รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

 

 

หนังใหม่ นักสัตว์วิเศษวิทยาหนุ่มติ๋ม ‘นิวต์ สคามันเดอร์’ และสัตว์มหัศจรรย์สารพันในกระเป๋าวิเศษกลับมาแล้วครับ กับ ‘Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore’ หรือ ‘สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ Prequel ที่ ‘เจ.เค.โรว์ลิง’ (J.K.Rowling) ขยายจักรวาลของโลกเวทมนตร์ต่อมาจากเรื่องราวของ ‘แฮร์รี พอตเตอร์’ (Harry Potter) หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า ‘วิซาร์ดดิง’ เวิลด์ (Wizarding World) นั่นเอง

ภาคนี้เป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 3 ในแฟรนไชส์สัตว์มหัศจรรย์จากทั้งหมด 5 ภาค ที่ยังคงสานต่อเรื่องราวจาก 2 ภาคแรก ทั้งความปั่นป่วนของโลกเวทมนตร์ยุคโบราณกับสัตว์มหัศจรรย์ใน ‘Fantastic Beasts : and Where to Find Them’ (2016) และก้าวเข้าสู่สงครามแห่งพ่อมดแม่มดแบบเต็มตัวใน ‘Fantastic Beasts : The Crimes of Grindelwald’ (2018)

 

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

 

กว่าจะเดินทางมาถึงภาคนี้ ความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งก็คือ การยอมถอนตัวของนักแสดงหลักอย่างป๋า ‘จอห์นนี เดปป์’ (Johnny Depp) เจ้าของบทบาท ‘เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ (a.k.a น้าหน่อย เชิญยิ้ม) ที่แพ้คดีฟ้องร้องสื่อหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ จากกรณีคดีฟ้องหย่าภรรยานั่นแหละ ผลกระทบก็คือ ป๋าเองถูกวอร์เนอร์ บราเธอร์ส (Warner Bros.) ขอให้ถอนตัวพร้อมกับรับเช็กเงินค่าตกใจ และเรียกใช้งานนักแสดงดาวร้ายตัวพ่ออย่าง ‘แมดส์ มิกเกลสัน’ (Mads Mikkelsen) มารับบทพ่อมดฝั่งมืดในภาคนี้แทน

 

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

 

เดวิด เยตส์ ผู้กำกับจากทั้งสองภาคแรกกลับมารับหน้าที่กำกับเหมือนเดิม ‘เจ.เค.โรว์ลิง’ (J.K.Rowling) ผู้เขียนบทจากทั้ง 2 ภาคและ ‘สตีฟ โคลฟส์’ (Steve Kloves) ผู้เขียนบทแฮร์รี พอตเตอร์ทั้ง 7 ภาคมาแปะมือร่วมกันเขียนบทเป็นครั้งแรก

หลังจากที่ ‘อัลบัส ดัมเบิลดอร์’ (Jude Law) ล่วงรู้ความลับว่า ‘เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ (Mads Mikkelsen) เริ่มระดมกองทัพเพื่อหวังยึดครองโลกเวทมนต์ตามที่ใจปรารถนาโดยที่เขาตั้งเป้าว่าเขาและกองทัพจะโค่นล้มมักเกิลผู้ไร้เวทมนตร์ให้สิ้นซากด้วยกลเกมการเมืองที่เขาวางแผนเอาไว้ในพิธีการเลือกตั้งผู้นำสูงสุดแห่งโลกเวทมนตร์ พร้อมกับการควบคุม ‘ครีเดนซ์ แบร์โบน’ (Ezra Miller) และ ‘ควีนนี โกลสตีน’ (Alison Sudol) ที่แปรพักตร์มาอยู่ฝั่งของกรินเดลวัลด์แบบเต็มตัว

 

