รีวิว มิสชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการณ์รัฐอำพราง

 

 

ชื่ออังกฤษ : Mission: Impossible – Rogue Nation
ชื่อไทย : มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการรัฐอำพราง
ประเภท : ภาพยนตร์
แนว : Action, Adventure
ผู้กำกับ : Christopher McQuarrie
นักแสดง : Tom Cruise
ค่ายภาพยนตร์ : Paramount Pictures
วันที่เข้าฉาย : 30 กรกฎาคม 2015

 

ภาคนี้ยังคงทำได้เยี่ยมยอด จนทำให้ผมยกให้เป็นอีกหนึ่งภาคของมิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ลที่ชื่นชอบ ซึ่งในแต่ละภาคผู้กำกับที่มารับหน้าที่กำกับก็ไม่ซ้ำกัน เลยเป็นอีกข้อเปรียบเทียบที่ว่า แต่ละภาคมีจุดดีตรงไหนและจุดเด่นตรงไหน ซึ่งด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของมิชชั่น บวกกับการเล่าเรื่อง การคุมหนังแบบเฉพาะตัวผู้กำกับก็ทำให้มิชชั่นในแต่ละภาคมีของดีไม่เหมือนกัน หนังใหม่ netflix

ของดีในภาคนี้คงอยู่ที่ว่า นำเสน่ห์แบบหนังชุดสายลับมิชชั่นมาใส่ให้มากขึ้นนั่นคือ การเล่าเรื่องตลบหลังไปมาจนคนดูคาดเดาอะไรล่วงหน้าไม่ได้ เนื้อเรื่องที่ผูกปมเอาไว้อย่างน่าสงสัยและยากต่อการคาดเดา …นั้นก็คงเป็นเพราะคนที่มารับหน้าที่กำกับในภาคนี้คือ คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่ ผู้เขียนบทจากหนังอาชญกรรมหักมุมระบือโลก The Usual Suspect (1995) กับงานกำกับครั้งแรกของเขา ซึ่งผลที่ออกมาก็คือ หนังขายความบันเทิงและฉากมันส์ๆ ได้อย่างอัดแน่นเข้มข้น คือคอแอ๊คชั่นสบายใจได้เลยถ้าจะหวังดูภาคนี้เอาบู๊มันส์ ดูหนังฟรี

 

รีวิว มิสชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการณ์รัฐอำพราง

 

ช่วงแรกของหนังจะสนุกแบบสุดๆ สามารถเข้ากันและลงตัวไปกับฉากเว่อร์ๆ ตามฉบับ ทั้งปืน ต่อสู้ด้วยหมัดลุ่นๆ หรือแม้แต่ฉากที่ไล่ล่าด้วยการบิดมอร์เตอร์ไซค์ก็มันส์ และหวาดเสียวแบบสุดๆ พอช่วงหลังของหนังจะจะให้อารมณ์เป็นหนังสายลับจารกรรมแบบมีชั้นเชิง บทถูกวางออกมาอย่างดี การเล่าเรื่องที่ได้จังหวะจะโคน บวกกับสีสันของตัวละครที่สลับสับเปลี่ยนกันเล่นมุกกันคนละฉากจนหัวเราะร่าได้กับเนื้อเรื่องที่โอเค และการพลิกผันไปมาสับเปลี่ยนตัวละครให้คนดูคาดไม่ถึงไปจนถึงเสน่ห์แบบมิชชั่น อิมพอร์ตซิเบิ้ล ที่แฟนหนังต้องยิ้มแน่นอน (ส่วนตัวปลื้มและเร้าใจไปกับไตเติ้ลเปิดเรื่องมาก)

มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ลภาคนี้ ดีงามมากครับ ทั้งในแง่บทภาพยนตร์ เป็นหนังที่ขายบันเทิงได้ไม่ผิดหวัง และแฟนๆ ทอม ครูซก็ไม่ผิดหวังอีกเช่นกันที่จะได้เห็นป๋าทอมมาบู๊กับฉากเสี่ยงตายหลุดโลกแบบในภาคนี้
กลับมาอีกครั้ง สำหรับภาคที่ 5 ของ มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ภาพยนตร์แอคชั่นแนวสายลับ หลังจากทิ้งระยะห่างจากภาคที่ 4 “Mission: Impossible – Ghost Protocol (ปฏิบัติการไร้เงา)” มาตั้งแต่ ปี 2011 ในเดือนสิงหาคม 2015 นี้ ทอม ครูซ ในบทของ “อีธาน ฮันต์” พร้อมทีม IMF ก็เตรียมกลับมา พร้อมปฏิบัติการสุดระห่ำกับภารกิจการไล่ล่าครั้งใหม่อีกครั้ง โดยฝีมือการกำกับของ คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล 9

 

เนื้อเรื่องย่อ มิสชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการณ์รัฐอำพราง

รีวิว มิสชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการณ์รัฐอำพราง อีธาร์น ฮันท์มีภารกิจใหม่เกี่ยวข้องกับองค์กรลับซินดิเคท เขามาที่ลอนดอนเพื่อรับข้อความภารกิจเช่นเคย เนื้อหาภารกิจเริ่มด้วยการเกริ่นถึงซินดิเคทแต่หลังจากเล่นไปสักพักก็กลายเป็นว่ามันเป็นวีดีโอที่องค์กรซินดิเคทแอบเอามาเปลี่ยน อีธาร์นตกใจ ตอนนั้นมีแก๊สพ่นออกมาและห้องถูกล๊อก อีธาร์นมองออกไปด้านนอกเห็นชายใส่แว่นผมขาวยินจ่อปืนใส่สายลับที่ส่งเนื้อหาภารกิจให้เขาก่อนจะลั่นไก แก๊สที่ออกมาเป็นแก๊สยาสลบ อีธาร์นออกจากห้องไม่ได้จึงสลบไป
ในขณะเดียวกัน อลัน ฮันลี่ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซีไอเอกล่าวในที่ประชุมว่าต้องการยุบหน่วย IMF หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดในภาค4 (ระเบิดเครมลิน หัวรบนิวเคลียร์อะไรพวกนั้น) ในที่ประชุมมีแบรด์คนเดียวซึ่งโต้แย้งอะไรไม่ได้เลย
กลับมาที่อีธาร์นที่เพิ่งรู้สึกตัว ตอนนี้เขาถูกใส่กุญแจมือผูกติดกับเสากลุ่มผู้ร้ายเดินเข้ามาในห้อง ในจำนวนนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ด้วย ตอนที่กำลังจะโดนอีกฝ่ายทรมาน ผู้หญิงคนนั้นก็โยนกุญแจให้อีธาร์น เขาไขมันออกแล้วช่วยกันกับผู้หญิงคนนั้นสู้กับพวกที่เหลือ แต่ตอนที่กำลังหนีผู้หญิงปล่อยให้อีธาร์นวิ่งไปก่อนแล้วปิดประตูทางพร้อมบอกว่าให้อีธาร์นหนีไปก่อนส่วนตัวเองไปไม่ได้ แล้วก็กลับไปหาพวกทำเป็นว่าที่อีธาร์นหนีไปได้เพราะตัวเขาเอง
อีธาร์นพยายามติดต่อแบรนด์ก่อนจะพบว่าหน่วย IMF โดนยุบไปแล้ว อีธาร์นจึงหายตัวไปอย่างลับๆ เพื่อรอดูสถานการณ์และรวบรวมข่าว ส่วนฮันลี่ที่สั่งยุบหน่วย IMF ไปมาถามแบรนด์ว่าอีธาร์นอยู่ไหน แบรนด์บอกปัด ฮันลี่บอกว่าจริงๆ ซินดิเคทมันไม่มีจริงหรอกเป็นเรื่องที่อีธาร์นกุขึ้นมา มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล 7ปฏิบัติการรัฐอําพราง เต็มเรื่อง

 

