รีวิวหนัง the man from toronto

 

 

ประเภท: แอคชั่น / ตลก

ผู้กำกับ: แพทริค ฮิวจ์ส

นำแสดงโดย: เควิน ฮาร์ต, วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน

ความยาว: 100 นาที

กำหนดฉายในไทย: 24 มิถุนายน 2022 (ที่ Netflix)

หนังใหม่netflix นึกว่าออกฉายไปหมดแล้วเสียอีก สำหรับหนังที่โดนโรคเลื่อนมาจากช่วงโควิด-19 แพร่ระบาดหนัก แต่ก็ยังไม่หมดครับ ยังมีเรื่องนี้ล่ะ The Man From Toronto หนังของค่ายโซนี่ที่วางกำหนดฉายเดิมไว้ตั้งแต่พฤศจิกายน 2020 นู่นเลย แล้วก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก สุดท้ายขายให้ Netflix ไปซะดีกว่า ซึ่งก็เพิ่งสตรีมมิงไปเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน นี่เอง

 

เรื่องย่อ the man from toronto

รีวิวหนัง the man from toronto เป็นเรื่องราวของการระบุตัวตนที่ผิดพลาด ซึ่งกลายเป็นความโกลาหลอย่างมหันต์ หลังจากที่ เท็ดดี้ ปรึกษาฝ่ายขาย ผู้ที่เพิ่งจะล้มเหลวจากหน้าที่การงาน กับ แรนดี้ นักฆ่าที่อันตรายที่สุดในโลกซึ่งรู้จักกันในชื่อว่า ‘ชายจากโตรอนโต’ ได้โคจรมาพบกันในที่พักแห่งหนึ่งระหว่างที่เขากับภรรยามาพักร้อนดื่มด่ำในช่วงวันหยุด และทุกอย่างกลายเป็นเรื่องผิดแผนและยุ่งเหยิงกว่าที่คิด

 

รีวิวหนัง the man from toronto

 

และนี่ก็คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับ “แพทริค ฮิวจ์ส” จากหนังชุด The Hitman’s Bodyguard ทั้ง 2 ภาค แน่นอนว่าแค่รู้เท่านี้นคุณก็น่าจะพอนึกถึงบรรยากาศของหนังเรื่องนี้ออกได้บ้างแล้วใช่มั้ย? แล้วก็ใช่…เพราะหนังก็มาพร้อมกับสูตรสำเร็จแบบเดิมที่เขาเคยใช้มาจากผลงานหนังเรื่องก่อน องค์ประกอบก็มาคล้ายเดิม แค่เพียงจากบอดี้การ์ดกับมือปืน มาเป็นเซลล์หนุ่มเห่ยกับนักฆ่าโหด ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

the man from toronto ฉายานักฆ่า

The Man From Toronto เป็นฉายาของนักฆ่าและนักทรมานเหยื่อรีดข้อมูล รับบทโดย วูดดี้ ฮาร์เรลสัน เขารับงานจากนายหน้าหญิงคนเดิมมากว่า 20 ปี รับบทโดย เอลเล็น บาร์กิน จนเกิดเรื่องผิดคาดในวันหนึ่งเมื่อ โทรอนโตรับงานรีดข้อมูลจากเหยื่อที่กระท่อมหลังหนึ่ง แต่เผอิญที่ เท็ดดี้ แจ็กสัน รับบบทโดย เควิน ฮาร์ต เดินทางมาที่บ้านหลังนี้ก่อนเพราะดูบ้านเลขที่ผิด เข้าใจว่าเป็นกระท่อมที่เขาจะมาพักฉลองวันเกิดให้ภรรยา ทำให้ผู้ว่าจ้างเข้าใจผิดว่าเท็ดดี้เป็นโทรอนโต

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น FBI บุกบ้านที่เกิดเหตุ แต่ผู้ว่าจ้างส่งภาพของเท็ดดี้ไปให้หัวหน้าใหญ่เรียบร้อยแล้วว่าบุคคลในภาพนี้คือโทรอนโต FBI จึงบังคับให้เท็ดดี้เป็นสาย สวมรอยเป็นโทรอนโตรับงานต่อเนื่องจากผู้ว่าจ้างเดิม เพื่อทาง FBI จะตามรวบตัวหัวหน้าใหญ่ ขณะเดียวกันโทรอนโตตัวจริงก็ตามสืบจนรู้ตัวตนของเท็ดดี้ และมั่นใจว่าผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างเท็ดดี้ต้องทำแผนการเละไม่เป็นท่าแน่ จึงตามไปในปฏิบัติการที่ 2 เพื่อต้องการเผยตัวตนและทวงงานคืน และทำให้ทราบว่าเบื้องหลังการว่าจ้างครั้งนี้คือแผนการใหญ่ระดับชาติ ถ้าทั้งคู่ปล่อยให้บอสใหญ่ทำตามแผนสำเร็จจะมีผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก

