รีวิว เมนอินแบล็ค 3

 

 

รีวิว หนังใหม่ netflix Men in Black: International ชุดดำเที่ยวรอบโลกล่าเอเลี่ยน

คราวนี้กลายเป็น เอ็มไอบี หน่วยจารชนสากลพิทักษ์โลก หนังใช้โลเกชั่นหลายเมือง แต่คาดเดาง่าย ใช้สูตรที่คุ้นเคย

หนังที่เคยโด่งดังในอดีต ภาคแรกสร้างขึ้นเมื่อปี 1997 ก่อนตามติดมาด้วยภาคสอง (ปี 2002) และสาม (ปี 2012) จะเห็นว่าเป็นหนังที่สร้างแต่ละภาคค่อนข้างห่างกันพอควร บัดนี้ก็คงจะได้เวลาของพวกเขาแล้วที่จะกลับมาอีกครั้ง คราวนี้ตั้งชื่อให้ว่า Men in Black: International หรือชื่อไทย เอ็มไอบี หน่วยจารชนสากลพิทักษ์โลก สยายปีกไปทั่วโลก

มันคือเรื่องราวของหน่วยสายลับที่ไม่ได้ทำหน้าที่สืบคดีมนุษย์ธรรมดา แต่เน้นสืบและแก้ไขคดีที่เกี่ยวมนุษย์ต่างดาวเท่านั้น สร้างโลกที่มีแต่มนุษย์ต่างดาวมาเยือนและอาศัยร่วมโลกกับมนุษย์อย่างเราๆ ยั้วเยี้ยไปหมด

 

รีวิว เมนอินแบล็ค 3

 

เรื่องย่อหนัง ‘Men In Black: International’

หลังจากเจอะเจอพวกเขาทั้งสองใน ‘Thor: Ragnarok’ และอภิมหาภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ ‘Avengers: Endgame’ กันไปหมาดๆ พวกเขา Tessa Thompson และ Chris Hemsworth ก็กลับมาเจอกันอีกครั้ง ในฐานะ เอเจนต์เอ็ม และเอเจนต์เอช ประสานมือกันปราบเอเลี่ยนวายร้ายในสังกัดหน่วยจารชนพิทักษ์โลก ‘Men In Black’ ที่คราวนี้ตามไล่ล่าไปยังหลากหลายที่บนโลก

ในหนนี้ พวกมีเจ้านายใหญ่เป็น ไฮที (Liam Neeson จากหนังมากมายหลายเรื่องโดยเฉพาะ ‘A Monster Calls’, ‘Taken 3’ และ ‘Non-Stop’ ) ผู้ซึ่งสั่งให้ทั้งคู่ไปจัดการปัญหาที่ลอนดอน ส่วนผู้กำกับภาคนี้ คือ F. Gary Gray เขาคือผู้กำกับหนัง ‘The Fate of the Furious’ นั่นแหละครับ เพราะถ้าคุณชอบเรื่องนั้น เรื่องนี้ก็น่าจะมีโอกาสโดนใจคุณบ้าง ยังคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ที่เราได้พบและรู้จักกับหนังไซไฟสไตล์เท่แต่ชวนหัวเรื่องหนึ่ง มือปราบเอเลี่ยน สวมสูทชุดดำใส่แว่น พกปืนรูปร่างประหลาดสีเงินๆ และพกแท่งประหลาดที่ฉายแสงลบความจำคนได้

 

รีวิว เมนอินแบล็ค 3

 

บัดนี้ มันกลับมาแล้ว กับผู้กำกับฯ คนใหม่ นักแสดงชุดใหม่ องค์กรที่ลับสุดยอดแต่ก็ดูเหมือนจะมีคนล่วงรู้ และคนๆ นั้นคือนางเอก เธอคือ มอลลี่ ผู้ที่วันหนึ่งกลายมาเป็น เอเจนต์เอ็ม หลังได้ร่วมงานกันมาหลายภาคจากการเป็นส่วนหนึ่งในทีมอเวนเจอร์ส ทำให้ดูเหมือนพระนางคู่นี้จะมีเคมีที่เข้าคู่กันได้ดีเป็นพิเศษ แม้ว่าจะเพิ่งเจอพวกเขาไปจากหนังเรื่องก่อนหน้าไม่นาน แต่การรับส่งที่ดูจะไหลลื่นก็ทำให้หนังดูเพลินตาดีไม่หยอก ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว เมนอินแบล็ค 3