รีวิว มิสชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการณ์รัฐอำพราง

6 เดือนต่อมาซีไอเอพยายามบุกจับอีธาร์นแต่ก็ไม่พบตัวเขา ในห้องของอีธาร์นที่คิวบามีแผนที่และข้อมูลที่อีธาร์นหามาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่น่าจะเป็นเป้าหมายของซินดิเคทแปะไว้ ซึ่งในตอนนั้นอีธาร์นเดินทางไปปารีสเรียบร้อยแล้ว
เบนจี้ (อดีตทีมเดียวกับอีธาร์นในภาค4ที่เป็นแผนกคอมพิวเตอร์) ได้จดหมายให้ไปร่วมงานแสดงโอเปร่าในเวียนนา แต่ก่อนเขาจะได้อ่านอะไรเขาก็ถูกฮันลี่มาถามว่ามีส่วนช่วยอีธาร์นรึเปล่า เบนจี้บอกปฏิเสธไปก่อนจะเดินไปเวียนนา เมื่อไปถึงเขาเจอชายคนหนึ่งโยนแฟ้มใส่โบชัวร์งานโอเปร่ามาให้ ในนั้นมีแว่นตาอีกอันด้วย พอเบนจี้สวมก็ได้ยินเสียงติดต่อจากอีธาร์น อีธาร์นบอกว่าเราจะไม่เจอกันเพื่อความปลอดภัยของเบนจี้ อีธาร์นส่งรูปชายใส่แว่นผมขาวให้และขอให้เบนจี้ช่วยไปหาชายคนนี้แล้วติดเครื่องติดตามตัวให้ แค่นั้นพอเลยแล้วกลับไปทำงานต่อได้ ที่เหลืออีธาร์นจะจัดการเอง แม้ว่าจริงๆ เบนจี้จะออกตัวว่าจะช่วยหาก็ตาม
ที่โรงโอเปร่า เบนจี้บอกอีธาร์นว่าเขาเห็นรัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรียมาด้วย และมันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ที่ผู้ก่อการร้ายที่อีธาร์นตามหาจะมาโรงละครที่เดียวกันแบบนี้ เบนจี้เห็นคนน่าสงสัยในกล้องจึงบอกอีธาร์น อีธาร์นตามเขาไปซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นมือสังหารที่แอบเอาปืนซ่อนเข้ามาในรูปแบบของฟลุ๊ต แต่ตอนนั้นเองอีธาร์นก็เห็นคนน่าสงสัยอีกคนคือผู้หญิงที่ช่วยเขาไว้ตอนต้นนั้นเอง เป้าหมายก็คือรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรีย!

 

รีวิว มิสชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการณ์รัฐอำพราง

 

อีธาร์นพยายามยับยั้งมือสังหารคนนั้น การต่อสู้ชุลมุน และตอนนั้นก็มีมือสังหารชายอีกคนโผล่มา สรุปคืออีธาร์นต้องคว้าปืนฟลุ๊ตนั้นยิงใส่ไหล่รัฐมนตรีทำให้เขาล้มลง มือสังหารที่เหลือจะได้ยิงพลาดเป้า พวกอีธาร์นหนีออกมา ตำรวจเข้ามาล้อมโรงโอเปร่า อีธาร์นไปเจอผู้หญิงคนนั้นและช่วยกันหนีออกมา ที่ด้านหน้ารถของรัฐมนตรีก็โดนระเบิด เบนจี้มารับพวกอีธาร์น อีธาร์นเริ่มสอบสวนผู้หญิง เธอบอกว่าเธอชื่ออิลซ่า เป็นสายลับเข้าไปแฝงตัวในองค์กรซินดิเคท เธอบอกว่าการที่เธอช่วยอีธาร์นทำให้องค์กรไม่ค่อยไว้ในเธอ จึงต้องออกมาทำภารกิจลอบสังหาร ส่วนมือสังหารชายอีก2คนถูกส่งมาจับตาดูเธอ ถ้าเธอไม่ทำตามคนหนึ่งจะลอบสังหารแทน อีกคนจะฆ่าเธอ ตอนที่กำลังคุยกันอยู่มีรถของพวกซินดิเคทตามมา อิลซ่าแกล้งทำเป็นโดนโยนลงจากรถ รถจึงเลิกตามอีธาร์นและเบนจี้

