รีวิว ฮาชิมะ โปรเจกต์

 

 

หนังไทยใหม่ สิ่งที่น่าชื่นชมและเป็นสิ่งที่น่าเชิดหน้าชูตาให้กับหนัง ฮาชิมะ โปรเจกต์ ก็คือการคัดเลือกทีมนักแสดง 5 คนที่มารับบทวัยรุ่นที่รักความตื่นเต้นและความท้าทายจนถึงขั้นลบหลู่! ซึ่งนักแสดงทั้ง ไมค์ พิรัชต์, ออม สุชาร์, สายป่าน อภิญญา, อเล็กซ์ เรนเดลล์ หรือแม้กระทั่งหน้าใหม่อย่าง เจสซี่ เมษวัฒนา ต่างก็ทำหน้าที่ได้ดีเลยทีเดียว เล่นเข้าขารับส่งกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ ดูเป็นวัยรุ่นในยุคนี้จริงๆ

ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทำให้เกิดคาดหวังต่อ ฮาชิมะ โปรเจกต์ หนังเรื่องล่าสุดของสตูดิโอ M39 ที่ผลงานก่อนหน้านี้อย่าง คู่กรรมกลายเป็นหนังเสียงแตกแห่งปีเพราะใครที่ชอบก็ชอบมาก ใครที่ไม่ชอบก็อาจเข้าขั้นเกลียดไปเลย ที่โดยส่วนตัวเห็นถึงความไม่กลมกลืนระหว่างคู่พระนาง ซึ่งนักแสดงนำทั้ง 5 ใน ฮาชิมะ โปรเจกต์ ไม่ทำให้เกิดความรู้สึกดังเช่นงานชิ้นก่อน และเมื่อประกอบเข้ากับเรื่องราวที่มีประเด็นน่าสนใจ เกี่ยวกับ เกาะฮาชิมะ ของประเทศญี่ปุน เกาะร้างที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าและเรื่องลือมากมาย ทำให้ ฮาชิมะ โปรเจกต์ เป็นหนังที่มีทะเยอทะยานและน่าติดตามอย่างยิ่ง! จนทำให้คาดหมายว่าจะเป็นผลงานที่กลับมาอีกครั้งของ M39

 

รีวิว ฮาชิมะ โปรเจกต์

 

หนังเปิดเรื่องด้วยประเด็นปัญหาของวัยรุ่นและผู้มีความฝัน ที่พยายามสร้างสรรค์ผลงานเพื่อหวังจะได้รับโอกาสในการทำงาน แต่ต้องเจอกับการปฏิเสธ (หรืออะไรก็ตามที่สื่อความหมายไปในทางปฏิเสธ) ทำให้เมื่อมีโอกาสพุ่งเข้ามา ให้พวกเขาได้สร้างสรรค์ผลงานที่เกาะฮาชิมะ พวกเขาจึงคว้ามันไว้โดยไม่ได้ไตร่ตรองว่านั่นคือสิ่งที่ควรนำตัวเข้าไปเสี่ยงหรือไม่ ซึ่งจุดนี้หนังพยายามสื่อให้เห็นถึงความกล้า ความเชื่อมั่น และความดื้อรั้นไม่คิดหน้าคิดหลังของวัยรุ่น จนไปถึงขั้นการลบหลู่ที่ล้อกับสำนวนที่คนไทยทุกคนคุ้นชินว่า “ไม่เชื่อ..อย่าลบหลู่”

ก่อนที่หนังจะเดินทางไปสู่ญี่ปุ่นหรือกล่าวให้เฉพาะเจาะจงก็คือ เกาะฮาชิมะ ได้มีการปูประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจทิ้งเอาไว้ เช่น การแอบรักเพื่อนในกลุ่ม การกลับมาร่วมงานแบบเสียมิได้ของตัวละครไมค์ รวมไปถึงเงื่อนงำบางอย่างของหญิงสาวชาวญี่ปุน ที่ได้ โช นิชิโนะ ที่นักดูหนังชาวไทยคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับบทบาทอันร้องแรงใน จันดารา ปฐมบท และ จันดารา ปัจฉิมบท มาร่วมแสดงในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นบทที่มีสำคัญอย่างยิ่งในเรื่อง

