รีวิว สไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่ง

 

 

รีวิว หนังใหม่ netflix ถือเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่แฟรนไชส์ระดับแม่เหล็กที่ถูกนำมารีบูทรีไซเคิลมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เลย ไม่ว่าจะเป็นแคสติ้งรุ่นคลาสสิกขึ้นหิ้งอย่าง โทบี้ แม็คไกวร์ หรือยุคของ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ซึ่งแม้จะผ่านเสียงวิพากษ์วิจารณ์เจอก้อนอิฐก้อนหินมาไม่น้อยโดยเฉพาะกับ The Amazing Spider-Man ทั้งสองภาค แต่อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของสไปดี้หนุ่มเวอร์ชันของ ทอม ฮอลแลนด์ ใน Captain America : Civil War นั้นก็ทำให้แฟนไอ้แมงมุมเฝ้ารอที่จะได้เห็นหนังภาคเดี่ยวครั้งแรกแบบเต็ม ๆ ของสไปเดอร์แมนในจักรวาลมาร์เวลอย่างมีความหวัง

 

รีวิว สไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่ง

 

เรื่องราวของ Spider-Man: Homecoming นั้นเป็นเรื่องราวที่ดำเนินไทม์ไลน์ต่อจาก Captain America : Civil War ซึ่งในตอนนั้นตัวหนังได้ปูให้เห็นความสัมพันธ์ในลักษณะ พ่อ-ลูก หรือเมนเทอร์ ระหว่างโทนี สตาร์ค และ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ไว้แล้ว ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการเดินเรื่องในหนังภาคเดี่ยวของสไปเดอร์แมนนี้ด้วย โดยทางโซนีเองก็หมายมั้นปั้นมือว่าจะทำการรีแบรนด์สไปเดอร์แมนใหม่ หลังจากช่วงทศวรรษที่ผ่านมาวนย่ำอยู่กับที่มาพักใหญ่ด้วยการหันมาจับมือกับมาร์เวล สตูดิโอในการพัฒนาบทใหม่

Spider-Man: Homecoming เป็นเรื่องราวของ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ในวัยใสไฮสคูล หนุ่มเนิร์ดหัวดีวัย 15 ที่ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเด็กนักเรียนไฮสคูลทั่วไป ปัญหาของปีเตอร์ในวัยนี้จะเป็นปัญหาแบบ must have ที่พบเห็นได้ในหนัง coming of age ตั้งแต่การพิสูจน์ตัวเองให้เพื่อนยอมรับในโรงเรียน ไหนจะยังต้องคอยรักษาความลับเรื่องสไปเดอร์แมนจากป้าเมย์และ เน็ด คู่หูตุ้ยนุ้ยสาย Geek ของเขา

 

รีวิว สไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่ง

 

ไหนจะตกหลุมรักแบบปั๊ปปี้เลิฟ ซึ่งแคแร็คเตอร์ของ ทอม ฮอลแลนด์ ต้องบอกว่าแทบจะถอดแบบสไปเดอร์แมนจากเวอร์ชันการ์ตูนคอมมิคส์มาเลย ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ท่าทางการพูดการเดิน สิ่งที่สัมผัสได้คืออินเนอร์ที่ต่างออกไปจากเวอร์ชันของ โทบี้ และ แอนดรูว์ อย่างชัดเจน ยิ่งดูก็ยิ่งมองเห็นความเป็น ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ในตัวเขาชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ

ในช่วงครึ่งแรกของหนังจะโฟกัสไปที่การทำความรู้จักกับตัว ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ และแวดล้อมของเขามากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเริ่มเรียนรู้พลังความสามารถของชุดสไปดี้สูทที่ โทนี สตาร์ค มอบไว้ให้เขา ซึ่งเราจะได้เห็นชุดมนุษย์แมงมุมล้ำ ๆ มีลูกเล่นฟังก์ชันอินเทรนด์ต่างจากภาคก่อน ๆ ถูกนำมาใช้ปราบโจรทุกเกรดในเมืองควีนส์ เริ่มจากโจรกระจอกขโมยจักรยาน โจรปล้นเอทีเอ็ม ไปจนถึงการเผชิญหน้ากับวายร้ายคู่ปรับอย่าง เอเดรียน ทูมส์ หรือ Vulture (ไมเคิล คีตัน)

 