 

พล็อตหนัง มิสชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการณ์รัฐอำพราง

ที่ซีไอเอ ฮันลี่เห็นข่าวระเบิดรถรัฐมนตรีประกอบกับที่เบนจี้ไปเวียนนาพอดีทำให้สงสัยว่าอีธาร์นเริ่มลงมืออีกครั้ง
อีธาร์นพาเบนจี้มาหลบที่ฐานลับ พร้อมบอกว่าเหตุการณ์ลอบสังหารบุคคลสำคัญหรือเครื่องบินตกและโรงงานระเบิดในช่วงที่ผ่านมาเป็นฝีมือของซินดิเคทซึ่งเป็นองค์กรที่เหมือนกับหน่วยต่อต้าน IMF ซึ่งนำโดยชายใส่แว่นตอนต้นเรื่อง
อีธาร์นตกลงกับเบนจี้ว่าจะเริ่มหาข้อมูลต่อไปจากตัวอิลซ่าโดยลิปสติกที่อิลซ่าทิ้งไว้ก่อนโดดลงรถไปเป็นแฟรชไดรฟ์ ข้างในเป็นข้อมูลอาคารเก็บข้อมูลดิจิตอลในโมร็อคโค พวกอีธาร์นจึงตามไปจนเจอตัวเธอ ในขณะเดียวกัน ลูเธอร์เดินทางมาหาแบรนด์ แบรนด์ขอให้ลูเธอช่วย ฮันลี่ตามจับอีธาร์นไม่ได้จึงสั่งฆ่าเลย ลูเธอร์บอกเขาเป็นเพื่อนอีธาร์นและไม่ไว้ใจแบรนด์ที่ตอนนี้ทำงานในซีไอเอ เขาจะช่วยแต่ถ้าสงสัยแบรนด์เมื่อไหร่เขาลงมือก่อนแน่
อิลซ่าบอกอีธาร์นว่าชายใส่แว่นนั่นชื่อ โซโลม่อน เลน เป็นคนสร้างซินดิเคท อดีตสายลับอังกฤษ ซึ่งเป็นองค์กรทดลองที่โดนสั่งยุบไปแล้วจนตอนนี้เป็นองค์กรไม่ขึ้นกับใคร เลนมีรายชื่อสายลับทั่วโลก ซึ่งรายชื่อนี้โดนลูกน้องคนหนึ่งขโมยไป เอาไปเก็บไว้ในอาคารเก็บข้อมูลดิจิตอลความปลอดภัยสูง แต่เขาตายไปแล้วเลยเป็นปัญหาใหญ่ของเลน เลนส่งอิลซ่าไปเอาข้อมูลออกมาซึ่งเธอบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาข้อมูลออกมา

 

รีวิว มิสชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการณ์รัฐอำพราง

 

อาคารความปลอดภัยดิจิตอลนี่เป็นอาคารระดับทหาร ระบบเป็นออฟไลน์ทั้งหมด การจะเข้าไปได้มีช่องทางเดียวคือเข้าทางด้านหน้า มีสแกนลายนิ้วมือ รหัสผ่านอะไรพวกนี้ เบนจี้บอกว่างั้นก็แค่ทำหน้ากากเป็นสายลับคนนั้นก็เข้าไปได้แล้ว แต่ระบบชั้นสุดท้ายคือเครื่องวิเคราะห์ลักษณะการเคลื่อนไหวของคน ซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกันและมันฝึกให้ปลอมแปลงไม่ได้ ทางเดียวที่จะทำได้คือให้เบนจี้เข้าไป แล้วให้อีธาร์นเอาการ์ดข้อมูลการเคลื่อนไหวของเบนจี้ไปใส่ในฐานข้อมูลของระบบซึ่งเป็นถังของเหลวเย็นซ่อนอยู่ใต้ดินอีกที ทางเข้าคือช่องจากน้ำในโรงไฟฟ้าข้างบนซึ่งมีที่ตรวจจับโลหะ คำนวนเวลาแล้วต้องดำน้ำโดยไม่มีถังอากาศนาน3นาทีเป็นอย่างน้อยนั่นเอง
ฝั่งลูเธอร์กับแบรนด์ ลูเธอร์บอกว่ากำลังหารูปสเก็ตของอิลซ่าที่อีธาร์นทิ้งไว้ในห้องที่ติวบา ถ้าเธออยู่ที่ไหนอีธาร์นก็น่าจะอยู่ที่นั่น มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล 8