บทมีความพลิกผัน แต่คาดเดาได้ง่าย

สิ่งที่ทำให้ ‘เอ็มไอบี หน่วยจารชนสากลพิทักษ์โลก’ ก็เพราะมันมีความว่า “สากล” นี่แหละ เพราะหนังภาคนี้จะพาเราบุกตะลุยไปตามล่าหาเอเลี่ยนจากหลายมุมบนโลกใบนี้ มิได้เน้นแต่เฉพาะอเมริกาอีกแล้ว เป็นหนังที่ปูไว้แต่เริ่มแรก ก่อนจะหันไปเล่าเรื่องช่วงต่อ และหยิบที่เคยเล่าไว้มาใช้ต่ออีกครั้ง พลิกผันแต่ใช่จะคาดเดามิได้ เชื่อว่าหลายคนอาจจะเดาถูกตั้งแต่เริ่มว่าหนังจะจบแบบไหน ด้วยวิธีการเขียนบทที่ถูกใช้ในหนังหลายเรื่อง และอาจจะดูเหมือนว่า หนังเรื่องไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่ใช่ครับ เพราะว่ามันยังมี

ช่วงแอ็กชั่นคือความสนุกของหนังเรื่องนี้

เอเจนต์เอชมีความเป็นสายลับจอมจ้อคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะจ้อไม่หยุดแต่มุกกลับยิงไม่เข้าเป้าสักเท่าไร บางหนชวนขำได้ดี โดยเฉพาะมุกที่เล่นกับคาแรกเตอร์ตัวเองในหนังเรื่องอื่น แต่หลายครั้งก็แป้กไม่เป็นท่า

 

รีวิว เมนอินแบล็ค 3

 

เมื่อไรก็ตามที่หนังเดินมาถึงจุดที่เหลือแต่ภาพของการต่อสู้ ยิง วิ่งไล่ ห้อยโหนเสี่ยงตาย ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่สนุกลุ้นไปกับหนังมาก ซีจีอาจจะไม่ได้ถึงขึ้นเนียนกริ๊บเมื่อรับชมด้วยจอภาพใหญ่แบบ IMAX แต่เป็นช่วงที่ไม่ต้องสมองประมวลผลการสนทนา ยิ่งแอ็กชั่นช่วงท้ายคือ ลุ้นยาวๆ ไปเลย

หลังเกิดเหตุไม่ชอบมาพากลที่ลอนดอน เอเจนต์โอ (เอ็มมา ธอสป์สัน) จึงส่งเอเจนต์ เอ็ม (เทสซ่า ธอมป์สัน) เอเจนต์ฝึกหัดไปร่วมงานกับ เอเจนต์ เอช (คริส แฮมเวิร์ธ) อดีตตำนานนักปราบเอเลี่ยนมือพระกาฬที่กลายเป็นคนไร้ประสิทธิภาพ ทั้งคู่ต้องหาหนอนบ่อนไส้ในเอ็มไอบีที่เกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธมหาประลัยให้ได้ก่อนโลกจะเผชิญหน้าหายนะจากต่างดาว

การเปลี่ยนมือผู้กำกับจากแบรี ซอนเนนเฟลด์มาเป็น เอฟ แกรี่ เกรย์ ผู้กำกับหนังแอ็คชั่นสุดเดือดที่เพิ่งคัมแบ็คกลับมางานชุกหลังความสำเร็จของ Fast and Furious 8 (2017) ซึ่งหากมองในส่วนงานกำกับฉากแอ็คชั่นและฉากตลกต่างๆ ก็ต้องถือว่าเขาทำหน้าที่ตัวเองได้อย่างช่ำชอง เพราะเราจะไม่รู้สึกเลยว่ามีฉากไหนที่อืดอาด ยืดยาด ทุกอย่างดูรวดเร็ว กระทัดรัดไปหมด ซึ่งในแง่ดีก็คือหนังมันเหมาะกับการรับรู้ของคนดูยุคปัจจุบันที่ไม่ต้องการให้มีฉากดราม่า หรือ บทสนทนายาวๆ หากต้องการดูหนังหวังบันเทิงสักเรื่อง ดังนั้นสิ่งที่หนังยอมแลกคือการปูดราม่าและสร้างปฏิสัมพันธ์ตัวละครที่ดูกะพร่องกะแพร่งอย่างชัดเจน