รีวิว สไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่ง

นักธุรกิจที่ประสบแต่ความล้มเหลวฉวยโอกาสตั้งบริษัทรับดูแลซากชิ้นส่วนจากเหตุการณ์ต่อสู้ระหว่างทีม Avengers กับเอเลียนบุกโลก ซึ่งชิ้นส่วนเหล่านั้นเป็นซากอาวุธของเอเลียนที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้เอเดรียนคิดจะนำมันไปขายต่อให้กับอาชญากรอื่น ๆ และนี่คือคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกับสไปดี้วัยทีน กับสเกลการต่อสู้ที่ลดลงมาเหลือเพียงการปกป้องเมืองควีนส์ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ต้องบอกว่า Vulture เป็นตัวร้ายที่ยกระดับตัวหนังได้ดี ตัวละครถูกออกแบบมาอย่างมีมิติ มีสาเหตุแรงจูงใจที่มาที่ไปของการเลือกทำแบบนั้นแบบนี้ รวมทั้งฉากการการต่อสู้ที่ต่อกรกันได้สนุกตื่นเต้น ไม่ก๊องแก๊งเหมือนที่เราเคยชินจากในหนังของ MCU ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว สไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่ง

 

นอกจากการเดินเรื่องที่ทำได้สนุกตื่นเต้นยืนระยะได้ต่อเนื่องแล้ว หนังยังมีองค์ประกอบหลายอย่างที่น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะมุขตลกร้ายฮาได้เรื่อย ๆ และกิมมิคที่ถูกสอดแทรกเข้ามาได้ไหลลื่นลงตัวชนิดเก็บรายละเอียดทุกเม็ด ชั้นเชิงในการเล่นกับอารมณ์คนดูที่ล้วนอยากรู้สถานะของสไปดี้กับการรวมทีม Avengers ซึ่งตรงนี้ชอบตรงที่หนังเลือกเล่าเรื่องโดยให้พื้นที่ความเป็นสไปเดอร์แมนได้แสดงให้เห็นความยูนิคในเจตนารมย์ที่อยากจะกลับไปปกป้องเมืองเล็ก ๆ ของตัวเอง มากกว่าจะเล่นใหญ่กระโจนป่าวประกาศพร้อมออกมาปกป้องโลกกับซุปเปอร์ฮีโร่รุ่นพี่รายอื่น ๆ แม้ว่าตัวหนังอาจมีดรามาที่ค่อนข้างแห้งแล้งไปบ้าง เพราะไปเน้นที่พาร์ทแอ็คชันไซไฟ แบบวิ่งสู้ฟัด แทบทั้งเรื่อง

ส่วนตัวเอนเอียงเทใจให้กับสไปดี้ในยุคของ ทอม ฮอลแลนด์ ที่แบกแคแร็คเตอร์บ้าน ๆ ติดดิน เปลี่ยนมนุษย์แมงมุมโฉมใหม่ในวัยขบเผาะให้ออกมาดูเกรียนได้ใจและมีเสน่ห์ การแสดงของเขามันมีแคแร็คเตอร์ที่ชัด มองเห็นลายเซ็นต์ของตัวเอง ไม่ยากเลยที่จะเข้าไปนั่งในใจของแฟนหนังมาร์เวลได้ในเวลาอันสั้น นอกจากนี้ การกระจายบทให้ โทนี สตาร์ค และ ป้าเมย์ (เมริซ่า โทเม) ก็ทำได้น่าพอใจจนเรียกได้ว่าแอบย่องมาขโมยซีนอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะป้าเมย์ในภาคนี้ที่มีเสน่ห์แซ่บกระชากใจหนุ่มน้อยใหญ่ให้ฝันอยากจะลองพรากผู้เฒ่ากันเลยทีเดียว

 

 

คือการต้อนรับกลับบ้านของซุปเปอร์ฮีโร่คนใหม่สู่จักรวาลมาร์เวลอย่างสมศักดิ์ศรี สิ่งที่อยู่เหนือการอวยทั้งหลายของนักวิจารณ์คือ การทำสไปเดอร์แมนให้กลับมาดูสด ใหม่ มีกลิ่นอายคล้ายกับการได้ย้อนไปฟังเพลงอัลบั้มแรกของวงดนตรีระดับตำนาน ที่เราสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณ แรงบันดาลใจอันพลุ่งพล่าน ความไม่ประสีประสาของเยาว์วัยที่กลายเป็นความสมบูรณ์แบบในใจของเด็กมิลเลนเนียลอีกมากมายที่จะจดจำและพูดถึงสไปเดอร์แมนภาคนี้ไปอีกนาน