 

รีวิวหนัง the man from toronto

 

จะว่าไป หนังแนวจับคู่ คนหนึ่งบู๊คนหนึ่งฮาแบบนี้ไม่เคยห่างหายไปจากฮอลลีวูดเลย เรื่องเด่น ๆ ที่พอจำกันได้ก็มี 48 Hrs (1982), Bad Boys (1995), Rush Hour (1998), Shanghai Noon (2000), Cop Out (2000),The Nice Guys (2016), Central Intelligence (2016) และแม้กระทั่งตัวผู้กำกับ แพทริก ฮิวส์ (Patrick Hughes) เองก็เพิ่งผ่านหนังแนวคู่หูอย่าง The Hitman’s Bodyguard ที่เพิ่งมีภาค 2 ออกมาเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ก็คงเป็นสาเหตุให้เขาเป็นตัวเลือกให้รับหน้าที่กำกับเรื่องนี้กระมัง

 

รีวิวหนัง the man from toronto

ถ้าพิจารณากันที่เนื้อหาแล้ว หนังสามารถไปได้ในแนวแอ็กชันจริงจัง เพราะว่ากันด้วยเรื่องของโลกนักฆ่า ให้โทรอนโตนักฆ่ามืออาชีพต้องมาเจอกับวายร้ายบิ๊กเบิ้มที่มีแผนการร้ายระดับโลก ทำให้เขาเปลี่ยนใจมายับยั้งแผนการ นายหน้าจึงต้องส่งนักฆ่าอีกหลายคนมาตามเก็บเขาแทน แต่หนังเลือกที่จะมาทางคอมเมดี้ ด้วยการให้นักฆ่าต้องจับคู่กับยูทูบเบอร์ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง ออกมาเป็นภาพที่เราคุ้นตากันเป็นอย่างดี ฝ่ายหนึ่งพูดน้อยต่อยหนัก หน้าตาเคร่งเครียดตลอดเวลา อีกฝ่ายเป็นหนุ่มร่างเล็กเจ้าอารมณ์พูดไม่หยุด ซึ่งก็ได้ เควิน ฮาร์ต (Kevin Hart) นักแสดงผิวดำที่ถนัดมาก ๆ กับบทอย่างนี้ เรียกว่าบทเดิมเลยก็ได้ที่เขาแสดงร่วมกับ ดเวย์น จอห์นสัน ใน Central Intelligence

เมื่อหนังถูกตีกรอบให้อยู่ในเส้นทางคอมเมดี้และมีเรต PG-13 จำกัดอยู่ หนังก็เลยไม่มีภาพรุนแรงให้เห็นและคำหยาบให้ได้ยิน พอมีฉากรุนแรง หนังก็จะตัดภาพหรือให้ดูแค่สีหน้าตัวละครแค่นั้นพอ แม้โทรอนโตผู้ช่ำชองในการทรมานรีดข้อมูลเหยื่อ แต่ทุกครั้งที่จะลงมือเหยื่อก็ใจเสาะคายความลับเสียก่อน แล้วสุดท้ายบทก็พลิกบุคลิกให้โทรอนโตกลายเป็นหนุ่มจิตใจดีไปซะงั้นในครึ่งหลังของเรื่อง บรรดานักฆ่ารายอื่น ๆ ในเรื่อง ที่วางมาดวางฟอร์มมาเสียโหด แต่ก็ต้องเจอกับกฎเหล็กว่านี่คือหนังคอมเมดี้ ก็เลยกลายเป็นตัวตลกกันเสียหมด เสียท่าได้แม้กับตัวตลกเสียงดังอย่าง เท็ดดี้ แจ็กสัน โดยไม่มีเหตุผลใด ๆ ประกอบทั้งสิ้น

 

รีวิวหนัง the man from toronto

 

