รีวิว หวีดสุดขีด

 

 

หนังใหม่ Scream หวีดสุดขีด – ภาคต่อสุดเพอร์เฟค เมื่อความโหดมาผสมกับความฮา ความบ้าจึงบังเกิด

Scream หวีดสุดขีด หนังสยองขวัญในตำนานกลับมาอีกครั้งหลังจากสร้างความสยองมาแล้วหลายต่อหลายภาค ซึ่งการกลับมาครั้งนี้นับเป็นภาคที่ 5 แล้ว สำหรับแฟรนไชส์นี้ โดยการกลับมาในครั้งนี้นั้นได้สองผู้กำกับอย่างแมท เบททิเนลลิ-โอลพิน และ ไทเลอร์ จิลเลทท์ จาก Ready or Not มาสร้างตำนานบทใหม่อีกครั้งกับหนังเรื่องนี้

ส่วนหนังแสดงก็ได้นักแสดงนำรุ่นเก่าของหนังภาคก่อนๆกลับมาครบไม่ว่าจะเป็น เนฟ แคมป์เบล (ที่รับบทเป็น ซิดนีย์ เพรสคอต), คอร์ทนีย์ ค็อกซ์ (รับบทเป็น เกล เวธเทอร์ส) และเดวิด อาร์เควต (ดิวอี้ ไรลีย์) กลับมาร่วมแสดงในบทที่สร้างชื่อให้กับพวกเขาอีกด้วย ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุกภาคไทย

 

รีวิว หวีดสุดขีด

 

นอกจากนั้นสมทบด้วยนักแสดงใหม่อย่างเมลิสสา บาร์เรรา, ไคล์ กาลิเนอร์, เมสัน กูดดิ้ง, ไมกี้ เมดิสัน, ดีแลน มินเนท, เจนน่า ออร์เทกา, แจ็ค เควด, มาร์ลีย์ เชลตัน, แจสมิน ซาวอย บราวน์ และ ซอนยา แอมมาร์ ครับ

โดย Scream หวีดสุดขีด ในภาคนี้จะเล่าถึง เรื่องราว 25 ปี หลังจากที่เกิดการฆาตกรรมโหดร้ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเหตุการณ์สุดช็อคที่เกิดขึ้นในเมืองเงียบ ๆ ที่ชื่อว่า วูดส์โบโร ปัจจุบัน มีนักฆ่ารายใหม่ที่สวมหน้ากากโกสต์เฟซปิดบังใบหน้า และเริ่มออกไล่ล่ากลุ่มวัยรุ่นที่รื้อฟื้นความลับของเมืองในอดีต

เป็นหนังภาคต่อของ Scream หวีดสุดขีด ที่เพอร์เฟคมากสำหรับแอด เพราะคิดว่าคงหมดมุกเล่นแล้วแหละ แต่ที่ไหนได้พีคสุดๆไปเลย ในหนังเราจะได้เห็นความโหดของเจ้าฆาตกร ที่สวมหน้ากาก GhostFace ที่ดิบ และ เถื่อน พอตัวเลยทีเดียว นอกจากนั้นหนังก็ยังคงความคลาสสิคเอาไว้ในเรื่องของการ แซะหนังสยองขวัญเรื่องอื่น หรือแม้กระทั่งหนังตัวเองได้แบบแสบสัน ที่คนดูต้องมีแอบยิ้มกันบ้างแหละ

 

รีวิว หวีดสุดขีด

 

และการที่เราได้เห็นตัวนักแสดงรุ่นเก่าอย่าง เนฟ แคมป์เบล, คอร์ทนีย์ ค็อกซ์ และเดวิด อาร์เควต กลับมาวาดลวดลายภายในหนังภาคนี้ ก็ทำให้หายคิดถึงกันไปเลยครับ ส่วนเอกลักษณ์สำคัญของหนังในเรื่องของการหักมุมก็ยังคงจัดจ้านเหมือนเดิม คาคเดาไม่ถูกเลย ต้องรอหนังเฉลยอย่างเดียว สมแล้วที่จะเป็นหนังภาคต่อของหนังชุดในตำนานที่โคตรจะเพอร์เฟค บอกเลยเหล่าสาวก GhostFace ไม่ควรพลาด ดูหนังออนไลน์2022