 

 

สิ่งที่ทำให้ MIB ไตรภาคแรกของซอนเนนเฟลด์ อยู่ในความทรงจำคนดูคงหนีไม่พ้น ความสัมพันธ์แบบกึ่งพ่อลูกระหว่าง เอเจนต์ เจ กับ เค ของ วิล สมิธิและ ทอมมี ลี โจนส์ ผสมผสานมุกจิกกัด หยอกกันตลกๆ ที่ช่วยสร้างความผูกพันระหว่างคนดูกับตัวละคร แต่สำหรับ MIB International สิ่งที่หนังเลือกให้คนดูเห็นกลับมีแค่ บทพูดประชดประชัน แบบหมาหยอกไก่ ของ เอ็ม และ เอช ซึ่งไม่ได้ช่วยให้เราเข้าใจตัวตนของตัวละครนัก

เรียกได้ว่าคาแรกเตอร์ของทั้งคู่ตั้งแต่ต้นเรื่องยันท้ายเรื่องไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยเราจะได้รับรู้แค่ว่า เอเจนต์เอชคือชายหนุ่มเจ้าสำราญที่แอบคล้ายเจมส์ บอนด์เข้าไปทุกที เขาไม่มีความรับผิดชอบ เป็นคนเจ้าชู้ และมักประมาทเลิ่นเล่ออยู่เสมอแต่กลับมีไหวพริบเอาตัวรอด ส่วนเอเจนต์เอ็มก็เป็นผู้หญิงแกร่ง ฉลาด และหมกมุ่นกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวเพราะในวัยเด็กเคยช่วยเอเลี่ยนไว้

 

 

แถมยังรอดจากการถูกลบความทรงจำด้วยเครื่องนูทรัลไลเซอร์ แต่สิ่งที่คนดูจะไม่ได้รู้จากหนังทั้งเรื่องคือทั้งคู่เรียนรู้อะไรจากการทำงานในองค์กรลับอย่างเอ็มไอบี แม้จะมีเหตุการณ์ตอนท้ายที่น่าจะสั่นสะเทือนความเชื่อมั่นต่อองค์กรก็ตาม  แต่หากมองในแง่ดีก็ถือว่าหนังเซอร์วิสคนดูกลุ่มสาวๆ ที่ต้องการพาร์ตโรแมนติกพ่วงด้วยซิกแพ็คงามๆ ของคริส แฮมเวิร์ธที่รับรองว่าแซ่บลึ่มแน่นอน ซึ่งก็ถือเป็นโอเอซิสอันชุ่มฉ่ำท่ามกลางฉากแอ็คชั่นที่อัดมาแทบทุก 5 นาทีให้สาวๆพอชื่นใจได้บ้าง

และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากภาคก่อนๆสำหรับเอเลี่ยน คือการพยายามดีไซน์คาแรกเตอร์เอเลี่ยนน่ารักๆ มาขโมยซีน (บางตัวนี่นึกว่าหลุดมาจากโปเกม่อนแหนะ 555) ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่ามันดูตามขนบหนังสมัยใหม่ที่พยายามสร้างคาแรกเตอร์น่ารักหวังให้มันดังแล้วขายสิทธิ์ผลิตสินค้าจากหนังมากไปหน่อย ในขณะที่ เอ็มไอบี ภาคก่อนๆ เอเลี่ยนคือเอเลี่ยน น่าเกลียดน่ากลัวแต่ตลกด้วยบทที่หนังวางมาสร้างความบันเทิงได้มากกว่า แถมดูไปดูมาภาค International กลับขาดเอเลี่ยนที่มีบทเด่นเหมือนหนัง เอ็มไอบี ภาคก่อนๆ ตรงกันข้ามมันกลับเพิ่มปริมาณเอเลี่ยนที่มาเดินผ่านจอแต่แทบไม่มีตัวไหนมีบทบาทเป็นเนื้อเป็นหนังอย่างแท้จริงเท่าใดนัก

