รีวิวหนัง the gray man

 

หนังใหม่netflix the gray man เป็นเรื่องราวของชายล่องหนคืออดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอ คอร์ท เจนทรี่ หรือ เซียร่าซิกซ์ ที่ โดนัลด์ ฟิตซรอย อดีตหัวหน้าเป็นผู้ดึงตัวคอร์ทจากเรือนจำกลางมาร่วมงานด้วย เขาเคยเป็นนักฆ่ามือฉมังที่หน่วยงานส่งไปปฏิบัติภารกิจ ทว่าตอนนี้สถานการณ์กลับพลิกผัน ซิกซ์ตกเป็นเป้าสังหารและถูกไล่ล่าตัวไปทั่วโลกจากการสั่งการของลอยด์ แฮนเซ่น อดีตเพื่อนร่วมงานที่ซีไอเอผู้พยายามทุกวิถีทางที่จะกำจัดเขาให้ได้ แต่เจ้าหน้าที่ดานี่ มิแรนด้า จะคอยให้ความช่วยเหลือในยามที่เขาต้องการ ดูหนังออนไลน์

 

รีวิวหนัง the gray man

the gray man ล่องหนฆ่า หนังแอ็กชั่นสายลับของ netflix จากพี่น้องรุสโซ่ที่ได้ไรอัน กอสลิงกับคริส อีแวนส์ มานำแสดง ซึ่งมองภายนอกนี่คือโปรเจ็กต์ฟอร์มยักษ์เลยด้วยทุนสร้าง 200 ล้านเหรียญ และตัวนิยายเรื่องนี้เองก็ทำออกมาแล้ว 11 เล่มตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน เรียกว่าวางตัวไว้เลยว่าจะทำเป็นแฟรนไชนส์กันยาวๆ แน่นอน the gray man เรื่องย่อ

 

รีวิวหนัง the gray man

 

ถึงจะวางแผนกันไว้ว่าต้องเป็นแฟรนไชนส์ภาคต่อหากินยาวๆ จากพื้นฐานนิยายดัง แต่ตัวหนังเองกลับมีปัญหาตั้งแต่ภาคแรกนี้ด้วยความที่ตัวนิยายอาจจะเก่ามากๆ ทำให้ตัวเนื้อเรื่องค่อนข้างเชยมาก เป็นแนวสูตรสำเร็จสายลับนักฆ่าที่ถูกฝึกมาดี ไปรู้ความลับองค์กร ก็เลยโดนตามเก็บ ทั้งเรื่องเดินไปตามสูตรปกติแทบจะไม่มีออกนอกลู่นอกทางอะไรเลย แม้แต่จุดหักมุมอะไรก็ไม่มีทั้งนั้น เรียกว่าเป็นหนังแอ็กชั่นสายลับที่ทื่อสุดๆ ตั้งแต่บทแล้วจนไม่แน่ใจว่าทำไมผู้กำกับอย่างพี่น้องรุสโซ่ถึงไม่ปรับแต่งหรือทำอะไรกับบทเชยๆ นี้บ้างเลย ในเมื่อยุคนี้มีหนังสายลับมากมายที่ดีกว่าและดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างเจมส์บอนด์ มิชชั่นอิมพอสซิเบิล หรือแม้แต่พวกมาใหม่อย่างคิงแมนก็ยังทำได้ดีกว่ามากกับบทตรงนี้ จนทำให้นี่เป็นปัญหาตลอดเวลาที่ดูเลยคือ นอกจากเราจะเดาเรื่องออกต่อไปเป็นช็อตๆ แบบง่ายดายแล้ว ตัวเรื่องยังมีปัญหาความไม่สมจริงตามมาอีกมากมาย ดูหนัง