 

รีวิว ฮาชิมะ โปรเจกต์

 

ซึ่งปมปัญหาต่างๆ ที่ใส่เข้ามา ถือว่าได้ผลในแง่ของการทำให้การเดินทางไปยังเกาะฮาชิมะในครั้งนี้น่าติดตาม และอย่างที่กล่าวในข้างต้น การแสดงที่ดีของนักแสดงชุดนี้ทำให้เรารู้สึกผูกพันกับตัวละครกลุ่มนี้ ซึ่งมุขตลกต่างๆ รวมไปถึงบทสนทนา สามารถนำเสนอออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ

และเมื่อเรื่องราวมาสู่ เกาะฮาชิมะ ความน่าพรึงกล้วที่แท้จริงจึงเริ่มขึ้น ที่สามารถสื่ออารมณ์ของการลบหลู่ผ่านทางการแสดงของนักแสดงออกมาได้ดี แต่ในเรื่องของการหลอก! สถานการณ์ที่ต้องการให้คนดูรู้สึกสะดุ้งกลัว กลับชวนให้เกิดข้อสงสัยขึ้นมา ถึงวิธีการที่ผู้กำกับ ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์ เลือกใช้ในหนังเรื่องนี้!

 

รีวิว ฮาชิมะ โปรเจกต์

ความน่ากลัวของความเป็นหนังสยองขวัญแบบผี คือการเล่นกับความกลัว และการที่จะทำให้รู้สึกกลัวได้นั้นก็คือ การให้ผู้ชมรู้เห็นตัวของผีหรือวิญญาณให้น้อยที่สุด แต่ ฮาชิมะ โปรเจกต์ กลับเผยรูปลักษณ์ของผีออกมาตั้งแต่ต้นๆ เรื่อง จนทำให้เราเริ่มรู้สึกชินกับความน่ากลัวของผีแบบนี้แล้ว ซึ่งไม่ได้บอกว่ามันคือสิ่งที่ไม่ดีหรือไม่ถูกต้อง เพียงแต่การที่กล้าเปิดเผยตัวของผีออกมาแต่แรก ต้องมั่นใจว่ามีของเก็บไว้ปล่อยเพื่อจัดหนักใส่ผู้ชมอีก ซึ่งหลังจากนั้นก็พยายามมองหาว่ามีอะไรที่เป็นทีเด็ดที่ทำให้รู้สึกว่าการเห็นผีตั้งแต่ต้นไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการชม ก็ปรากฎว่าไม่มี!

อีกสิ่งที่ชวนสงสัยก็คือวิธีการหลอก จังหวะในการหลอกของเรื่องนี้ ซึ่งมีจังหวะเหล่านี้อยู่มากมาย (เพราะมีตัวละครนำถึง 5 ตัว ต้องจัดให้ครบทุกตัวละคร) แต่วิธีการนั้นดูจะซ้ำซากราวจับยัดไปสักหน่อย กับการทำให้ตกใจหรือกลัวแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือการทำให้มันเป็นความฝัน ซึ่งอาจหวังให้เป็นเหมือนว่า ตัวละครเริ่มรู้สึกถึงการคุมคามของผีก่อนที่จะเจอของจริง ทั้งที่ฉากเหล่านี้บางฉากดำเนินมาดีแล้วควรจะไปให้สุดทาง แต่กลับหักหลบจบง่ายๆ ว่าเป็นความฝันอย่างน่าเสียดาย และการใช้วิธีนี้บ่อยเกินไปส่งผลให้พอถึงของจริงอารมณ์ร่วมเลยไม่ได้อย่างที่ควรจะเป็น