 

 

ส่วนคู่ขวัญแห่งมาร์เวลอย่าง คริส แฮมเวิร์ธ และ เทสซ่า ธอมป์สัน ไปๆ มาๆ พอยิ่งหนังพยายามจะเล่นบทหมาหยอกไก่กับตัวละครทั้งคู่ เลยกลายเป็นการพยายามเซอร์วิสแฟนมาร์เวลที่จิ้นทั้งคู่จาก THOR RAGNAROK มากกว่าจะเล่าเนื้อหาที่เป็น เอ็มไอบี จริงๆ ดังนั้นตลอดทั้งเรื่องเลยกลายเป็นเรากำลังดู ธอร์ กับ วัลคิรี มาขิงปนยั่วเสน่ห์ใส่กันมากกว่ามาถกเรื่องความลับจักรวาลหรือวางแผนทลายเอเลี่ยนศัตรูของโลก

ซึ่งหากถามว่าเคมีการแสดงของทั้งคู่ดีมั้ยก็ต้องตอบเลยว่าเคมีดีมากเข้ากันไม่ต่างจากหนังธอร์ที่ผ่านมา โดยส่วนตัวเสียดายที่สุดคือคาแรกเตอร์ของเทสซ่า ธอมป์สัน ที่น่าจะมีเนื้อมีหนังกว่านี้โดยเฉพาะเหตุการณ์ฝังใจของเอเจนต์เอ็มที่อุตส่าห์ปูว่าเธอต้องพบจิตแพทย์หลังได้เจอเอเลี่ยนในวัยเด็ก แต่หนังก็เลือกเล่าผ่านๆ ไม่ได้จับจุดนี้มาขยายต่อหรือสร้างอุปสรรคให้กับตัวละครแต่อย่างใด ส่วนคริส แฮมเวิร์ธ ส่วนตัวค่อนข้างมีปัญหากับคาแรกเตอร์พูดเร็ว แถมมึมมัมเหมือนพูดในลำคอทั้งเรื่องของเขา แม้หนังมาเฉลยปมที่ทำให้ตัวละครเป็นแบบนี่ในตอนท้ายแต่เรากลับรู้สึกรำคาญไปก่อนเสียแล้วนี่สิ ดูหนังฟรี

สรุปแล้วนี่คือหนังเพื่อคนหวังบันเทิงแบบไม่คิดอะไรมาก ได้เข้ามาดูฉากแอ็คชั่นมันๆ หรือมาดูชาวแอสการ์ดใส่สูทดำล่าเอเลี่ยนพร้อมเคมีชวนจิ้นก็นับเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยล่ะ

 

เมนอินแบล็ค 3

รีวิว Men in Black: International หน่วยจารชนสากลพิทักษ์โลก

สิ้นสุดการรอคอยเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ Men in Black: International หรือในชื่อไทย หน่วยจารชนสากลพิทักษ์โลก ภาพยนตร์แอคชั่นไซไฟผจญภัยผลงานการกำกับของ เอฟ แกรี เกรย์ (F. Gary Gray) หลังเคยฝากฝีมือสุดเฟี้ยวไว้ใน The Fate of the Furious (2017) ซึ่งในเรื่องนี้ยังได้คู่จิ้นนักแสดงจากจักรวาลมาร์เวล คริส เฮมส์เวิร์ธ (Chris Hemsworth) และ เทสซา ธอมป์สัน (Tessa Thompson) มาเป็นคู่หูกันอีกครั้งในการปราบเอเลี่ยนครั้งนี้