Scream หวีดสุดขีด หนังสยองขวัญในตำนานกลับมาได้อย่างเพอร์เฟค ทั้งโหดทั้งฮาในเรื่องเดียวกัน ชอบในความหักมุมของหนัง และการจิกกัดหนังสยองขวัญเรื่องอื่นได้แบบสุดฮา เหล่าแฟนตัวยกของ GhostFace จะหลงรักภาคต่อนี้อย่างแน่นอน คะแนน 9/10

 

รีวิว หวีดสุดขีด

เรื่องย่อ เรื่องราวต่อเนื่องหลังเหตุฆาตกรรมโหดร้ายอันโด่งดัง ณ เมืองวูดส์โบโร (Woodsboro) ในครั้งนี้ ‘ไอ้หน้าผี’ (Ghostface) รายใหม่กลับมาไล่เชือดคนอีกครั้ง การตามไล่ล่าโฉมหน้าที่แท้จริงของฆาตกรจึงเริ่มขึ้น และพบว่าการกลับมาของไอ้หน้าผีนั้นเกี่ยวพันกับเหตุฆาตกรรมเมื่อ 25 ปีก่อน ทำให้ 3 เพื่อนผู้รอดตายจากไอ้หน้าผีในครั้งก่อนทั้ง ‘ซิดนีย์ เพรสก็อต’ (Neve Campbell), ‘ดิวอี ไรลีย์’ (David Arquette) และ ‘เกล เวเธอร์ส’ (Courteney Cox) ต้องกลับมาร่วมกันไล่ล่าไอ้หน้าผี และรื้อฟื้นเรื่องราวในอดีตที่สืบทอดและเชื่อมโยงมาถึงปัจจุบันอีกด้วย

 

รีวิว หวีดสุดขีด

 

ไม่ว่า ‘SCREAM หวีดสุดขีด’ จะอยู่ในฐานะไหนสำหรับคนดูภาพยนตร์อย่างเรา ๆ มันอาจอยู่ในฐานะของหนังแฟรนไชส์แนวเชือด (Slasher) ในตำนานของยุค 90’s มันอาจเป็นเพียงหนังสยองขวัญที่มองข้ามไป หรือไม่ มันก็อาจอยู่ในฐานะมีมตลก (“วอตซ่าบบบบ ! “) ใน ‘Scary Movie’ (2000) แต่ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหน คิดเหมือนกันกับผู้เขียนไหมครับว่า สุดท้ายแล้วตำนานฆาตกรรมโดยฆาตกรที่อยู่ภายใต้หน้ากากยาง หรือ ‘ไอ้หน้าผี’ (Ghostface) ที่ยังไง้ยังไงมันก็ไม่ยอมตายไปง่าย ๆ เสียที และในปีนี้ มันกลับมาเชือดเป็นครั้งที่ 5 แล้ว เพียงแต่ว่าไม่ได้ใช้ห้อยท้ายว่าเป็น “ภาค 5” นะครับ แต่ใช้ชื่อว่า ‘SCREAM’ ทื่อ ๆ เลย เหมือนกับ ‘SCREAM’ (1996) ภาคแรกที่เป็นตำนานไปแล้วนั่นแหละ เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ในภาคนี้ถือเป็นการยกเครื่องทีมงานใหม่ด้วย เพราะเจ้าพ่อหนังสยองขวัญอย่าง ‘เวส คราเวน’ (Wes Craven) ผู้กำกับทั้ง 4 ภาคจากไปแล้วเมื่อปี 2015 ในภาคนี้เลยได้คู่หูผู้กำกับ ‘แมตต์ เบ็ตติเนลลี-โอลพิน’ (Matt Bettinelli-Olpin และ ‘ไทเลอร์ กิลเลตต์’ (Tyler Gillett) ที่เคยกำกับ ‘Ready or Not’ (2019) มาร่วมงาน ส่วนคนเขียนบทหนังทั้ง 4 ภาค และเจ้าของคาแรกเตอร์ดั้งเดิมอย่าง ‘เควิน วิลเลียมสัน’ (Kevin Williamson) ก็ถอยมาเป็นที่ปรึกษางานสร้าง และแปะมือส่งให้ ‘เจมส์ แวนเดอร์บิลต์’ (James Vanderbilt) และ ‘กาย บูซิก’ (Guy Busick) ทีมผู้เขียนบทหนังจาก ‘Ready or Not’ มาเขียนบทให้เช่นเดียวกัน

