รีวิวหนัง house of fucci
รีวิว หนังใหม่ House of Gucci เฮาส์ ออฟ กุชชี่ -เปิดโปงเรื่องราวสุดฉาวของคดีฆาตกรรมที่สะเทือนวงการแฟชั่น
House of Gucci เฮาส์ ออฟ กุชชี่ ภาพยนตร์ที่ได้มีเค้าโครงจากเรื่องจริงของตระกูลกุชชี่ ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือ “The House of Gucci: A Sensational Story of Murder, Madness, Glamour, and Greed” ของซาร่า เกย์ ฟอร์เดน ที่ถูกผู้กำกับอย่าง ริดลีย์ สก็อต จาก Gladiator (2000), The Martian (2015) หยิบมาทำเป็นหนังครับ
ส่วนนักแสดงต้องบอกเลยว่าทาง house of gucci พากย์ไทย จัดเต็มกันเลยที่มีทั้งนักแสดงหน้าเก่าและนักแสดงหน้าใหม่ไม่ว่าจะเป็น จาเรด เลโต,อัล ปาชิโน,เจเรมี ไอร์ออน,ซัลมา ฮาเยก,เลดี้ กาก้า และสุดท้ายกับ อดัม ไดรเวอร์ ครับ
เรื่องย่อ
house of gucci เรื่องย่อ จะเล่าเรื่องราวของมาอุริซิโอ กุชชี่ (อดัม ไดรเวอร์) ทายาทของตระกูลกุชชี่ที่เข้ามากอบกู้กิจการสินค้าแบรนด์เนมของตระกูลหลังจากประสบปัญหาขาดทุนในช่วงต้นยุค 90 แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จจนต้องขายหุ้นในปี 1994 รวมถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของเขากับแพทริเซีย เร็กจิอานี (เลดี้ กาก้า) ภรรยาผู้เป็นไฮโซดังที่ต่อมาหย่าร้างกัน และจ้างวานมือปืนมายิงเขาจนเสียชีวิตในปี 1999
คงไม่ถือว่าเป็นการสปอยล์หนัง เพราะ ‘House of Gucci’ สร้างจากคดีฆาตกรรมเมื่อปี 1995 ที่ช็อกวงการแฟชั่นและคนทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นสายแฟหรือไม่ก็ตาม ริดลีย์ สก็อตต์ (Ridley Scott) กำกับหนังเรื่องนี้จากบทที่อิงจากหนังสือชื่อ ‘The House of Gucci: A Sensational Story of Murder, Madness, Glamour and Greed’ ที่เขียนโดย ซารา เกย์ ฟอร์เดน (Sara Gay Forden) ซึ่งแน่นอนว่าทายาทในตระกูลกุชชีย่อมรู้สึกไม่พอใจ ดูหนังออนไลน์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ชมหนังเรื่องนี้แล้ว ส่วนแบรนด์ Gucci ไม่ว่าอะไร เปิดไฟเขียวเต็มที่ เพราะตอนนี้อยู่ในบริษัท Kering และบริหารงานโดย มาร์โก บิซซาร์รี ซีอีโอคนปัจจุบันที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลกุชชี แถมยังอนุญาตให้ยืมเครื่องแต่งกายแบบไม่อั้น เพราะถือเป็นการโปรโมตแบรนด์ไปในตัว ดูหนังฟรี
รีวิวหนัง house of fucci
‘House of Gucci’ เล่าเรื่องราวแบบไม่ซับซ้อน โดยวางจุดเริ่มต้นของเรื่องอยู่ที่ปี 1978 ช่วงที่เมาริซิโอ กุชชี (อดัม ไดร์เวอร์ – Adam Driver) หนุ่มนักเรียนกฏหมายทายาทกุชชี ตกหลุมรักกับ ปาทริเซีย เรจจิอานี (เลดี้ กาก้า – Lady Gaga) ลูกสาวเจ้าของบริษัทอู่รถบรรทุก แม้จะถูกคัดค้านจากพ่อ โรดอลโฟ กุชชี (เจเรมี ไอเอินส์ – Jeremy Irons) ผู้ถือหุ้นของกุชชี 50% (และเขาจะได้รับต่อ) แต่เมาริซิโอก็ดื้อรั้นหัวชนฝา