Men in Black: International หน่วยจารชนสากลพิทักษ์โลก ว่าด้วยเรื่องราวของ มอลลี ผู้มีความเชื่อว่าเอเลี่ยนมีจริงที่พยายามค้นหาพวกมันและได้เข้าไปอยู่ในหน่วย MIB กลายเป็น เอเจนท์เอ็ม คู่หูของ เอเจนท์เอช หนุ่มหล่อมากความสามารถของหน่วย ทั้งคู่ได้ร่วมผจญภัยตามหนอนบ่อนไส้ในองค์กรของพวกเขา เว็บดูหนังฟรี

 

 

แม้ว่าในเรื่องราวของ Men in Black: International จะไม่ได้ถือว่าเป็นภาคต่อจาก MIB สามภาคก่อนหน้านี้ แต่หนังก็ยังคงกลิ่นไอของหน่วยจารชนชุดดำอย่างชัดเจน ซึ่งความแตกต่างนอกเหนือจากการตามล่าหาเอเลี่ยนในนิวยอร์กแล้ว ในเรื่องนี้ยังได้มาเยือนยุโรป ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส รวมไปถึงการมีเอเจนท์เป็นผู้หญิง โดยหนังมีการจิกกัดประเด็นนี้ตามตัวละครหลักเรียกว่าพอได้ขำในลำคอพอสมควร

หากคิดจะเอาความสนุกในเรื่องนี้ไปเปรียบเทียบ 3 ภาคก่อนหน้านี้ก็คงเทียบไม่ติด เพราะแน่นอนว่ามันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เสน่ห์หลายๆ อย่างของหนังมันหายไป แต่ก็ทดแทนด้วยเคมีทางการแสดงของสองนักแสดงนำ คริส เฮมส์เวิร์ธ และ เทสซา ธอมป์สัน ที่ดูแล้วเข้าขากันดี อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มพลังความจิ้นให้แฟนๆ จาก Thor ได้ฟินกันต่ออีกด้วย ต้องยอมรับกันตามตรงว่าเมื่อได้มาเห็นหนุ่มคริสในบทบาทนี้มันช่างดีต่อใจเหลือเกิน ทั้งตลก เท่ สมาร์ท และมีเสน่ห์สุดๆ ส่วนเทสซานั้นก็ถือว่าเป็นตัวละครที่ฉลาดมาก

 

 

ในส่วนของการดำเนินเรื่องก็ไม่ได้มีความซับซ้อนอย่างที่คิด เพราะเราก็สามารถเดาทางได้ไม่ยาก หลายๆ ฉาก หลายๆ ตอนก็แอบเชยเสียด้วยซ้ำ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าดูได้แบบเพลินๆ นอกจากเคมีของนักแสดงที่โดยส่วนค่อนข้างชอบแล้ว บรรดาเอเลี่ยนทั้งหลายที่ออกมาก็แย่งซีนสุดๆ โดยเฉพาะเจ้าเบี้ยหมากรุก พอว์นนี ที่สร้างคาแรคเตอร์ออกมาได้กวน ฮา และน่ารักมาก เจอเจ้านี่พูดออกมาทีไรก็อดหัวเราะปนเอ็นดูไม่ได้เลย

ส่วนทางด้านอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือในการปราบเอเลี่ยนในครั้งนี้ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ความพิเศษให้ตื่นตาเท่าที่หวังไว้ เพราะอุปกรณ์ทั้งหมดนั้นถ้าดูจากตัวอย่างมันก็มีแค่นั้นเอง แต่ยังดีที่หนังยังหยิบเอาฉากจำจากสามภาคที่แล้วมาไว้ใน Men in Black: International ด้วย ส่วนจะเป็นฉากไหนก็ต้องไปรอดูเอา แต่อย่างที่บอกไม่ควรคาดหวังอะไรมาก แค่ถือว่าไปดูเอาความเพลิดเพลินก็พอ ส่วนภาคต่อนั้นคาดว่าอาจจะมีก็เป็นได้หากหนังทำรายได้เข้าเป้าซึ่งดูทรงแล้วคงเดากันไม่ยาก เว็บดูหนัง