อย่างที่บอกว่านี่คือการรวมทีมของทีมงานผู้สร้างและนักแสดงระดับบิ๊กเนม “โจ กับ แอนโทนี รุซโซ่” (จาก avengers: endgame) กลับมาหยิบจับผลงานระดับบ็อกซ์บัสเตอร์อีกครั้งในรอบหลายปี แน่นอนว่าพวกเขามีประสบการณ์ชั้นเลิศมาจากการทำหนังมาร์เวลแล้ว จึงไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่เท่านั้นได้อีกแล้ว ดังนั้นหนังเรื่องนี้จึงเปรียบเสมือนการลดดีกรีของพวกเขาลงมาอีกขั้น และน่าเสียดายที่หนังถูกเทใส่เครื่องปรุงแบบสำเร็จรูปลงไปค่อนข้างเยอะไปหน่อย

คือต้องยอมรับว่า the gray man มีงานโปรดักชั่นต่าง ๆ ค่อนข้างยิ่งใหญ่และจริงจังดี แต่ทุกองค์ประกอบที่ใส่มานั้น มันเป็นวัตถุดิบสำเร็จรูปเกือบจะทั้งหมด โดยเฉพาะฉากบู๊และฉากไล่ล่าต่าง ๆ เราแทบจะคุ้นชินมาจากหนังแอคชั่นแนวนี้มาแล้วทั้งนั้น เหมือนเอา mission: impossible ภาคหลัง ๆ มาผสมเข้ากับหนังตระกูล james bond กับตระกูล bourne อะไรประมาณนั้น ทุกอย่างก็มันส์บนพื้นฐานความเก่งกาจฉบับเวอวังดี ดูหนังออนไลน์ ดูหนัง

 

รีวิวหนัง the gray man

 

 

องค์ประกอบสำคัญของหนัง the gray man

รีวิวหนัง the gray man อีกองค์ประกอบที่เป็นปัญหาใหญ่ ๆ ของ the grey man ก็คือบทหนัง ถึงแม้ว่าจะได้ทีมเดิมจาก avengers: endgame มาช่วยปั้นเรื่องให้ ไม่ว่าจะหนึ่งในผู้กำกับ กับ “คริสโตเฟอร์ มาร์คัส” และ “สตีเฟน แม็กฟีลีย์” ดูเหมือนว่าบทหนังจะยังไม่เข้มข้นกลมกล่อมดีสักเท่าไหร่ แต่จะโทษบทอย่างเดียวคงจะไม่ได้ เพราะการเล่าเรื่องของหนังก็ค่อนข้างขาดความน่าสนใจไปในจุดเชื่อมหลาย ๆ จุด พวกช่วงต่อระหว่างฉากแอคชั่นต่าง ๆ หนังยังทำรสชาติออกมาได้ค่อนข้างจืดไปสักหน่อย

บอกเลยว่าฉากบู๊ใน the gray man นั้น ทำออกมาได้ถึงใจถึงอารมณ์และน่าตื่นตาเกือบจะทุกฉาก โดยเฉพาะฉากเปิดเรื่องที่มีเซ็ตฉากเป็นกรุงเทพฯ ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจและดึงดูดใจผู้ชมได้ดีตั้งแต่เริ่มต้น ขณะที่ฉากอื่น ๆ ก็ระห่ำสะใจได้ดีตลอดทั้งเรื่อง ถึงการเล่าเรื่องจะเป็นจุดบั่นทอนอารมณ์ของหนังไปทีละน้อยก็ตาม แต่ก็ต้องยกนิ้วให้ในส่วนของงานดีไซน์สตั้นท์ต่าง ๆ ที่ทำออกมาได้น่าพอใจ The grey man trailer

 

บทบาทใน การแสดง the gray man

มาถึงการแสดงกันบ้าง เพราะนี่คือการโคจรมาเจอกันของ 2 ซุปตาร์ฝ่ายชายแถวหน้าของวงการทีเดียว “ไรอัน กอสลิ่ง” มาพร้อมกับบทสายลับที่ต้องมาเป็นเป้าหมายเสียเอง บทบาทอะไรแบบนี้ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อะไรเลยสำหรับเขา แต่เขาก็ยังแบกรับบทบาทของตัวเองได้ดี และเสน่ห์ของเขาก็ช่วยยกระดับคาแรกเตอร์ได้ดี ถึงแม้ว่ามันจะค่อนข้างดูธรรมดาไปสักหน่อย