 

 

ใน ‘SCREAM’ ภาคที่ 5 นี้ ตัวหนังยังคงพาเรากลับไปสู่เมืองเล็ก ๆ แสนสงบสุขที่ชื่อว่าวูดส์โบโร (Woodsboro) ที่ปัจจุบันเต็มไปด้วยวัยรุ่นเจน Z แต่ไม่ว่าจะทันสมัยแค่ไหน ไอ้หน้าผีก็ยังกลับมาก่อเหตุอาละวาดอีกครั้ง หนึ่งในเหยื่อเคราะห์ร้ายก็คือ ‘ทารา’ (Jenna Ortega) น้องสาวของ ‘แซม’ (Mikey Madison) ที่หนีออกไปจากเมืองด้วยเหตุผลบางอย่าง จนเมื่อเธอกลับมา แก๊งเพื่อน ๆ ของทาราจึงเริ่มสงสัยกันเองว่าใครกันแน่ที่เป็นฆาตกร แซมเลยไปขอความช่วยเหลือจาก ‘ดิวอี ไรลีย์’ (David Arquette), ‘เกล เวเธอร์ส’ (Courteney Cox) และแม่บ้านเต็มเวลา อย่าง ‘ซิดนีย์ เพรสก็อต’ (Neve Campbell) เหล่าตัวพ่อตัวแม่ที่เคยกระชากหน้ากาก Ghostface มาแล้ว 4 ภาค เพื่อกลับมากระซวกไอ้หน้าผีอีกครั้งให้จงได้ ก่อนที่มันจะออกไปกระซวกชาวบ้านชาวเมืองไปมากกว่านี้

 

 

อย่างแรกที่ผู้เขียนเองต้องเอาปากกามาวงก็คือหนังเรื่องนี้ไม่ได้ถึงกับเป็นภาคต่อของ ‘SCREAM 4’ (2011) หรือ 12 ปีที่แล้วนะครับ เพราะแทบไม่มีเหตุการณ์ไหนต่อมาจากภาคนั้นเลยด้วยซ้ำในภาคนี้หนังจึงใช้คำว่า ‘Requel’ ที่เป็นลูกผสมของ ‘Reboot’ (หยิบหนังเก่ามาสร้างใหม่) และ ‘Sequel’ (หนังภาคต่อ) แต่เอาจริงๆ ตัวหนังก็เน้นหนักไปทาง ‘รีบูต’ ซะมากกว่าเพราะตัวหนังในภาคนี้แม้จะมีเรื่องราวใหม่แต่ก็ยังดึงเอากลิ่นอายและวิธีการเล่าเรื่องมาจากภาคแรกกลับมาใช้งานแบบที่เรียกว่า “โฉ่งฉ่าง” เลยแหละไม่ว่าจะเป็นธีมการ ‘รู้ (ไม่) ทันหนังเชือด’ ที่เคยใช้ได้ผลมาแล้วในภาคแรก ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก

ส่วนในภาคนี้ตัวหนังเลือกใช้การตัดต่อไดอะล็อก และมุมกล้องในการสับขาหลอกเพื่อปั่นหัวทั้งตัวละครและคนดูอย่างเราๆ ให้เราเดาโน่นเดานี่ไปเรื่อย (และย้อนกลับมาจิกกัดตัวเองอีกที) ว่าใครเป็นไอ้หน้าผีกันแน่พร้อมกับไดอะล็อกที่ยังคงจิกกัดวงการบันเทิง (และย้อนกลับมาจิกกัดตัวเองอีกที) จิกกัด “หนังภาคต่อ” ของชาวบ้านชาวช่อง (และย้อนกลับมาจิกกัดตัวเองอีกที) การจิกกัดขนบหนัง Slasher ทั้งยุคเก่าและยุคใหม่รวมถึงเรื่องราวและสถานที่ที่แทบจะเหมือนกับภาคแรกเด๊ะ ซึ่งถือเป็นแฟนเซอร์วิสที่แฟนเดนตายดูยังไงก็กรี๊ดแน่นอนเพราะว่าขนบและแก่นแบบในหนังต้นฉบับนี่เรียกว่ากลับมาแบบครบๆ เลย

 

 

และพอมันเป็นหนังรีบูตเพื่อเอาใจแฟนหนังตัวหนังก็เลยยังยึดแนวทางการไล่เชือดกันโต้งๆ เลยครับ คือก็ต้องชื่นชมก่อนเบื้องต้นนะครับว่าตัวหนังเองก็กล้ามากพอที่จะหยิบเอาความเป็นออริจินัลมาเสริมลูกเล่นเข้าไปให้ทันสมัยทั้งเรื่องของจังหวะหนัง บท และการตัดต่อการใส่ Jump Scare ที่ขยันหมั่นเพียรในการสับขาหลอกและปั่นหัวคนดูให้ (เหมือนจะตามทันแต่) ตามไม่ทัน การปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อการตามล่าและเอาตัวรอดตัว Ghostface ในภาคนี้ที่ทั้งฉลาด มีลูกล่อลูกชน เหี้ยมโหด รวมทั้งการดำเนินเรื่องการจัดองค์ประกอบภาพการสร้างบรรยากาศความน่ากลัวและไม่น่าไว้วางใจที่ให้ความรู้สึกถึงหนัง Slasher ยุคใหม่ที่ดูแล้วถึงใจและสะใจแน่นอน

 

 หวีดสุดขีด

พร้อมกับการแอบจิกกัดยั่วล้อไลฟ์สไตล์ของเจน Y และ Gen Z ไปด้วยในตัว ซึ่งเอาจริงๆ มันก็ทำให้หนังภาคนี้มีความสนุกขึ้น และเหมาะกับยุคนี้มากขึ้นเป็นกอง รวมทั้งองก์สุดท้ายของหนังที่ผู้เขียนเองชื่นชมเลยว่าสามารถเดินเรื่องได้ระทึกมากครับ ส่วนตัวผู้เขียนชอบองก์สุดท้ายของภาคนี้พอๆ กับภาคแรกเลย แถมยังมีฉากให้อ้าปากค้างเกี่ยวกับตัวละครบางตัวด้วยว่า เอ็งทำแบบนี้ก็ได้เหรอ รวมทั้งการจิกกัดความเป็นแฟนเซอร์วิสด้วยซึ่งผู้เขียนก็เล่ามากไม่ได้นะครับ เดี๋ยวสปอยล์

และแน่นอนว่าพอมันถูกเอามาใช้กันแบบโฉ่งฉ่างข้อสังเกตใหญ่ๆ ของภาคนี้ก็คือ ตัวหนังเองก็ยังคงซ้ำทางหนังเวอร์ชันดั้งเดิมคือเกิดอาการเหล้าเก่าในขวดใหม่นั่นแหละปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าการ ‘Requel’ ของหนังภาคนี้แก่นแท้แล้วก็คือการหยิบเอาขนบจากหนังภาคแรกมาปัดฝุ่นและกรอกใส่ขวดใหม่กันโต้งๆ เลยในแง่ของการเป็นหนังแฟนเซอร์วิส ก็ถือว่าเป็นการกวนเบื้องล่างหนังต้นฉบับได้สนุกโคตรๆ แต่ในยุคใหม่ที่คนสร้างหนังพยายามคิดหาวิธีการใส่ลูกเล่น ใส่ Plot Twist ในหนังสยองขวัญและหนังฆาตกรรมกันจนหัวแทบจะแตกหนังเรื่องนี้ก็เลยออกอาการเดาทางง่ายไปหน่อยในแง่ของการเป็นหนังสยองขวัญยุคใหม่