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

ดัมเบิลดอร์จึงต้องเรียกนักสัตว์วิเศษวิทยา ‘นิวต์ สคามันเดอร์’ (Eddie Redmayne) นำทัพเหล่าพ่อมดแม่มดทั้ง ‘ธีซีอุส สคามันเดอร์’ (Callum Turner) พี่ชายของนิวต์ หัวหน้าสำนักงานมือปราบแห่งกระทรวงเวทมนตร์แห่งอังกฤษ ‘ยูซุฟ คามา’ (William Nadylam) ผู้ต้องการแก้แค้นที่กรินเดลวัลด์สังหารน้องสาวในกองเพลิงในภาคที่แล้ว และมักเกิลอย่าง ‘เจคอบ โควาลสกี’ (Dan Fogler) มาร่วมเผชิญหน้าภารกิจเสี่ยงตายและไขความลับของดัมเบิลดอร์ที่มีส่วนเกี่ยวพันกับกรินเดลวัลด์รวมทั้งสัญญาเลือดที่ทั้งคู่ทำไว้ร่วมกัน ทำให้การปราบมารระดับพี่เบิ้มจึงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ

 

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

 

ก็คงไม่เกินเลยนักหากจะกล่าวว่าด้วยอานิสงส์ที่ตัวหนังในภาคนี้เป็นภาคที่ 3 จากทั้งหมด 5 ภาคที่ตั้งเป้าเอาไว้ตัวเนื้อเรื่องในภาคนี้ก็เลยต้องมีหน้าที่ขยายเรื่องราวของตัวเองให้ใหญ่ขึ้นพร้อมกับคลายปมปัญหาและผลักเป้าไปสู่เรื่องราวที่ใหญ่ขึ้นกว่า 2 ภาคแรก ซึ่งเป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับตัวบทขยายใหญ่จาก 2 ภาคที่แล้วขึ้นเยอะมาก ทั้งเรื่องราวการผจญภัยและการต่อสู้ที่ต้องเดินทางไปยังที่นั่นที่นี่มากมายและปมเรื่องราวที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องราวเบื้องหลังของคู่ปรับอย่างดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์ที่แม้ในภาคที่แล้วจะแอบเปรยๆ ไว้บ้างแต่ในภาคนี้ก็จะเน้นหนักมากขึ้น

ในแง่ของการดำเนินเรื่องเอาจริงๆ ผู้เขียนมองว่าในภาคนี้บทค่อนข้างกลมกล่อมและดูง่ายกว่าภาคที่แล้วพอสมควรนะครับเรียกได้ว่าค่อนข้างประนีประนอมปรับสมดุลและปรับกราฟเรื่องราวให้เข้าที่มากกว่าสองภาคแรกอย่างชัดเจนตัวหนังยังคงใส่ Easter Egg จากจักรวาลแฮร์รี พอตเตอร์มาให้เหล่าพอตเตอร์เฮด (Potterhead) ได้กรี๊ดกันแบบจุกๆ

 

 

แต่ตัวบทเองก็เริ่มจะปรับแต่งเรื่องราวให้ครบรส และน่าจะทำให้มักเกิลที่ไม่ได้อิน ก็น่าจะดูได้แบบสนุกครบรส ทั้งแอ็กชันที่มีประปราย พล็อตหนังเกมการเมืองที่แทรกเข้ามาได้แปลกใหม่ดีสำหรับโลกเวทมนตร์ สัตว์วิเศษที่แม้ในภาคนี้จะมีไม่เยอะ แต่เหล่าน้อน ๆ ที่มาใหม่ก็ล้วนแต่น่ารักกันทั้งนั้น โดยเฉพาะน้อนกิเลน สัตว์วิเศษชั้นสูงที่มีสัมผัสลึกถึงจิดใจคนได้ และน้อนปูแมงมุมที่เรียกเสียงฮาได้ดีมาก ส่วนน้อน ๆ แก๊งเดิมก็ยังคงสร้างสีสันให้กับตัวหนังได้อย่างน่ารักน่าชัง ดูหนัง