แต่ในขณะที่ “คริส อีแวนส์” ที่มารับเป็นไอ้โหดโรคจิตสุดแสบ เป็นบทที่ยียวนกวนประสาทและน่าหมั่นไส้อย่างจริงจัง นั่นจึงเป็นอีกสเน่ห์ที่เราได้เห็นจากเขา หลังจากที่รับบทเป็นคนดีมาหลายเรื่อง กลับมาลองเป็นคน(พฤติการณ์)เลวอีกสักเรื่อง ในเรื่องนี้เขาก็ถือว่าตีบทแตกและทำให้เราเกลียด..ถีงจะเกลียดไม่ลง น่าเสียดายที่หนังยังส่งเสริมบทนี้ให้กับเขาได้ยังไม่สุดสักเท่าไหร่ เหมือนยังไปได้ไกลกว่านี้ได้อีก

 

รีวิวหนัง the gray man

 

นักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ที่ยังโดดเด่นเหมือนเคย ก็คือ “อนา เดอะ อาร์มัส” ที่กลายเป็นเจ้าแม่ขาบู๊ในยุคปัจจุบันไปแล้ว และเรื่องนี้เธอก็ยังสวยเท่ไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าบทที่เธอได้รับนั้นจะค่อนข้างซ้ำจากหนังเรื่องก่อน ๆ ไปหมด แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังแพรวพราวและมัดใจผู้ชมไม่เปลี่ยน เช่นเดียวกับ “เรเก้-ฌอง เพจ” ที่แม้ว่าไฟจะสาดไปถึงน้อยไปหน่อย แต่ออกมาแต่ละซีนก็คือน่าจับตาอยู่ไม่เบา

เอาเป็นว่าโดยภาพรวม the gray man ก็เป็นหนังแอคชั่นไล่ล่าสุดระห่ำ ที่เต็มไปด้วยสูตรสำเร็จแบบเก่า ๆ ที่ไม่ได้สร้างความแปลกใหม่อะไรเท่าไหร่นัก แต่ด้วยสเกลงานของหนังที่ยิ่งใหญ่ กับทุนสร้างที่ทุ่มสร้างไปกว่า 200 ล้านเหรียญ เราจึงได้เห็นฉากแอคชั่นอลังการได้ตลอดทั้งเรื่อง แม้ว่าบทจะยังไม่ดี การเล่าเรื่องจะยังไม่ดึงดูด แต่ไฮไลต์ของหนังเรื่องนี้ก็คือการประชันกันของเหล่านักแสดง ที่ต้องบอกเลยว่าทุกคนร่วมกันเป็นนางแบกให้กับหนังเรื่องนี้ ชนิดที่แบกจนไหล่แทบทรุดทีเดียว เกือบแล้ว! เกือบจะ…น่าเบื่อ the gray man imdb

 