คือกระจกสะท้อนวิสัยทัศน์ของโซนีและมาร์เวล ที่ประสบความสำเร็จกับการเลือกรีแบรนด์สไปเดอร์แมนอย่างมีแบบแผน ก็ในเมื่อตัวหนังมันมีครบทุกองค์ประกอบที่หนังซุปเปอร์ฮีโร่พิทักษ์โลกที่ดีต้องมี ถ้าพูดถึงเรื่องของความบันเทิงตลอด 2 ชั่วโมงกว่ากับความรู้สึกประทับใจตอนเดินออกจากโรง อาจบอกได้เต็มปากว่าอย่างน้อยนี่คือสไปเดอร์แมนที่ดีที่สุดในรอบ 1 ทศวรรษเลยก็คงจะไม่เกินเลยไปนัก

 

 

ในปี 2015 แฟน ๆ มาเวลต่างพากันดีใจยกใหญ่เมื่อได้รู้ว่าฮีโร่วัยทีน ขวัญใจของใครหลาย ๆ คน จะได้กลับมาร่วมต่อสู้ไปกับเหล่าฮีโร่ฝั่ง Avengers จากค่ายเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ต้องพลัดพรากและแยกกันอยู่คนละจักรวาลกินเวลาร่วมหนัง 2 ภาคด้วยกัน ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ The new Spidey จะได้ออกมาโลดแล่นในหนังเดี่ยวของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง

หลาย ๆ คนคงคาดหวังที่จะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ และน่าตื่นเต้นในภาพยนตร์รีบูทฉบับนี้ ก็แหม น้องปีเตอร์จะได้กลับมาสู่ครอบครัวมาเวลสักทีนี่เนอะ เอาเป็นว่า เราจะสรุปประเด็นที่น่าสนใจไว้ให้อ่านกันตามนี้แล้วกัน

 

 

หลังจากที่สไปเดอร์-แมน ได้ออกมาปรากฎตัวแก่สาธารณะชนครั้งแรก (หลังรวมค่าย) ในภาพยนตร์เรื่อง Captain America : Civil War และได้ขโมนซีนฮีโร่รุ่นพี่ไปได้อย่างแยบคาย ด้วยความเกรียนอย่างน่ารัก เมื่อเรื่องราวใน Civil War จบลง โทนี่กลับมาส่งปีเตอร์ที่บ้านของเขาในย่านควีนส์ และมอบชุด (มูลค่าหลายร้อยล้านบาท ตามที่สตาร์คบอก) ให้กับเจ้าเด็กเอาไว้ใช้ อย่างไรก็ตามปีเตอร์กลับพบว่า ดูหนังฟรี

มันจะไปมีประโยชน์อะไรเมื่อชุดสุดเท่แสนแพงที่สามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้หลายอย่าง (ไม่เชื่อหรอ ไปดูข้อมูลที่นี่สิ รู้จักกับ 7 ฟีเจอร์ใหม่สุดล้ำในชุด Spider-Man ภาคล่าสุด)  กลับถูกนำมาใช้เพียงเพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์เล็ก ๆ น้อย ๆ ในละแวกบ้านเท่านั้น เพราะสตาร์คมองว่าเขายังเป็นเพียงแค่วัยรุ่น ยังไม่เหมาะจะกลายเป็นฮีโร่เต็มตัวแบบพวกรุ่นพี่ Avengers และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นการพิสูจน์ตัวเองของปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ว่าเขาทำอะไรได้มากกว่าที่โทนี่คิดไว้เยอะ

 

สไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่ง

ความสัมพันธ์ระหว่าง Iron Man และ Spider-Man

จากที่ได้เห็นกันในเทรลเลอร์ คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ออกจะดูเหมือน พ่อ-ลูกอยู่ไม่น้อย ซึ่งก็สอดคล้องกับในคอมมิคที่โทนี่ก็มองปาร์คเกอร์เป็นเด็กคนหนึ่งที่เขารักเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ความรักที่เกิดขึ้นนี้อาจมีที่มาจากการที่ปีเตอร์ขาดความรักแบบ Paternal Love เพราะอย่างที่เรารู้ ๆ กันดี ว่าปีเตอร์ต้องเติบโตมากับลุงและป้า แถมยังต้องมาสูญเสียลุงเบนไปอีก

