รีวิว แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก

 

 

นี่คือ หนังใหม่ แอ็กชันไซไฟที่ดูแล้วถูกใจมากครับ เหมือนได้ย้อนไปเป็นเด็กอีกครั้ง สมัยยังสนุกกับพวกซีรี่ส์ขบวนการห้าสีที่ชอบเรียกหุ่นมาตีกับสัตว์ประหลาดในนาทีสุดท้าย (สมัยนั้นก็สงสัยว่าทำไมไม่เรียกหุ่นมากระทืบสัตว์ประหลาดตั้งแต่ตอนมันยังตัวเล็กๆ อยู่ล่ะ เมืองจะได้ไม่ต้องพัง 555)

เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนครับ ว่าด้วยโลกอนาคตที่มีสัตว์ประหลาดผุดขึ้นมาทำลายความสงบ มนุษย์ก็ตั้งชื่อให้พวกมันว่า “ไคจู” ก่อนจะสร้างหุ่นยนต์ขนาดยักษ์มาสู้กับมัน โดยตั้งชื่อเหล่าหุ่นว่า “เยเกอร์” แต่ทีนี้เจ้าพวกไคจูมันร้ายขึ้นเรื่อยๆ จนเหล่าเยเกอร์โดนพวกมันเล่นงานยับเยิน ขณะเดียวกันเหล่านักวิจัยก็ต้องหาคำตอบว่าพวกมันมาจากไหน เพื่อจะได้หาทางหยุดยั้งไม่ให้มันกำเนิดขึ้นมาเดินถล่มโลกอีกต่อไป ว่าแบบไม่อ้อมค้อมว่าชอบครับ ถ้าถามว่าชอบอะไรก็ร่ายได้ง่ายๆ ดังนี้

 

รีวิว แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก

 

Effect เด็ดครับ เยี่ยมทั้งหุ่นทั้งไคจู ทำได้เนียนมาก สมจริง และสำหรับไคจูแล้วได้ความ “สวยแบบอาร์ทๆ” พ่วงเข้าไปด้วย แอ็กชันตีกันมันส์ ตื่นเต้น มีลุ้น แม้การออกหมัดซัดกันจะไม่ได้สปีดด่วนเท่า Transformers แต่ผมว่าเพราะมันช้าแบบพอดีๆ จนเราดูรู้เรื่องนี่แหละ ที่ทำให้เราสนุกไปกับมัน (คือดูทันว่ามันตีกันด้วยกระบวนอะไร ไม่ได้ไวจนงง )

สอดแทรกปมดราม่าลงมาพอเหมาะ ทั้งปมของพระเอก (Charlie Hunnam) นางเอก (Rinko Kikuchi) โดยเฉพาะรายหลังนี่ปมของเธอสามารถสร้างได้ทั้งอารมณ์ดราม่าและความตื่นเต้นลุ้นระทึกให้กับหนัง สีสันจัดจ้าน สวยงามสุดๆ ไม่ว่าจะสีสันของเมืองหรือสีสันของไคจู มันดูศิลป์ถึงใจ ดูเพลินตาเสียนี่กระไร ยิ่งตอนตีกันในเมืองนี่ แสงสีมันตัดกันได้งามจริงๆ เรียกว่าได้ดูหนังแอ็กชันมันส์ๆ แล้วยังได้อารมณ์เหมือนดูงานแสดงแสงสีช่วงเทศกาลเป็นของแถมด้วย

 

รีวิว แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก

 

บทสมทบดูแล้วจำได้ ไม่ว่าจะหัวหน้าสเเต็กเกอร์ (Idris Elba) ที่ดูเหมาะมากกับบทผู้นำคนในยามวิกฤติ ตามด้วย ดร. นิวตัน (Charlie Day) และก็อทลีบ (Burn Gorman) ที่วันดีคืนดีก็กัดกัน แต่พอถึงตอนต้องร่วมมือกันก็ช่วยกันแบบเต็มที่ และที่ลืมไม่ได้คือ Ron Perlman ดาราขาประจำของผู้กำกับเรื่องนี้ ในบทฮันนิบาล เชา ที่เล่นได้ลื่นตามเคย เว็บหนังฟรี

 

รีวิว แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก

หนังเรื่องนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ต้องว่าอะไรมากมายครับ เพราะของเขาดี ของเขาสนุก ถ้าคุณชอบหนังแนวนี้รับรองคุณจะฟินกับมันได้ไม่ยาก ขอยกนิ้วให้ Guillermo del Toro เลยครับ ทำออกมาได้สนุกมันส์ และหนังยังแอบมีลายเซ็นต์พี่แกอยู่เพียบ นอกจาก Perlman แล้ว ดูจากรูปลักษณ์ของไคจูบางตัวก็พอเดาได้ครับว่ามาจากพี่ Guillermo ออกไอเดียแน่นอน (เพราะมันคล้ายกับเจ้าตัวรุกขเทพใน Hellboy II เหลือเกิน)