รีวิวหนัง the gray man

ความไม่สมจริงที่ว่าก็ตั้งแต่การวางพื้นฐานปูเรื่องของพวกเกรย์แมนแล้ว ที่วางว่าพวกนี้คือนักโทษต้องคดีแรงแล้วถูกจับมาฝึกโดย cia ให้เป็นนักฆ่ารับงานจากรัฐ โดยยื่นเงื่อนไขปล่อยตัวออกมาก่อนเวลา แต่กลับต้องกลายเป็นทาสตลอดชีวิต ตายฟรีได้ทุกเมื่อเพราะจะถูกลบประวัติหมดไม่มีตัวตนให้สมกับชื่อเรื่องมนุษย์เงา ซึ่งเรื่องเปิดมาตอนแรกปูนิดเดียวแทบไม่รู้เรื่องอะไรมากขึ้นเลย แล้วก็กระโดดมา 18 ปีผ่านไป อยู่ๆ พระเอกก็คิดทรยศงานที่ทำมาตลอดดื้อๆ โดยเหตุผลและแรงจูงใจก็ไม่สมเหตุผลเลยสักนิดเมื่อแลกกับการโดนตามล่าจากทั้งองค์กรขนาดนั้น แล้วตัวเรื่องก็แทบจะไม่ปูพื้นความสัมพันตัวพระเอกกับคนอื่นที่ร่วมงานแล้วพยายามขอความช่วยเหลือเลย แบ็คกราวด์ตัวละครแทบจะว่างเปล่ากลวงๆ ทำให้เรื่องดำเนินไปแบบพระเอกขยันหาแต่เรื่องเดือดร้อนให้เพื่อนเก่าอดีต cia ทั้งนั้น เรียกว่าเป็นตัวซวยล้วนๆ แล้วแต่ละคนก็ไม่ได้มีความรู้สึกหรือฉากโชว์ว่าเก่งอะไรเลย เหมือนทั้งเรื่องทำมาเพื่อโชว์พระเอกล้วนๆ โดยมีนางเอกกับตัวร้ายมาเสริมแค่นั้น

โอเคการได้คริส อีแวนส์มาเป็นตัวร้ายอาจจะทำให้น่าสนใจ แต่กลายเป็นว่าคาแรกเตอร์ที่คริสได้เล่นกลับเป็นเหมือนนักฆ่าตัวตลก ดูเหมือนโหด มีความโหด แต่ก็ทำอะไรแบบตลกๆ แบบอีหยังว่ะอยู่บ่อยครั้ง เป็นฉากที่พี่น้องรุสโซ่ตั้งใจให้เป็นมุกตลกในเรื่องเลย แต่มันกลายเป็นการทำให้ตัวละครนี้เหมือนทีเล่นทีจริงไปหมด แถมทรงผมกับการไว้หนวดจิ๋มพิลึกๆ ยิ่งทำให้ตัวละครนี้ดูเด่อด๋าไม่เข้าที่เข้าทาง ซ้ำร้ายยังมีฉากที่ทำให้เห็นว่าบทตัวละครนี้โง่แค่ไหน อย่างการใช้มีดจ้วงแทงพระเอกจากการต่อสู้ตัวๆ ได้ แต่ก็จิ้มทีแล้วก็ออกมายิ้มๆ เหมือนอ่อยให้ ทั้งๆ ที่ฉากนั้นคือไคลแม็กซ์ตัดสินชีวิตกันแล้วด้วยซ้ำ

 

 

ตัวละครที่ดูดีกลับเป็นนางเอกที่เล่นโดย อนา เดอ อาร์มาส คือเธอสวย มีเสน่ห์ รับบทเป็นสายลับที่คอยคุมพระเอกแต่กลับติดร่างแหโดนเหมาไปด้วย บททำให้เธอเป็นพาร์ทเนอร์คู่หูของพระเอกที่ดี มีแอบรับส่งมุกกันบางครั้ง แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องรักอะไรมาเกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ตัวเรื่องพยายามวางตัวละครในเรื่องไว้เพื่อเป็นภาคต่ออย่างชัดเจน คือทั้งเรื่องเราได้เห็นว่า cia ระดับหัวๆ เลวแค่ไหน แต่ตอนจบของเรื่องกลับทิ้งค้างไว้ทั้งหมด เหมือนเป็นหนังที่ตั้งใจปล่อยตัวละครร้ายๆ ให้รอดไว้เยอะเพื่อเปิดทางไปภาคต่อ ซึ่งถ้าเดินตามนิยายก็เข้าใจแต่ได้ แต่มันทำให้เรื่องนี้กลายเป็นหนังที่ทำไว้ค้างๆ คาๆ จนน่าเกลียดอยู่เหมือนกัน (คือถ้าจะทำภาคต่อก็ควรมีชั้นเชิงทิ้งไว้มากกว่านี้)