ผลก็คือ The Man from Toronto full movie กลายเป็นหนังที่ให้รสชาติจืดสนิท ไปได้ไม่สุดทั้งแอ็กชันและคอมเมดี้ ฉากแอ็กชันก็ไม่ได้ชวนลุ้นเอาใจช่วย เพราะผู้ร้ายแต่ละคนก็ดูช่างไร้พิษสง มีดีหน่อยก็ The Man From Miami ที่ปูทางมาดูโหดมีฉากแอ็กชันยาว ๆ ให้โชว์ และนับว่าเป็นฉากที่ดีที่สุดในหนังแล้วล่ะ แต่บทลงเอยของไมอามี่ก็ช่างงี่เง่าสิ้นดี ฉากไคลแมกซ์ท้ายเรื่องดูเล่นใหญ่ใส่ระเบิดตูมตามแถมเล่นเทคนิคสุดคลาสสิกให้ตัวละครวิ่งแบบสโลว์โมชันก็ดูแบบผ่าน ๆ ไปไร้อารมณ์ร่วม หันมาดูพาร์ตคอมเมดี้ของหนัง ด้วยความยาว 1 ชั่วโมง 50 นาที หนังระดมยิงมุกถี่ ทั้งด้วยการแสดงแบบตั้งใจเอาฮาของ เควิน ฮาร์ต และบทพูดที่ออกจากปากของเขาที่ล้วนทำได้แค่เพียงรอยยิ้มมุมปากระหว่างชมเท่านั้น ไม่มีมุกไหนเลยที่สามารถเรียกเสียงหัวเราะได้สำเร็จ

 

ฉากที่น่าประทับใจ

รีวิวหนัง the man from toronto ฉากที่น่าพอใจสุดกลับกลายเป็นฉากดราม่าแค่ส่วนเล็ก ๆ ที่แทรกอยู่ในหนัง เมื่อโทรอนโตและเท็ดดี้ได้พูดคุยเปิดใจกัน ทำให้โทรอนโตได้เปิดเผยด้านซอฟต์ของตัวเองออกมา และฉากที่ได้เจอกับแอน สาวสวยที่เข้าหาโทรอนโตจนทำให้นักฆ่าอย่างเขาดูเป็นหนุ่มนิ่มและเขินอายได้ ดูจบแล้วรู้สึกดีใจไปกับ เจสัน สตาแธม (Jason Statham) ที่มาทะเลาะกับผู้อำนวยการสร้างแล้วโบกมือลาโปรเจกต์ก่อนเปิดกล้องไปแค่ 6 สัปดาห์ ทีมงานจึงรีบติดต่อ วูดดี้ ฮาร์เรลสัน ให้มาเสียบบทแทน ซึ่งก็ต้องบอกว่าฮาร์เรลสันดูเหมาะดีกับบทนักฆ่าสายโหด แม้จะเข้าวัยเลข 6 แล้ว พี่แกก็ยังดูหนุ่มกว่าวัย ดูแลหุ่นดี เล่นฉากบู๊ได้ทะมัดทะแมง เพียงแต่ว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นผลงานด้านลบในเครดิตของพี่วูดดี้ซะมากกว่า ส่วน เควิน ฮาร์ต นั้นไม่มีอะไรให้พูดถึง เพราะได้บทเดิม ๆ ที่คุ้นตาผู้ชม

ถึงคิวอีกหนึ่งหนังที่เหมาะกับการเป็นสูตรสำเร็จของหนังประจำซัมเมอร์ในปีนี้ ไม่มีจะอะไรเหมาะไปมากกว่าหนังแอคชั่นตลก ภารกิจคู่หูแบบจับพลัดจับผลู และนี่คือ “The Man From Toronto ชายจากโตรอนโต” หนังที่มาพร้อมพล็อตง่าย ๆ กับการจับหนุ่มสุดเห่ยมาเจอกับนักฆ่าสุดโหด ฟังแค่นี้ก็รู้แล้วว่า…มันจะต้องบันเทิงและบรรลัยไปคราวเดียวกัน

 

 