รีวิว Pacific Rim: The Black – สงครามอสูรเหล็ก สมรภูมิมืด แม้ว่า Pacific Rim ทั้ง 2 ภาค (2013-2018) ที่สร้างโดย Legendary Pictures สตูดิโอผู้สร้างเดียวกันกับ Godzilla vs. Kong จะได้รับคำชมจากภาคแรกไปพอสมควร แต่รายได้ของทั้ง 2 ภาคก็ยังไม่เข้าเป้าขนาดจะสร้างภาคต่อมาได้ แต่ Netflix สตรีมมิงเจ้าใหญ่ ได้เล็งเห็นโอกาสนั้น และลงทุนสานต่อเรื่องราวในจักรวาล Pacific Rim ต่อมาในรูปแบบแอนิเมชันเพื่อลงสตรีมมิง เว็บดูหนังฟรี

 

รีวิว แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก

 

เรื่องย่อ

แอนิเมชันนี้ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ เนื้อเรื่องเราจะได้พบกับการต่อสู้ของหุ่นยนต์เยเกอร์กับไคจู เรื่องมีอยู่ว่าคู่พี่น้องเทยเลอร์กับเฮย์ลีย์ ทั้งสองอพยพออกจากเมืองที่ตอนนั้นถูกคุกคามโดยไคจู พ่อแม่ของทั้งสองได้พาไปหลบซ่อนอยู่ในหุบเขากับคนอื่นๆ และพวกเขาก็ออกไปขอความช่วยเหลือ เวลาผ่านไป 5 ปี พ่อแม่ของพวกเขาก็ยังไม่กลับมา ระหว่างนั้นเฮย์ลีย์ได้ค้นพบหุ่นยนต์เยเกอร์ฝึกหัด นี่อาจจะเป็นหนทางเดียวที่พวกเขาจะได้ตามหาและได้พบกับพ่อแม่อีกครั้งหนึ่ง

หากพูดถึงภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นไซไฟ เชื่อว่าไม่มีใครคงไม่รู้จัก Pacific Rim เรื่องราวของการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของมนุษย์โลกระหว่างหุ่นยนต์ยักษ์นามว่า “เยเกอร์” กับสัตว์ประหลาดที่ต้องการยึดครองโลกนามว่า “ไคจู”

ในปัจจุบันได้ผลิตออกมาเป็นภาพยนตร์แล้ว จำนวน 2 ภาคด้วยกัน ซึ่งภาคล่าสุดฉายในปี 2018 ที่ผ่านมา การกลับมาในครั้งนี้คงทำให้แฟนๆ หนังเรื่องนี้ได้หายคิดถึงกัน โดยที่นำมาทำเป็นแอนิเมชันดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ ซึ่งขณะนี้กำลังฉายอยู่บน Netflix ด้วยความปังขนาดนี้ทำให้ติด TOP 1 ใน 10 ไปแล้วในหลายประเทศ

 

 

เนื่อเรื่อง

อนิเมะที่ต่อยอดจากหนังแปซิฟิคริมมาเป็นภาคแยกเส้นเรื่องใหม่ โดยมีเรื่องราวเชื่อมโยงกับภาคแรกปะปนอยู่ (ยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาค 2) เมื่อฝูงไคจูปรากฎตัวอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นออสเตรเลีย และรอยแยกปรากฎบนผิวดินแทนใต้ทะเล

พี่น้องเทย์เลอร์และเฮย์ลี เด็กน้อยที่มีพ่อกับแม่เป็นนักขับเยเกอร์ที่ออกไปต่อสู้กับไคจูแล้วไม่กลับมา จนเวลาผ่านไปพวกเขาเติบโตขึ้นและบังเอิญได้พบกับหุ่นเยเกอร์สำหรับฝึกหัดที่ถูกทิ้งไว้ในฐานแห่งหนึ่ง พวกเขาจึงขับเยเกอร์ออกเดินทางตามหาพ่อแม่ที่หายสาบสูญไป ต้องบอกว่าที่อเนิเมะเว็บหนัง HDแปซิฟิคริมเรื่องนี้ถูกนำมาสร้างได้อีกครั้ง หลังจากหนังภาคสองที่ได้ทุนจากจีนมาช่วยถือว่าล้มเหลว ทำรายได้ไปเพียง 290 ล้านทั่วโลกจากทุนสร้างเกิน 150 ล้าน และเชื่อว่าแฟนแปซิฟิกริมเองก็ไม่ได้อยากจะจดจำภาคสองไว้เลยด้วย