อีธาร์น อิลซ่ากับเบนจี้ลงมือตามที่วางแผนไว้ แม้มีเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามแผนแต่ทั้งหมดก็เอาข้อมูลออกมาได้ อีธาร์นเกือบจมน้ำตายแต่อิลซ่าไปช่วยไว้ทัน เบนจี้มาถึงพร้อมกับข้อมูล ตอนนั้นเองอิลซ่าก็ช๊อตเบนจี้แล้วขโมยข้อมูลไป อีธาร์นที่กำลังสำลักน้ำอยู่กับเบนจี้ต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะตั้งตัวออกไปตามได้ ทั้งหมดไล่รถล่ากันซึ่งก็มีกลุ่มสายลับอีกหนึ่งกลุ่มมาร่วมด้วย ระหว่างทางอีธาร์นเจอกับแบรนด์และลูเธอร์ที่ตามมาช่วยโดยบังเอิญ แต่สุดท้ายอิลซ่าก็หนีไปได้
พวกอีธาร์น เบนจี้ ลูเธอร์ แบรนด์กลับมาประชุมกัน ยังดีที่เบนจี้แอบก๊อปปี้ข้อมูลดิสไว้ก่อนพวกเขาจึงยังมีข้อมูลเหลืออยู่ ส่วนอิลซ่ากลับไปอังกฤษเพื่อพบแอตลี่ หัวหน้าของเธอ บอกว่าเธอได้ข้อมูลซินดิเคทมาแล้วแต่แอตลี่กลับคำ ไม่เรียกตัวเธอกลับแต่สั่งให้เธอกลับไปแฝงตัวอีกรอบ อิลซ่าไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้จึงต้องกลับไป แต่ก่อนจะกลับ แอตลี่เธอแอบลบข้อมูลที่เธอเอามาให้ไปแล้ว
ด้านอีธาร์น ลูเธอร์เปิกไฟล์ไม่ได้ เบนจี้บอกว่ามันคือ “กล่องแดง” เป็นไฟล์ลับของอังกฤษ เข้ารหัส3ชั้น การจะเปิดมันได้ต้องมีลายนิ้วมือ สแกนม่านตา และคำสั่งเสียงพูด อีธาร์นเดาได้เลยว่าคนๆ นั้นต้องเป็นรัฐมนตรีของอังกฤษ ถึงตอนนี้พวกอีธาร์นรู้แล้วว่าจริงๆ เลนต้องการให้พวกเขาเอากล่องแดงออกมา และเลนจะไปจับตัวนายกอังกฤษแน่นอน

 