รวมทั้งการเพิ่มบทบาทให้มักเกิลอย่างเจคอบได้ออกโรงมากขึ้น (เหมือนที่ได้เห็นในตัวอย่าง) การเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์ ที่ตัวหนังค่อย ๆ เล่าถึงความผูกพันลึกซึ้งอะไรบางอย่างระหว่างกันและกัน รวมถึงอุดมการณ์ที่ขัดแย้งกันจนนำไปสู่สงคราม รวมทั้งการใส่มุกฮาที่ทำงานได้ดีกว่าภาคที่แล้วอย่างน่ามหัศจรรย์ ก็น่าจะเป็นนิมิตหมายอันดีที่ตัวหนังสามารถถ่วงน้ำหนักระหว่างความสนุกน่าติดตาม และความจงรักภักดีอย่างเหนียวแน่นต่อแฟรนไชส์แฮร์รี พอตเตอร์สำหรับเหล่าแฟน ๆ ได้ถือว่าค่อนข้างสมดุลและออกมากลมกล่อมกว่าสองภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด

 

 

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ตัวหนังเองก็ยังคงมีปัญหาที่ยังแก้ไม่หายจากสองภาคแรกครับ นั่นก็คือเรื่องราวที่มีเส้นเรื่องยุ่บยั่บเต็มไปหมด ซึ่งน่าจะมาจากการที่ตัวหนังมีตัวละครค่อนข้างเยอะ และแอบเดาว่า เจ.เค.โรว์ลิงเองก็ยังติดวิธีการเขียนแบบนิยาย ที่ต้องเน้นรายละเอียดและมีหลายซับพล็อต (หลายเส้นเรื่อง) ลงมาในบทภาพยนตร์ ที่จำเป็นต้องออกแบบเส้นเรื่องให้เคลียร์และคลีนกว่านิยายหรือวรรณกรรมเยาวชนที่จะเล่าด้วยกระบวนท่าแบบไหนก็ได้ เพราะคนอ่านนึกตามเอาเองได้อยู่แล้ว

รวมทั้งการพยายามกั๊กรายละเอียดบางอย่าง และบางตัวละครเอาไว้ไปเล่าในภาคต่อไปด้วย คือก็เข้าใจได้นะครับว่าตัวหนังทั้งหมดมันมี 5 ภาค ก็เลยต้องลดบทบาทบางตัวละครที่ไม่จำเป็นลงบ้าง แต่ก็แอบรู้สึกเหมือนกันว่า เอาตัวละครที่หายไป มาแทนที่ตัวละครบางตัวที่ดูไม่ค่อยจะมีบทบาทสำคัญไปซะเลยก็ไม่น่าจะเสียหายมั้ง ยังดีที่ได้ สตีฟ โคลฟส์ มือเขียนบทที่คุ้นชินกับจักรวาลแฮร์รี พอตเตอร์มาช่วยกันตบให้เข้าที่เข้าทางได้พอสมควร ดูหนังออนไลน์

 

สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

รวมทั้งการที่ตัวละครบางตัวก็แอบมีทางเลือกและจุดเปลี่ยนที่ยังไม่ค่อยเมกเซนส์สักเท่าไหร่ อยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนอุดมการณ์กันแบบดื้อ ๆ ซะอย่างนั้นแหละ ตรรกะของเหตุการณ์ในบางฉากที่ชวนให้แอบงงว่ามาเชื่อมโยงกันได้ยังไง หรือทำไปเพื่ออะไรกันแน่ และยิ่งพอตัวหนังเองค่อนข้างเดินเรื่องช้ามากๆ ในระดับที่ถือว่าเนือยตลอดทั้งเรื่องก็ยิ่งทำให้ตัวหนังค่อนข้างเยิ่นเย้อหนักเข้าไปอีก แต่ไอ้ฉากที่ดันอยากให้ยาว ๆ หรือเน้น ๆ อย่างเช่นแอ็กชันต่อสู้ด้วยเวทมนตร์ กลับสั้นและรวบรัดเกินเหตุเสียอย่างนั้นแหละ

 

 