ยอมเดินออกจากครอบครัวกุชชี่ไปทำงานเป็นพนักงานอู่รถบรรทุกของพ่อปาทริเซียและตัดสินใจขอเธอแต่งงาน จากนั้นไม่นานเมาริซิโอก็ได้รับการทาบทามจากลุงอัลโด (อัล ปาชิโน – Al Pacino) ลูกชายคนโตของกุชชิโอ กุชชี ผู้ก่อตั้งแบรนด์ และเป็นประธานบริษัทในตอนนั้น ให้มาช่วยงานด้านการปรับปรุงภาพลักษณ์ของกุชชีที่เริ่มถูกมองว่าเป็นแบรนด์แฟชั่นที่ล้าสมัย แน่นอนว่าคนที่ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสทองนี้หลุดมือไปและคอยหนุนหลังเมาริซิโออยู่ตลอดเวลาคือปาทริเซีย
ครึ่งแรกปูโทนเหมือนหนังรักโรแมนติก เล่าความสัมพันธ์ของเมาริซิโอและปาทริเซียที่ค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตัว ฝ่าฟันอุปสรรคจนกลายเป็นครอบครัวที่มั่งคั่ง โยงเข้าสู่ครึ่งหลังของหนังที่มีเงาของเมฆดำค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาปกคลุม เมาริซิโอถูกปาทริเซียปั่นหัวและบงการมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นที่สามารถทรยศหักหลังครอบครัวตัวเอง เพราะความโลภจากอำนาจและเงินตรา กระทั่งความรักแปรเปลี่ยนเป็นความไม่ไว้ใจ นำไปสู่การหย่าร้าง ความหึงหวง ความโกรธแค้น และเป็นชนวนให้เกิดโศกนาฏกรรมในท้ายที่สุด
แม้หน้าหนังและชื่อหนังจะเกี่ยวกับแฟชั่น แต่ ‘House of Gucci’ ไม่ใช่หนังแฟชั่นจ๋าเหมือน ‘Coco Before Chanel’ หรือซีรีส์ ‘Halston’ แต่นี่คือหนังดราม่าที่ดัดแปลงจากชีวิตจริงของคนทำแฟชั่นเท่านั้น ดังนั้นใครที่ไม่ใช่สายแฟก็ดูรู้เรื่อง จะมีแค่รายละเอียดบางอย่างเช่นการพูดถึง ทอม ฟอร์ด ที่ก้าวมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ให้กุชชี หรือการมีบทเล็ก ๆ ของแอนนา วินทัวร์ และคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ก็เป็นตัวชูรสชั้นดีหากคุณรู้เรื่องแฟชั่น
จุดแข็งของหนัง
จุดแข็งและความน่าดึงดูดใจของหนังนับตั้งแต่ประกาศสร้างคือทีมนักแสดงฝีมือระดับออสการ์ แต่พอมารวมตัวกันแล้ว กลับกลายเป็นทั้งส่วนที่ยอดเยี่ยมและส่วนที่แปลกแยกในเวลาเดียวกัน ถ้าพูดแบบติดตลกก็คือนักแสดงแต่ละคน “เล่นเหมือนไม่ได้อ่านไลน์กลุ่ม” แน่นอนว่าคนที่โดดเด่นที่สุดหนีไม่พ้น เลดี้ กาก้า ที่เฉิดฉายทุกครั้งที่ปรากฏตัวด้วยการเล่นใหญ่ประหนึ่งละครช่องเจ็ด (ถ้าใครได้ชมแล้วจะรู้ว่าผมพูดไม่เกินจริง ถลึงตา เดินชนไหล่ มาหมด)