หลังจากที่ตัวละครกลับมาจากเกาะฮาชิมะ แทนที่หนังกำลังเดินตามรูปแบบหนังผีทั่วไป (นึกถึงหนัง Final Destination จะเห็นภาพชัดขึ้น) ที่สถานการณ์ต่างๆ ควรจะมุ่งไปสู่การจัดการตัวละครเหล่านี้ทีละคนอย่างต่อเนื่อง เพื่อไปสู่บทสรุปส่งท้ายที่คลายเงื่อนปมต่างๆ ที่สร้างไว้ แต่ว่าบทภาพยนตร์ของ อังเคิล กลับเลือกที่จะเพิ่มปมดราม่าของกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 5 คนเข้าไปอีก ซึ่งความเข้มข้นของปมในครั้งนี้ก็เข้าขั้นหนักและใช้เวลามากจนเกินไป เลยทำให้ความหลอนและน่ากลัวที่ได้จากเกาะฮาชิมะ ค่อยๆ จืดจางลงเรื่อยๆ

 

รีวิว ฮาชิมะ โปรเจกต์

 

และเมื่อหนังดำเนินมาถึงฉากสุดท้าย ซึ่งถือเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายของ ฮาชิมะ โปรเจกต์ เลยก็ว่าได้ เพราะปมต่างๆ ที่ถูกปูมาแต่ต้นต้องได้รับการเฉลย แม้ใน ฮาชิมะ โปรเจกต์ จะมีหลายจุดที่รู้สึกขัดๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว แต่หากตอนท้าย คำเฉลยออกมาดีพอและน่าตื่นตะลึง จะเป็นการช่วยหนังในภาพรวมให้ออกมาในระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว!

แต่ไม่รู้ว่าเป็นความกล้า บ้าบิ่น หรือต้องการหลอกคนดูให้หลังหักกันแน่ จึงเลือกคำตอบของปมทุกอย่างแบบนี้ กับการที่ให้ตัวละครตัวหนึ่งตายไปแล้ว แต่ยังสามารถที่จะใช้ชีวิตต่อมาได้ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น! ซึ่งส่งผลต่อความสมเหตุสมผลในเรื่อง (ซึ่งมีน้อยอยู่แล้ว) ให้หมดไป รวมไปถึงฉากสุดท้ายกับปมของการลบหลู่และการตามจองล้างจองผลาญของผีที่ตามมาจากเกาะฮาชิมะ ที่คำเฉลยออกจะแถเกินไปจนเกินจะรับ!

 

 

การให้ตัวละครนั้นกลับมาเกิดใหม่อีกสัญชาติหนึ่งนั้นไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่หากใส่ข้อมูลให้ตัวละครสักนิดว่ามีความผูกพันบางอย่างกับเกาะฮาชิมะหรือประเทศญี่ปุ่นเช่น ต้นตระกูลสืบเชื้อสายมาจากญี่ปุ่น เป็นต้น ก็อาจจะทำให้คำเฉลยที่ออกมาเป็นที่ยอมรับได้มากกว่าที่เป็นอยู่! และที่สำคัญหนัง ฮาชิมะ โปรเจกต์ ไม่ได้ตอบโจทย์ของการ “ไม่เชื่อ..ต้องลบหลู่” แต่อย่างใด!

จาก คู่กรรม สู่ ฮาชิมะ โปรเจกต์ ในปีนี้ของ M39 หนังทั้งสองมีความคล้ายกันอย่างหนึ่งคือ จุดขายความเป็นญี่ปุ่น! (อาจจะต้องรวมไปถึง สาระแน โอเซกไก (2555)) ซึ่งผลที่ออกมาโดยส่วนตัวแล้วมองว่า ไม่ผ่าน และหากมองย้อนไปผลงานเก่าๆ จะพบว่าจุดขายและจุดเด่นของ M39 คือ การนำเสนออะไรที่เป็นแบบไทยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักหรือตลก ให้ออกมาร่วมสมัยและโดนใจผู้ชม อย่างไรก็ตามต้องขอชื่นชมกับความกล้าในการนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง

 

 

ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของกลุ่มนักศึกษาสาขาวิชาภาพยนตร์ที่เพิ่งเรียนจบมาหมาด ๆ ซึ่งได้รับข้อเสนอให้ไปถ่ายทำรายการสยองขวัญบน “เกาะฮาชิมะ” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเกาะผีสิงที่ต้องคำสาปจากคนที่ผิดหวังเรื่องรัก แต่เพราะความที่อยากได้ภารกิจเด็ด ๆ มาทำให้มีคนเข้ามาดูเยอะ ดูหนังใหม่

พวกเขาจึงได้ไปทำการลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสถานที่บนเกาะกลางทะเลจนทำให้เกิดเรื่องสยองขวัญจากวิญญาณอาฆาตที่ตามติดพวกเขามา แล้วพวกเขาจะหนีมันพ้นได้อย่างไร!

มีความน่าสนใจตั้งแต่เราเห็นโลเกชั่นถ่ายทำที่ใช้ “เกาะฮาชิมะ”ที่ตั้งโดดเดี่ยวกลางทะเลในจังหวัดนางาซากิของประเทศญี่ปุ่นมาเป็นฉากหลักของหนัง ซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นเกาะที่มีผู้คนอยู่จำนวนมาก ด้วยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากถึงขีดสุด

 

 

แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจเริ่มมีปัญหาทำให้ผู้คนต้องย้ายออกจากเกาะไปจนถูกทิ้งร้างเหลือเพียงซากปรักหักพังตามกาลเวลา แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ มีคนเล่าว่าเกาะแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของความอาถรรพ์มากมายเพราะไม่มีคนอยู่จึงกลายมาเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณคนที่ตายในทะเลและมีคนพบเจอเรื่องราวขนหัวลุกหลายอย่าง

ด้วยเรื่องราวจริงของเกาะฮาชิมะมีความน่าสนใจอยู่แล้ว พอเอามาทำเป็นหนังก็ยิ่งมีความน่าสนใจเข้าไปใหญ่ การดำเนินเรื่องถือว่าเป็นไปได้อย่างเหมาะสม จากการที่กลุ่มตัวละครหลักไปลบหลู่ถึงเกาะมีวิญญาณตามติดมาล้างแค้นด้วยวิธีการที่ชวนให้แต่ละคนตายอย่างน่าหวาดเสียว ลุ้นกันจนวินาทีสุดท้าย แต่ก็มีบางอย่างที่เหมือนวิญญาณนั้นต้องการจะบอกอะไรก็ไม่อาจทราบให้ตัวละครที่ไมค์แสดงได้รู้

 

ฮาชิมะ โปรเจกต์

พอถึงจุดพีคเท่านั้นแหละ อึ้งไปตาม ๆ กัน เพราะนอกจากความแค้นที่มีต่อทุกคนแล้ว การรอคอยก็นำพาให้คนหนึ่งได้กลับมาตามสัญญาอีกครั้ง ทว่าน่าเสียดายที่เราอาจคาดหวังให้ฉากที่ประเทศญี่ปุ่นมีมากกว่านี้ เพราะเอาจริง ๆ ตัวเรื่องหลักมันเกี่ยวกับฮาชิมะ หากทำให้เรื่องราวการตามล่าของวิญญาณดำเนินอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นหลักเลยก็จะเข้ากับโลเคชั่นและตัวพล็อตหนังมากกว่านี้ แถมยังมีปมในอดีตของคนรักผีสาวญี่ปุ่นที่น่าจะเฉลยให้เรารู้สักหน่อยว่าเหตุใดเขาจึงไม่กลับมา จะทำให้เรื่องดูสมเหตุสมผลมากกว่านี้

