล เป็นหนังที่เชิดชูคนวงการแพทย์ทีดีอีกเรื่องเลยก็ว่าได้ เป็นหนังฟิลกู้ดที่แม้ว่าสถานการณ์ของเรื่องจะพาเราอึดอัดไปหน่อย แต่อยากแนะนำให้ไปหาดูกันจริงๆ เราจะเข้าใจสถานการณ์ที่ หมอ พยายบาล และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ต้องพบเจอตอนโควิดเลย

สุดท้ายเรามีรีวิวหนังที่อยากจะมาแนะนำเพื่อนๆทุกคน นั่นก็คือเรื่อง Fast & Feel Love เกา เขาคือแชมป์ Sport Stacking กำลังจะต้องลงแข่งแมตช์สำคัญที่ต้องปะทะกับคู่แข่งเด็กทั่วโลก เขาจะต้องเล่นให้ไวกว่า 4.6 วินาที อันเป็นสถิติใหม่ที่ผู้ท้าชิงลึกลับคนหนึ่งทำไว้ ติดตามอ่านได้ที่นี่เลย