เช่นเดียวกับปาชิโนและจาเรด เลโท (Jared Leto) ที่เล่นใหญ่ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเลโทที่นอกจากจะแปลงโฉมเป็นเปาโล กุชชี จนจำไม่ได้แล้ว ยังเป็นตัวละครที่ทำให้คนดูรู้สึกเย้ยหยันและเห็นใจได้ในเวลาเดียวกัน ขณะที่ไดรเวอร์, ไอเอินส์ และแจ็ก ฮัสตัน เล่นน้อย ๆ แบบหนังดราม่าหวังกล่อง อีกคนที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ ซัลมา ฮาเย็ก ที่ช่วยสร้างสีสันได้ดีในบทพีนาหมอดูจอมปลอมที่มีส่วนร่วมในคดีฆาตกรรม
รีวิวหนัง house of fucci
ด้วยความที่ ‘House of Gucci’ เป็นหนังฮอลลีวูดและแสดงโดยดาราอเมริกัน แต่เล่าเรื่องราวของตัวละครชาวอิตาเลียนทั้งเรื่อง เลยใช้วิธีพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอิตาเลียน ซึ่งบางคนก็เป๋ไปจนแทบจะเป็นสำเนียงรัสเซีย ส่วนนี้อาจสร้างความรำคาญหูให้กับคุณได้ตลอดทั้งเรื่อง อีกจุดหนึ่งที่หนังยังทำได้ไม่ดีนักคือทิศทางกำกับของริดลีย์ สก็อตต์ ที่ดูเหมือนไปไม่สุดสักทาง ทั้งดราม่า อาชญากรรม แฟชั่น แถมยังแทรกตลกร้ายอยู่กลาย ๆ (ปัญหาเดียวกับการแสดง) เมื่อถึงจุดไคลแม็กซ์ในช่วงท้ายเลยขึ้นไปไม่สุด เพราะมีแรงส่งไม่มากพอ
โชคดีที่หนังถูกพยุงไว้ด้วยพลังของนักแสดงที่ถึงแม้จะดูคนละทิศคนละทางอย่างที่กล่าวไป แต่ก็ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญและสร้างความบันเทิงได้ตลอดเวลาสองชั่วโมงครึ่ง (หากตัดทอนรายละเอียดที่ไม่สำคัญออกไปให้หนังสั้นกว่านี้ก็จะดีมาก) บวกกับการออกแบบเครื่องแต่งกายที่สร้างความเพลิดเพลินตา และเพลงประกอบที่ขุดเพลงฮิตในยุค 80s มาให้ได้ยินกันเป็นระยะตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเฉพาะการเลือกเพลง
“Baby Can I Hold You” มาสเตอร์พีซของเทรซี แชปแมน (Tracy Chapman) มาเป็นเพลงปิดท้าย โดยเลือกเวอร์ชันที่แชปแมนร้องสดร่วมกับลูชาโน ปาวารอตติ (Luciano Pavarotti) ศิลปินโอเปราเสียงเทเนอร์ชาวอิตาเลียน ซึ่งทุกถ้อยคำในเนื้อเพลงถ่ายทอดถึงความรู้สึกกับความรักที่หวานขมในตอนจบได้เป็นอย่างดี house of gucci ดูที่ไหน
ไม่เพียงแต่ความรู้สึกขมขื่นของปาทริเซีย “แม่ม่ายดำ” แต่เพลงนี้ยังเป็นบทสรุปว่าเบื้องหลังโลกแฟชั่นอันงดงามหรูหรา กลับไม่มีใครในตระกูลกุชชีที่มีความสุขในบั้นปลายชีวิตแม้แต่คนเดียว
หลังจากที่ประสบความสำเร็จจนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ใน A Star is Born เลดี้ กาก้ากับยิ่งฉายแสงในฐานะ “นักแสดง” มากขึ้น เช่นเดียวกันกับบทแพทริเซีย เร็จเจียนี่ สะใภ้ของตระกูลกุชชี่! ในหนังเรื่องล่าสุดนี้กับ House of Gucci
ตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ เราต่างก็ทราบกันดีว่าแพทริเซีย เร็จเจียนี่ (เลดี้ กาก้า) เป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิด ในการวางแผนสังหารเมาริซิโอ (อดัม ไดรเวอร์) สามีของตัวเอง หลังจากที่ชีวิตคู่ของทั้งสองที่สะบั้นรักลง ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจครั้งใหญ่ของตระกูลกุชชี่ จนข่าวการลอบสังหารครั้งนี้กลายเป็นข่าวครึกโครมระดับโลกในปี 1995