 

บทสรุป ของเรื่อง the gray man

รีวิวหนัง the gray man สิ่งที่พอทำให้เรื่องดูสนุกตื่นเต้นได้ก็คงมีแค่ฉากแอ็กชั่นที่พยายามเล่นใหญ่โตในกรุงปราก สาธารณรัฐเช็ค ตอนกลางเรื่องที่ใหญ่โตกว่าฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องที่ไม่ค่อยมีอะไรให้น่าพูดถึงนัก โดยฉากนี้เป็นฉากที่พระเอกต้องถูกระดมยิงถล่มจากนักฆ่าที่ cia ส่งมายิงคนในเมืองทิ้งแบบไม่สนใจใครว่าจะตาย ขอแค่เด็ดหัวพระเอกให้ได้ แล้วเรื่องก็ไล่ล่ากันบนรถรางกลางเมืองที่พาให้บ้านเมืองที่ผ่านไปชิบหายกันหมด เป็นฉากที่โม้โอเวอร์สุดๆ มากตั้งแต่ตำรวจกรุงปรากมีปืนกล ขนรถติดปืนกลมายิงถล่ม ตัวร้ายก็มีทั้งปืนกลทั้งเครื่องยิงจรวดถล่มกันเหมือนเป็นหนังสงครามย่อมๆ เลย ซึ่งแน่นอนว่าได้ความสนุกสะใจแน่ๆ แต่ถ้าคิดถึงความสมเหตุผลของฉากนี่สอบตกบรรลัยมากเช่นกันครับ

นอกจากฉากแอ็กชั่นแล้วตัวเรื่องพยายามให้มีดราม่าพระเอกเป็นคนดี ตามช่วยเหลือเด็กสาวที่เป็นหลานของหัวหน้าเก่า ตัวเรื่องพยายามบิ้วให้ทั้งคู่มีความหลังผูกพันธ์กันในช่วงสั้นๆ แล้วก็เอามันมาใช้ในตอนก่อนจบเพื่อให้พยายามบีบคั้นให้เรื่องดูเศร้า แต่เวลาที่เรื่องให้กับสองคนนี้มันน้อยมากจนไม่รู้ถึงความผูกพันอะไรเลย แถมตัวเด็กสาวในเรื่องก็ไม่ได้ถึงกับมีบทเด่นหรือเล่นดีมีเสน่ห์อะไรมาก เรียกว่าไม่ได้มีความน่าจดจำใดๆ เมื่อเทียบกับพล็อตเรื่องนักฆ่าช่วยเด็กแนวๆ เดียวกันที่มีมาก่อนแล้วมากมาย อย่างโปรเฟสชั่นแนลลีออง อีควอไลเซอร์ เป็นต้น the gray man rotten tomatoes

 

 

ก็เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งหนัง netflix ที่ยังคงเสมอต้นเสมอปลายดีกับหนังแมสตกมาตรฐาน ที่มักเอานักแสดงดัง ผู้กำกับมีชื่อเสียงมาขาย แต่ผลงานที่ได้มาแค่พอดูได้ผ่านๆ แถมอาจจะเลวร้ายด้วยถ้าคนดูคาดหวังจากชื่อเสียงผู้กำกับกับนักแสดงนำในเรื่องแบบนี้ครับ ทั้งเรื่องมีดีแค่ฉากแอ็กชั่นเล่นใหญ่ตรงกลางเรื่องเท่านั้น นอกนั้นคืออะไรที่ไม่ค่อยเข้าท่า เป็นบทหนังสายลับสูตรสำเร็จทื่อๆ ไม่มีพลิกแพลงหรือหักมุมอะไรเลย จนดูเชยมากในยุคนี้