ทำให้เขาอาจรู้สึกขาดโรล โมเดล ที่เป็นผู้ชาย และถึงแม้ความรักที่ป้าเมย์มีให้เขาจะมากมายอยู่แล้วก็ตาม แต่ลึก ๆ แล้ว วัยรุ่นทั่วไปก็คงต้องการความรักจากทั้งคนที่เป็นโรล โมเดลทั้งฝ่ายหญิงและชายแหละ จริงไหม ทั้งนี้ นอกจากน้องสไปดี้แกจะยกย่องไอรอนแมนเอามาก ๆ แล้ว น้องเขาก็ยังชอบกัปตันอเมริกาไม่ได้น้อยไปกว่าพี่โทนี่เลย ถึงแม้จะเคยต่อสู้กันมาแล้วก็ตาม เว็บดูหนังฟรี

 

 

โทนี่ สตาร์ค เรียกได้ว่ามีบทบาทสำคัญต่อภาพยนตร์ Spider-Man Homecoming อยู่ไม่น้อย เอาง่าย ๆ ชุดของสไปดี้ พี่แกก็ทำให้ แถมยังเป็นแรงผลักดันสำคัญให้สไปดี้อยากพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกขั้นอีกต่างหาก แต่ถ้าถามว่าพี่แกโผล่ออกมาเยอะไหม คงตอบได้ว่า พอ ๆ กับที่สไปเดอร์แมนเขาได้ไปโผล่ใน Civil War นั่นล่ะ ส่วนตัวแล้วคิดว่าก็ไม่เยอะไป หรือไม่น้อยไปนะ เพราะสามารถทำให้เราจดจำหลาย ๆ ฉากสำคัญที่พี่แกโผล่มาได้ทีเดียว

บอกได้ว่ามาเต็มจ้ะ มากันหลายคนมาก ๆ เหนือความคาดหมายทีเดียว บางคนมาแค่ชื่อ แต่บางคนก็มากันตัวเป็น ๆ เลย บางคนโผล่มาแปปเดียวแต่ก็ขโมยซีนเรียกเสียงฮาได้ไม่น้อย แอบกระซิบนิดนึงว่าตอนดูรู้สึกว่า cameo ของลุง Stan Lee ในภาคนี้ออกจะยาวกว่าหนังเรื่องอื่นอยู่ไม่น้อย ก็แหม ผู้ให้กำเนิดสไปดี้ทั้งคนนี่นา ให้ลุงเขาสักนิดเนาะ

 

 

ก็คือเท่มาก ทำอะไรได้หลายอย่างมากทีเดียว เพราะโทนี่ สตาร์ค คงเห็นว่า ถ้าจะไปสู้กับเหล่า Avengers เจ้าปีเตอร์คงต้องการอะไรมากกว่าแค่พ่นใยแน่นอนล่ะ ก็แหม พี่ ๆ คนอื่นนี่ลีกใหญ่กันทั้งนั้น ถ้าพ่นใยได้อย่างเดียว ปีเตอร์คงไม่มีโอกาสได้ออกมาโลดแล่นในหนังเดี่ยวตัวเองต่อแน่ ๆ ฟังก์ชั่นหลายอย่างที่โทนี่ใส่ให้มาก็มีความคล้ายคลึงกับชุดของ Iron Man อยู่ไม่น้อย ถือว่าเป็นมิติใหม่ของชุด Spider-Man ที่เราไม่ได้เคยเห็จาก Spider-Man ภาคของ Toby Maguire หรือ Andrew Garfield มาก่อนเลย

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ซูเปอร์ฮีโร่สายเกรียนฮาคนนี้ มีภูมิลำเนาเป็นชาวนิวยอร์กเกอร์ แต่จะให้คนดูมาเห็นมหานครนิวยอร์กถูกทำลายอีก หลังจากที่โดนทำลายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก็คงจะเอียนอยู่ไม่น้อย ในภาคนี้ เราขอบอกลาตึก Empire State และเซย์ฮัลโหลให้กับ อนุสาวรีย์วอชิงตัน (Washington Monumen) แลนด์มาร์คจุดใหม่ที่กำลังจะถูกทำลาย (หืม) ซึ่งเป็นฉากไฮไลท์ฉากหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้เลยทีเดียว เพราะนอกจากจะได้ภาพในมุมมองที่แปลกตาแล้ว ยังได้ลุ้นจนตัวเหนียวอีกด้วย เว็บดูหนัง