รีวิว มิสชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการณ์รัฐอำพราง

อิลซ่ากลับไปหาเลนและเหมือนเลนจะรู้แล้วว่าเธอเป็นใคร เธอพบว่าไฟล์ที่เธอเอากลับมาให้เลนเป็นดิสเปล่าเพราะมันถูกแอตลี่ลบทิ้งไปแล้ว
ต่อมาอิลซ่าเดินมาคนเดียวแล้วถูกพวกอีธาร์นล้อม อีธาร์นเข้าไปนั่งคุยกับเธอในร้านกาแฟเปิดโล่งส่วนคนอื่นยื่นล้อมอยู่รอบๆ ไกลๆ จากการคุยกันอีธาร์นบอกว่าเบนจี้ก๊อปไฟล์ออกมาแล้วแน่ๆ อิลซ่าจึงรู้ว่าคนที่ลบไฟล์ต้องเป็นแอตลี่แน่ๆ แบรนด์ฉุกใจคิดว่าถ้ามันเป็นไฟล์เปล่าทำไมอิลซ่าออกมาเดินแบบนี้ได้โดยไม่โดนเลนฆ่า อิลซ่ายื่นมือถือให้อีธาร์น ตอนนั้นหูฟังของพวกอีธาร์นก็มีคลื่นแทรก ในมือถือเป็นภาพเบนจี้ถูกจับตัวไป กลายเป็นว่าตอนนี้พวกอีธาร์นมีดิส พวกเลนมีเบนจี้ เลนยื่นคำว่าอีธาร์นเอาดิสไปปลดล๊อกแล้วเอาไปให้เลนเที่ยงคืนนี้ อีธาร์นยังคงเชื่อว่าอิลซ่าแค่โดนเลนใช้มาส่งข่าวไม่ได้มีส่วนร่วมกับการจับตัวเบนจี้

 

 

แบรนด์โทรหาฮันลี่บอกว่าพวกเขาไปลอนดอนล่อให้ฮันลี่มาที่นี่ แบรนด์เข้าไปเจอฮันลี่ที่อาคารที่มีงานประมูลซึ่งนกยกอังกฤษเดินทางมา แบรนด์บอกฮันลี่ว่าเขาจะอีธาร์นกำลังจะมาและเขาจะช่วยจับตัวอีธาร์นแบบเป็นๆ ให้ ฮันลี่มองไปเห็นผอ.MI6 หรือแอตลี่นั่นเองเลยไปบอกว่านายกกำลังมีอันตราย แอตลี่เรียกนายกให้ออกมาจากงานประมูล ฮันลี่บอกว่าอีธาร์นกำลังจะบุกเข้ามา พูดไปพูดมามีการพูดถึงซินดิเคท นกยกอังกฤษเอะใจแล้วหันไปหาแอตลี่ว่าตัวเองยกเลิกโครงการซินดิเคทไปแล้ว ทำไมมันเกิดขึ้นมาจริงได้ นายกอังกฤษเคยได้ยินชื่อโซโลม่อน เลนด้วย ทำให้ฮันลี่รู้สึกว่าตัวซินดิเคทเป็นองค์กรที่มีอยู่จริง นกยกบอกว่ามันเป็นโครงการโดยผอ.แอตลี่ ที่ใช้สายลับประเทศอื่นๆ ให้ตัวตนใหม่แก่พวกเขาแล้วตั้งแต่องค์กรเอาไว้ใช้งาน แผนการและงบประมาณถูกซ่อนเอาไว้ในต่างประเทศซึ่งมีนายกคนเดียวที่เปิดได้

 