เรื่องราวของคนที่ชอบลองของ ชอบท้าทายในเรื่องของสิ่งที่เรามองไม่เห็นอย่างวิญญาณนี่ก็ยังมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมรายการต่างๆที่เกี่ยวกับผีถึงยังไม่หมดไปจากยุคเราสักที อาจจะด้วยความที่คนเราชอบอะไรที่มันน่าตื่นเต้นแบบนี้ด้วยแหละ อีกทั้งประเทศไทยเราเองกลุ่มชนบางกลุ่มก็ยังมีการไหว้ผี หรือเลี้ยงผีอยู่จนถึงปัจจุบันนั่นเอง และสำหรับวันนี้เราจะพาทุกคนมาดู รีวิว ฮาชิมะ โปรเจกต์ ไม่เชื่อ ต้องลบหลู่ อีกหนึ่งหนังผีของไทย ที่บอกเล่าเรื่องราวในมุมมองของผู้ผลิตที่ต้องผลิตคลิปมาให้พวกเราทุกคนรับชมกันนั่นเอง

 

 

เรื่องราวของกลุ่มเพื่อนทั้งหมด 5 คนที่เพิ่งเรียนจบภาพยนตร์มา ซึ่งประกอบไปด้วย “อ๊อฟ” (รับบทโดย อเล็กซ์ เรนเดลล์) , “นิก” (รับบทโดย ไมค์ พิรัชต์) , “แนน” (รับบทโดย อภิญญา สกุลเจริญสุข) , “เมย์” (รับบทโดย สุชาร์ มานะยิ่ง) และ “ด็อก” (รับบทโดย เมฆ เมฆวัฒนา) พวกเขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่มั่นใจในตัวเองและไม่เชื่อเรื่องราวงมงายใดๆทั้งสิ้น พวกเขาพยายามถ่ายทำและนำผลงานไปนำเสนอตามค่ายหนังต่างๆ แต่ทุกที่ก็ตอบกลับมาเพียงว่า “จะติดต่อกลับ” เพียงเท่านั้นเอง พวกเขาจึงตัดสินใจนำคลิปผี CG ที่พวกเขาทำขึ้นมาอัพเดตลง Youtube และนั่นทำให้คลิปผีของพวกเขาประสบความสำเร็จจนมีแฟนคลับคอยติดตาม ดูหนังฟรี

หลังจากนั้นได้มีโปรดิวเซอร์รายการโกสต์แลนด์ รายการที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการพาไปค้นหาเรื่องราวลึกลับติดต่อมาที่พวกเขา เพื่อให้ไปถ่ายรายการผีที่ฮาชิมะ เกาะร้างที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความน่ากลัวเป็นอันดับต้นๆของโลกเลยทีเดียว ด้วยความที่พวกเขาไม่เชื่อในเรื่องราวผีสางหรือวิญญาณใดๆเลย พวกเขาจึงตกปากรับคำทำงานนี้ และสนุกสนานกันจนเลยเถิดไปถึงขั้นลบหลู่สถานที่แห่งนี้ มันจึงส่งผลให้พวกเขาต้องเจอเรื่องราวที่น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ

 

 

ต้องเรียกได้ว่า หนังเรื่องนี้ใช้การเล่าเรื่องได้น่าสนใจมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน หรือแม้แต่เซอร์ไพส์ในตอนจบ อีกทั้งทางผู้กำกับของมีการเล่นกับบรรยากาศของเรื่องชวนให้เราหลอนตามได้เลย คือแอดว่าทุกอย่างของเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นงานฉาก เนื้อเรื่อง นักแสดง ทุกอย่างคือสามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่สถานที่มันเป็นประเทศญี่ปุ่น

ผีของเรื่องก็ต้องเป็นผีญี่ปุ่นถูกไหม? และด้วยความที่มันเป็นผีญี่ปุ่นที่มีการเล่าเรื่องผ่านหนังไทย แอดก็เลยว่ามันยังไม่สุดเท่าไร ผียังไม่ค่อยมีความน่ากลัวมากนัก หากใครที่งงว่าผีญี่ปุ่นมันเป็นยังไงกันนะ ให้ทุกคนลองนึกภาพของผีอย่างจูออนดูสิ เป็นแบบนั้นเลย