ความน่าสนใจ
สำหรับ House of Gucci ไม่ได้เป็นหนังที่พยายามเล่าถึงประวัติความเป็นมาของแบรนด์กุชชี่ แต่เน้นไปโฟกัสที่เรื่องราวความรักระหว่างแพทริเซีย เร็จเจียนี่และเมาริซิโอ ตั้งแต่ช่วงเวลาที่ทั้งสองได้พบรักกันจวบจนวันแตกหัก
ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้แทบจะตกอยู่กับการแสดงของเลดี้ กาก้าเป็นหลัก เราจะได้เห็นตั้งแต่ ช่วงเวลาที่เธอเป็นหญิงสาว ทำงานอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์รถบรรทุกของครอบครัว ผู้พยายามตะกายฝันไปคว้าดาว เมื่อเธอได้กับเมาริซิโอ้ กุชชี่ ทันทีที่เธอได้ยินนามสกุลของเขา เธอก็เกิดอาการหูผึ่งและพยายามจะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ฝ่ายชายเกิดอาการสนใจ ถึงกับต้องลงทุน “แจกเบอร์โทรศัพท์” ให้กับเมาริซิโอ้เลยทีเดียว
หลังจากความรักเริ่มเบ่งบาน และเมื่อจังหวะเข้าที่เข้าทางประจวบเหมาะกับที่อัลโด้ (อัล ปาชิโน) กำลังมองหาคนมาช่วยดูแลแบรนด์กุชชี่ หลังจากที่แพทริเซียพยายามจะโน้มน้าวให้สามีเธอเข้ามาช่วยงานของตระกูล แน่นอนว่าภายในใจเธอรู้ดีว่า การที่สามีเข้ามาทำงาน ช่วยเปิดโอกาสที่จะนำพาชีวิตเธอให้สุขสบายและเข้าใกล้ความร่ำรวยมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่น่าเสียดายสำหรับ house of gucci เต็มเรื่อง พากย์ไทย คือวิธีการดำเนินเรื่องของหนังจัดได้ว่ายวบยาบจนหลายครั้งคงต้องบอกว่า “น่าเบื่อ” อย่างเต็มปากเต็มคำ เช่นเดียวกันในส่วนของการแสดงของเลดี้ กาก้าและจาเรด เลโต้ก็จัดได้ว่า “เล่นใหญ่” จนหลายครั้งหลายครา ค่อนข้างออกแนวอีโล้งโช้งเช้ง ตัวอย่างเช่นฉากงานเดินแฟชั่นที่โดนตำรวจบุกทลาย และฉากส่งเอกสารฟ้องหย่า น่าจะพอทำให้คุณผู้อ่านที่ชมภาพยนตร์มาแล้วเห็นภาพ
สิ่งที่น่าสนใจในหนังเรื่องนี้ก็ยังมีให้เราเห็นได้ตามรายทาง ไม่ว่าจะเป็นวาทะเชือดเฉือนของตัวละครอัลโด้ที่พยายามตักเตือนแพทริเซีย ในฐานะสะใภ้ ว่าแนวคิดและการให้คำปรึกษาของเธอนั้นเปรียบเสมือนการข้ามหัวผู้ใหญ่ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วสิ่งที่แพทริเซียพยายามทำนั้นคือความพยายามจะกอบกู้แบรนด์กุชชี่ให้ไม่ตกยุคและก้าวต่อไปได้ตามสมัยนิยม แต่ใครจะไปคิดว่าคำว่าการด่าทอครั้งนี้จะนำพาคนในตระกูลกุชชี่ไปสู่จุดแตกหักที่ไม่มีวันหวนคืนได้ตลอดกาล
เรื่องราวเหล่านี้จึงเป็นคติเตือนใจคนในแวดวงการทำงานว่า “อย่ากดหัวใครจนทำให้เขาเหล่านั้นเจ็บช้ำน้ำใจและน้ำตาตกใน เพราะไม่รู้ว่าวันหนึ่งเขาจะหวนย้อนกลับมาแก้แค้นเราหรือเปล่า”