สรุป มิสชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการณ์รัฐอำพราง

รีวิว มิสชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการณ์รัฐอำพราง นายกกำลังจะเดินออกจากห้อง แอตลี่ก็ยิงปินยาใส่เขาทำให้นกยกสะลึมสะลือก่อนที่แอตลี่จะถอดหน้ากากเผยตัวว่าคืออีธาร์น ฮันท์ ตัวยาทำให้นายกไม่รู้ตัว ปล่อยให้พวกอีธาร์นสแกนม่านตา ลายนิ้วมือและให้นายกออกเสียงคำได้แล้ว ตอนนั้นแอตลี่ตัวจริงเดินมาถึงห้อง อีธาร์นเลยยิงปืนยาใส่อีกที แบรนด์บอกให้ฮันลี่เตรียมบทว่าแอตลี่ยิงนายก (นายกเห็นแอตลี่ยิงตัวเองจริงๆ) ส่วนฮันลี่ก็เข้ามาช่วยไว้ คนที่เกี่ยวข้องมีแค่นั้น ฮันลี่เห็นแล้วว่าซินดิเคทมีตัวตนจริง เลยยอมร่วมมือด้วย
อีธาร์นโทรติดต่อบอกเลนว่าได้ของมาแล้ว ก่อนไปอีธาร์นเปิดดูดิสซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาล ลูเธอร์กับแบรนด์ก็บอกว่าภารกิจหลักของพวกเขาคือทำลายซินดิเคทไม่ใช่ไปเสริมกำลังมัน ก่อนออกไปมองดิสอีธาร์นก็ทำลายดิสทิ้งซะ
ที่นัดพบเป็นร้านกาแฟ เบนจี้ถูกผูกระเบิดติดตัว มีอิลซ่านั่งประกบ แต่รอบร้านก็มีลูกน้องของเลนล้อมไว้ ระเบิดเหลือเวลาอีกประมาณ3นาที อิลซ่าบอกว่าเมื่อเลนได้ดิสเธอจะต้องฆ่าอีธาร์นกับเบนจี้ไม่งั้นเขาจะกดระเบิด แต่กลายเป็นว่าหลังการเจรจา อีธาร์นใช้วิธีบอกเลนว่าดิสไม่มีแล้ว ข้อมูลในดิสทั้งหมดอีธาร์นจำไว้หมดแล้ว ดังนั้นเลนฆ่าอีธาร์นไม่ได้ เลนจึงต้องยอมยกเลิกระเบิด เลนสั่งให้ลูกน้องเข้าไปจับพวกอีธาร์น แต่อีธาร์นขู่ให้ปล่อยเบนจี้ไปก่อน เลนเลยให้ฆ่าอิลซ่าซะแล้วจับเป็นอีธาร์น อีธาร์นกับอิลซ่าใช้วิธีอีธาร์นยืนอยู่หน้าเพราะห้ามยิงอีธาร์นแล้วอิลซ่ายืนยิงอยู่ข้างหลังช่วยกันหนีไป หลังการต่อสู่ อีธาร์นล่อเลนให้ตามไปในที่ที่พวกลูเธอร์กับแบรนด์เตรียมกับดักไว้ เลนคิดว่าตัวเองจะชนะแล้วจึงตามอีธาร์นไปกลายเป็นว่าเลนโดนจับไว้ในกล่องแก้วใสซึ่งเปิดแก็สอัดใส่แบบเดียวกับที่เลนทำกับอีธาร์นตอนเริ่มเรื่อง

 

 

แล้วก็มาถึงภาคที่ 5 ของหนังชุดนี้ ก่อนจะได้ดูเห็นตัวอย่างโปรโมตหนังมีฉากผาดโผนเยอะดีซึ่งทอม ครูส (อีธาร์น ฮันท์) ลงทุนแสดงฉากพวกนี้ด้วยตัวเองด้วย โดยรวมโทนหนังทำออกมาคล้ายๆ ภาค4 ซึ่งก็ถือว่าโอเค มีฉากบู๊ฉากตลกและภารกิจที่โม้มากๆ ตลอดทั้งเรื่อง บทของอีธาร์นจะไม่เหมือนภาคก่อนๆ ที่ลุยเดี่ยวคนเดียวมาเป็นหัวหน้าทีมแทน … ปกติเราชอบ MI ภาค 2 ที่สุดเพราะเป็นภาคเดียวที่บอสใหญ่ตัวร้ายดูบู๊เก่งดี ก็มาดูกันว่าภาคนี้เป็นยังไง มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล 7

 

สรุป
การดูหนังชุด MI นี่ส่วนใหญ่ก็หวังจะเห็นฉากเวอร์ๆ หรืออุปกรณ์ไฮเทคและภารกิจที่ไม่น่าคิดออกมาได้อยู่แล้วล่ะนะ ซึ่งภาคนี้ก็ตอบความต้องการนั้นได้เกือบหมด ขาดแค่อุปกรณ์ไฮเทครู้สึกว่าสู้ภาค4ไม่ได้ ส่วนฉากต่อสู้ก็ยังสู้ภาค2ไม่ได้