โดยภาพรวมแล้ว The Man From Toronto Rotten tomatoes ก็ถือว่าเป็นแอคชั่นตลกที่ดูได้เพลินดี หนังอาจจะไม่มีอะไรที่หวือหวาและน่าตื่นตาใด ๆ แต่เพราะสูตรสำเร็จที่ใส่เข้ามาก็ยังทำให้หนังพอถูไถไปได้ จังหวะต่าง ๆ ค่อนข้างลงตัวได้ดี ด้วยความเป็นมืออาชีพของนักแสดงโดยเฉพาะ อย่างน้อย ๆ หนังก็สามารถทำให้เรารู้สึกบันเทิงได้ดีอยู่ ยังทำให้หัวเราะได้แม้จะใช้มุกล้อเลียนอีเมล์ Hotmail ก็ตามที

เคมีคู่นักแสดงระหว่าง เควิน ฮาร์ต กับ วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน ถือว่าใช้การได้ดีทีเดียว เดิมทีบทดังกล่าวเป็นของ “เจสัน สเตธัม” แต่เพราะแผนงานกระทบจากโควิด ทำให้เขาตัดสินใจถอนตัวไปในนาทีสุดท้าย และได้วู้ดดี้มารับบทแทน ก็ถือว่าเป็นการจับคู่นักแสดงที่ค่อนข้างลงตัว และเป็นการใช้มืออาชีพมาสร้างสรรค์ผลงานหนังตลกแบบไม่มีสาระใด ๆ ออกมาให้ได้บันเทิงและเพลินได้ดี

 

รีวิวหนัง the man from toronto

the man from toronto พากย์ไทย ก็คือหนังที่มีสร้างความบันเทิงแบบสูตรสำเร็จโดยเฉพาะ นับตั้งแต่เปิดฉากแรกออกมาในหนัง แทบหาอะไรใหม่ ๆ จากหนังเรื่องนี้ไม่ได้เลย บทหนังค่อนข้างจำเจและใส่สูตรเดิม ๆ ของหนังคู่หูที่เคยเห็นจากหนังเรื่องอื่นๆ ได้ และซ้ำร้ายเทคนิคงานสร้างต่าง ๆ ก็ค่อนข้างไม่ละเอียด งานซีจีของหนังเรื่องนี้เกือบจะเข้าขั้นเลวร้าย เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นงานด่วนงานเร่งอยู่ไม่เบาเลย

แต่ทั้งนี้ The Man From Toronto กลับกลายเป็นความบันเทิงที่สามารถตอบโจทย์ผู้ชมได้ตามต้องการ เพราะได้ทีมนักแสดงที่มีพรสรรค์มาช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวและหยอดมุกที่ขำบ้าง..ไม่ขำบ้างไปตลอดทั้งเรื่อง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่บทที่ใหม่เลยสักนิดของ “เควิน ฮาร์ต” เราเห็นเขาเคยเล่นหนังแบบนี้มาหลายเรื่องแล้ว มันก็วน ๆ ซ้ำ ๆ อยู่แบบดื่ม แต่อารมณ์ขันและเสน่ห์ทางการแสดงของเขานั้น ก็ยังเป็นจุดเด่นที่่ช่วยประครองหนังเรื่องนี้ไปได้

 

 

ในขณะที่ “วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน” ที่บทนี้อาจจะไม่ใช่บทบาทที่ดีของเขา แต่นาน ๆ เราจะได้เห็นเขาเล่นบทที่เบาสมองอะไรแบบนี้ก็ดูเหมือนกัน ตัวละครของเขาเข้ามาเป็นส่วนเติมเต็มให้กับหนังเรื่องนี้ อีกฝั่งเป็นตัวโจ๊กมาเรียกเสียงหา และเขาก็เข้ามาเป็นตัวแทนของความขึงขังและดุดัน เมื่อทั้งคู่โคจรมาเจอในหนังเรื่องนี้ ก็กลายเป็นองค์ประกอบของคู่หูที่ค่อนข้างลงตัว

แม้ว่าในเรื่องนี้จะเน้นหลักอยู่แค่เพียง 2 ตัวละครหลัก แต่ก็ยังมีคาแรกเตอร์สมทบที่น่าสนใจและทำให้รู้สึกเซอร์ไพรส์อยู่รายทาง ไม่ว่าจะเป็น “เคลีย์ คูโอโค”, “เพียร์สัน โฟด”, “เอเลน บาร์กิ้น” หรือ “โทโมฮิซะ ยามาชิตะ (ยามะพี)” ที่มาร่วมสร้างสีสันและสร้างความกลมกล่อมให้กับหนังเรื่องนี้ได้บันเทิงตลอดเกือบทั้ง 2 ชั่วโมงของหนังเรื่องนี้ The Man from Toronto IMDb