ในส่วนของนักแสดง จริง ๆ โดยรวมก็ถือว่าไม่ผิดหวังนะครับ แม้ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์วิเศษจะยังคงโดนเส้นเรื่องของสงครามและความลับของดัมเบิลดอร์กลบอยู่พอสมควร แต่ตัวของ ‘เอดดี เรดเมน’ (Eddie Redmayne) ผู้รับบท ‘นิวต์ สคามันเดอร์’ ก็มีโอกาสได้โชว์การแสดงมากขึ้นจากภาคที่แล้วอยู่เหมือนกัน แม้ว่าเส้นเรื่องและบทบาทของนิวต์จะนั้นแทบจะกลายเป็นบทสมทบไปแล้วส่วน ‘จูด ลอว์’ (Jude Law) ก็ยังรับบท ‘อัลบัส ดัมเบิลดอร์’ ได้เฺฉียบคมและทรงพลังน่าประทับใจเช่นเคย ดูหนังออนไลน์

และนักแสดงที่หลายคนคาดหวังอย่าง ‘แมดส์ มิกเคลเซน’ (Mads Mikkelsen) เองก็เรียกได้ว่าเอาอยู่กับบท ‘เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ ได้มีเสน่ห์และน่าเกรงขามและเฉพาะตัวมากๆ ครับ ผู้เขียนเองก็ยากที่จะฟันธงว่าคนไหนแสดงดีกว่าเพราะต่างคนต่างก็มีสไตล์ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่างน้อยๆ พี่แมดส์เองก็ถือว่าเอาอยู่และน่าจะพอทดแทนกรินเดลวัลด์ฉบับป๋าเดปป์ได้แบบไม่น่าจะติดอะไรแล้วล่ะครับ

 

 

สรุปโดยรวม ‘Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์’ ถือว่าเป็นการถ่วงสมดุลการเดินเรื่องทั้ง Easter egg ในจักรวาลที่ขยายใหญ่โตกว่าเดิมแต่ก็ชวนให้หวนนึกถึงบรรยากาศแบบแฮร์รี พอตเตอร์ ทีมนักแสดงที่มีเสน่ห์ ซึจีตระการตาและงานละเอียดกว่าภาคที่แล้วและความบันเทิงที่ให้มาแบบค่อนข้างครบทั้งซึ้งฮา โรแมนติก แอ็กชันหนักหน่วงการผจญภัยที่ตื่นเต้นและสัตว์วิเศษที่ยังคงน่ารักน่าชังแบบชนิดที่เรียกว่าจบในตัวน่าจะทำให้พอตเตอร์เฮดและมักเกิลชื่นชอบและดูเพลินๆ ได้ไม่ยาก

 

 

แต่ด้วยตัวหนังเองที่ยังคงมีปัญหาเรื้อรังจากภาคก่อนๆ ทั้งเส้นเรื่องที่ยุ่งเหยิง การเล่าแบบขาดๆ เกินๆ จุดที่ควรเล่าก็ไม่ลงลึกตรรกะของตัวละครและเหตุการณ์ที่ชวนงงรวมทั้งการเดินเรื่องที่ช้าจนเนือยนี่เองก็ทำให้หนังเรื่องนี้ยังถือว่าเกือบจะเอาอยู่ล่ะครับ เพียงแต่ว่ามันก็อาจจะยังหาตรงกลางได้ไม่เจอ คนที่ชอบก็ชอบแหละส่วนคนที่เกลียดก็เกลียดไปเลย (ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นพอตเตอร์เฮตหรือมักเกิลด้วยนะ) ต้องรอดูว่าทีมเขียนบทจะร่ายคาถาโบกนิดสะบัดหน่อยให้หนังอีก 2 ภาคที่เหลือออกมาดูดีกว่า 3 ภาคแรกได้ไหมหรือไม่ก็อาจกลายเป็นหนังยืดๆงงๆ 5 ภาคทีได้แต่เกือบจะเอาอยู่แต่หาตรงกลางระหว่างกระเป๋าสัตว์วิเศษของนิวต์ สคามันเดอร์ไม่เจอสักที ดูหนัง