 

 

ยิ่งถ้าเป็นแฟนที่ดูมาแล้วครบ 4 ภาคจะร้องอ๋อเลยว่า บทมันจะยังไงต่อไป แม้ว่าในองก์สุดท้ายจะระทึกมาก ๆ แต่พอเฉลยบทสรุปทั้งการเฉลยไอ้หน้าผี และเหตุผลในการไล่เชือดคนออกมาแล้ว ก็จะเข้าใจได้ทันทีเลยว่า อืม…มันก็ประมาณนี้แหละ ไม่หนีจากเดิมมาก และมันก็จะไม่ทรงพลังกระเทือนใจเหมือนกับหนังเชือดในยุคใหม่ ๆ ด้วย แม้ว่าตัวหนังจะพยายามสับขาหลอกให้เราสนุกระหว่างทาง และฮาไปกับการล้อขนบหนังตัวเองแค่ไหนก็ตาม การขมวดจบของหนังก็ยังวนกลับมาใช้สูตรเดิม ๆ อยู่ดี บทสรุปของหนังโดยรวมมันก็เลยออกจะเชย ๆ ทื่อ ๆ ไปนิดสำหรับการเป็นหนัง Slasher ยุคใหม่ ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022

โดยสรุปแล้ว สำหรับภาคนี้ผู้เขียนก็ยังชอบนะครับและชอบมากกว่าภาคก่อนๆ บางภาคด้วยถ้าเทียบกับหนังเชือดยุคใหม่ (ที่ตัวเองก็ไปแขวะเขาด้วยนะ) ด้วยความที่ตัวหนังมันกึ่งบังคับให้เป็นหนัง ‘Requel’ มันก็เลยยังคงมีขนบและบทสรุปเชยๆ ให้ได้เห็นอยู่ สำหรับคนที่ไม่ใช้แฟนก็อาจจะทำให้รู้สึกไม่ว้าวเท่าไหร่แต่ถ้ามองในแง่ของการเป็นแฟนเซอร์วิสที่ทั้งเคารพและกวนทีนหนังต้นฉบับของเวสคราเวนไปด้วยพร้อมๆ กัน การยั่วล้อขนบหนังเชือดยุคเก่าการเชือดที่โหดสะใจรวมทั้งการใส่จังหวะสับขาหลอกผ่านไดอะล็อกและการตัดต่อเพื่อปั่นหัวคนดูการจิกกัดฮอลลีวูด (และก็ย้อนกลับมาจิกกัดตัวเองอีกที) ที่เรียกเสียงฮาได้ชะงัดนัก

 

 

ในภาคนี้ ผู้เขียนก็ถือว่าประสบความสำเร็จในแบบของมันนะ ถึงมันจะเช้ยเชยยังไงก็ตาม แต่อย่างน้อย ๆ มันก็ยังตอกย้ำว่า ‘SCREAM’ ยังคงเป็นหนังเชือดที่เน้นความโหด การจิกกัด และกวนทีนไม่สร่างซา มีช่องให้ปูทางไปสู่จักรวาลภาคต่อชุดใหม่ และกำลังพยายามกวนทีนความเป็นหนัง Slasher แนวใหม่ไปพร้อมกัน ๆ ด้วยเหตุผลว่า ก็ตูจะทำแบบนี้ จะเชือดแบบนี้ ใครมันจะทำไมฟะ !