เพราะนอกจากจะขาดเสน่ห์ในแบบภาคแรกที่มีหลายอย่าง ตัวละครหลักในภาคแรกก็ถูกตัดหายหรือนำมาฆ่าทิ้งกันง่ายๆ จนแทบไม่เหลืออะไรดีงามในภาค 2 เลย แต่ทุกคนก็ยังอยากดูเรื่องราวของไคจูกับเยเกอร์อยู่อีกจากเสน่ห์กลิ่นอายของภาคแรกที่ทำออกมาได้ดีจริงๆ ดังนั้นในอนิเมะเรื่องนี้จึงพยายามจะนำสิ่งเหล่านั้นกลับมา พร้อมทั้งเชื่อมต่อเรื่องราวหากันโดยตรงอีกด้วย

 

 

เรื่องราวในภาคนี้ตอนแรกไม่ได้มีบอกช่วงเวลาใดๆ เลย แต่เรารู้ว่าน่าจะเป็นช่วงหลังจากจบภาคแรก โดยไม่มีภาคสองมาเกี่ยวเพราะเทคโนโลยีในเรื่องยังเทียบเคียงพอๆ กับภาคแรกอยู่ ไคจูที่ปรากฎตัวในภาคนี้ก็อยู่ที่ระดับ 3-4 พอๆ กับภาคแรก (ภาคสองเว่อร์เกินไปหลายระดับมาก)

โดยเดินเรื่องผ่านการเดินทางไปเรื่อยๆ ของพี่น้องตัวเอกคู่นี้ โดยมีไคจูคู่ปรับระดับ 4 ตามราวีตลอดเรื่องเป็นช่วงๆ เหตุที่สู้กันไม่จบก็เพราะหุ่นที่พวกเขาใช้ไม่มีอาวุธ เลยต้องต่อยกันดุ้นๆ ทำให้ไคจูตัวนี้ไม่ตายสักที ฉากแอ็กชั่นจึงไม่ได้มีอะไรมาเร้ามากตามไปด้วย เรียกว่าดูแบบจืดๆ ไม่ได้สนุกมันส์อะไรมาก ดนตรีประกอบก็ไม่ได้นำที่ติดหูจากภาคแรกมาใช้ด้วย ซึ่งทำให้เสน่ห์ของเรื่องดั้งเดิมหดหายไปมากทีเดียว มีแค่ตอนประสานเข้ากับเยเกอร์ที่ยังพอทำให้รู้สึกแบบนั้นได้เท่านั้น

 

 

จุดเชื่อมโยงกับตัวละครนักขับเยเกอร์ภาคแรก

เมื่อถึงช่วงกลางเรื่องจะเผยให้เห็นจุดเชื่อมโยงกับตัวละครนักขับเยเกอร์ภาคแรก ซึ่งก็ถือว่าเป็นการเซอร์วิสแฟนๆ ได้นิดนึง เพราะเอาจริงๆ ก็แค่หยิบชื่อกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาใช้กับตัวละครใหม่ ว่ามีฝีมือถึงขั้นสูงเท่าตัวละครในภาคแรก แม้จะเป็นเด็กวัยรุ่นทั้งเรื่องตามสูตรอนิเมะญี่ปุ่นอันนี้เราไม่ว่ากัน เพราะเรื่องก็พยายามปูแล้วว่าตัวเอกเทย์เลอร์เป็นนักขับที่สอบผ่านการควบคุมมาแล้วสมัยที่พ่อแม่กับแม่ยังอยู่ แต่ยังไม่มีหุ่นเป็นของตัวเองเท่านั้น ส่วนน้องสาวเฮย์ลีก็อาศัยกฎที่ว่านักขับเยเกอร์สองคนต้องประสานซิงโครทางความทรงจำให้ได้ 100% ถึงจะขับ

พอเป็นพี่น้องกันก็เลยสามารถขับหุ่นเยเกอร์ได้เลย และในเรื่องนี้ก็มีคนอื่นที่ขับเยเกอร์ได้อีกปรากฎออกมา พร้อมกับนำเรื่องปมความทรงจำเจ็บปวดที่ซ่อนไว้แต่ต้องเปิดเผยให้คู่ขาขับหุ่นรู้มาใช้ตามแบบภาคแรก เว็บดูหนัง

 

แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก

จุดสำคัญเชื่อมโยงกับตอนจบภาคแรก

แต่เรื่องมีจุดสำคัญเชื่อมโยงกับตอนจบภาคแรกเพิ่มมาในตอนท้าย EP 6 (มี 7 EP จบซีซั่นแรก) ซึ่งจุดนี้เป็นอะไรที่ไม่เข้าท่ามาก จนทำให้เรื่องดูกลายเป็นสไตล์การ์ตูนญี่ปุ่นจ๋า แบบเด็กน้อยมีพลังลึกลับยิ่งใหญ่ กับหุ่นเยเกอร์ที่ได้อิทธิพลมาจากอีวานแกเลี่ยนโหมดคลั่งเต็มๆ ซึ่งมุกนี้มันเก่าแล้ว

และก็ทำให้เรื่องดูออกทะเลไปในทันที อีกทั้งยังเอาแนวทางเกมร็อคแมนเปลี่ยนแขนที่ขาดก็ได้อาวุธใหม่มาใช้อีก ซึ่งมันดูง่ายเกินไป แถมที่มาของอาวุธก็ออกจะตลกมาก เรียกว่าพอมาถึงจุดนี้เรื่องราวกลายเป็นแนวการ์ตูนญี่ปุ่นทั่วไปโม้แตกที่นึกอยากให้มีอะไรก็มีไปแล้ว และในตอนต่อมาหนังใหม่เต็มเรื่อง ก็เละเทะขึ้นไปอีกจริงๆ แบบกู่ไม่กลับ แม้จะมีฉากต่อสู้ไคลแม็กซ์กับไคจูตัวร้ายที่ตามมาตลอดที่คราวนี้พระเอกมีเยเกอร์ติดอาวุธแล้ว ซึ่งก็โอเคได้อารมณ์สนุกกว่าช่วงแรกที่ไม่มีอาวุธ แต่กลับมีตัวละครเว่อร์ๆ มาร่วมวงเพิ่มด้วยอีก

 

 

พร้อมกับเหตุผลในตอนจบที่ฟังแล้วส่ายหน้าจริงๆ เชื่อเลยว่าแปซิฟิกริมภาคนี้ถ้าทำต่อไปก็คงเละเทะไม่ต่างอะไรจากภาค 2 เป็นแน่แท้ (แต่ก็คงตามดูอยู่ดี) แต่ที่จริงเรื่องนี้ก็ส่อแววออกทะเลตั้งแต่ตอนแรกแล้วที่มีหมาไคจูปรากฎขึ้นมาไล่ตามตัวเอกในเมืองร้าง ให้ความรู้สึกเหมือนหมาใน Resident Evil แบบชัดเจน แต่ช่วงนั้นมีแค่สั้นๆ แล้วก็ไม่มีหมาพวกนี้โผล่มาอีกจนตอนจบถึงโผล่มาอีกครั้ง

งานสร้างแอนิเมชั่นเรื่องนี้อยู่ภายใต้สตูดิโอ Polygon Pictures ซึ่งก็มีผลงานจาก Godzilla: Planet of the Monsters (2017) ที่ทำเป็นไตรภาคลงโรง แอนิเมชั่นถือว่าไม่มีอะไรเสียหาย ดูลื่นไหลแบบอนิเมะ 3D ปกติ ไม่ใช่งานทุนต่ำ แต่งานออกแบบไคจูในเรื่องออกจะดูซ้ำๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ฝ่ายเยเกอร์มีหุ่นแค่ 2 ตัว แต่ยังไงดูแล้ว Netflix ก็คงตั้งเป้าให้เป็นแฟรนไชนส์อนิเมะใหม่ที่ดังไปทั่วโลก ซึ่งก็คงได้ทำต่อจนจบ แม้บทจะไม่ได้ดีมากก็ตามครับ (น่าจะเป็นไตรภาคจบแบบก็อดซิลล่าของสตูดิโอนี้)

 

 

สรุป

ความพยายามปลุกชีพแปซิฟิคริมกลับมาอีกครั้ง แต่มาในรูปอนิเมะ ซึ่งถ้าเป็นแฟนแปซิฟิคริมก็คงต้องดูต่อ (เพราะไม่มีหนังให้ดูแล้ว) อยู่ในเกณฑ์แค่พอดูได้ อย่าหวังอะไรมาก แต่ถ้าไม่ใช่แฟนก็ข้ามไปได้เลย เพราะเรื่องแม้จะพยายามเชื่อมต่อกับหนังภาคแรก แต่สุดท้ายก็กลายเป็นออกทะเลเลอะเทอะมากในตอนจบ เว็บหนัง