รีวิว Battle Los Angeles

 

 

รีวิวหนัง ‘Battle Los Angeles’

หนังเปิดตัวได้อย่างน่าตื่นเต้น กับภาพของโลกมนุษย์ที่กำลังถูกต่างดาวบุกยึดได้อย่างเกือบเบ็ดเสร็จ หากแต่ช่วงถัดมา หนังกลับทำได้แสนเนือย เหมือนพยายามมุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของตัวละครนาวิกโยธินทั้งหลาย เล่าไปพร้อมกับวิธีการถ่ายทำกึ่งแฮนด์เฮล คล้ายกับที่เราได้รู้จักจาก ‘Cloverfield’ และ ‘District 9’ แต่ครั้งนี้ เน้นไปที่ชีวิตและการต่อสู้กับเหล่ามนุษย์ต่างดาวของเหล่าทหาร Marine กับคู่ต่อสู้ที่มีจำนวนและยุทโธปกรณ์เหนือกว่ามาก หนังใหม่ netflix

หนังมีตอนหนึ่งที่ระบุชัดไปเลยว่า มนุษย์ต่างดาวก่อการนี้เพื่อทรัพยากร ระบุไปเลยว่า หากเป็นมนุษย์เอง คิดจะยึดพื้นที่ใครเพื่อเอาทรัพยากร ก็ย่อมต้องตัดรากถอนโคนให้สิ้นซาก ตกลงว่า กัดจิกชาติพันธุ์ตัวเองไปด้วยใช่มั้ยเนี่ย?

 

รีวิว Battle Los Angeles

 

หนังทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นในช่วงหลัง ที่คนดูจะได้ลุ้นตัวโก่งกับการต่อสู้ระหว่างกลุ่มทหารตัวจ้อยไม่กี่นาย กับเหล่ามนุษย์ต่างดาวที่ขนกันมาเต็มอัตราศึก สอดแทรกความคิดด้านบวกที่มีต่อทหารอเมริกันลงไปมากทีเดียว และมีแง่มุมดราม่าผสมลงไปอยู่หน่อยๆ เพื่อเติมแง่มุมให้กับหนัง พร้อมทั้งให้ผู้ชมได้พักเปลี่ยนอรรถรสหนังเป็นช่วงๆ มีบางจุดที่เหมือนถูกตัดข้ามไป จนดูผิดแปลก และแง่มุมเหตุผลบางอย่างที่ไม่ลงตัวนัก แต่ทุกอย่างก็ถูกมองข้ามไป เพราะเรามาดูฉากลุ้นฉากต่อสู้ และซีจีที่เนียนคมเสียมากกว่า

 

รีวิว Battle Los Angeles

 

น่าเสียดายที่กำลังลุ้นอย่างสนุก หนังกลับจบลงอย่างกระทันหัน ไม่ทันได้ตั้งตัว จนสงสัยว่า นี่มันใช่อย่างที่ชื่อหนัง เรื่องย่อหรือตัวอย่างวางไว้ให้เราคาดหวังอย่างนั้นหรือหากจะมีอีกช่วงให้คนดูสนุกลุ้นกับพื้นที่อันเป็นดังชื่อเรื่องว่าไว้ ก็คงจะลุ้นอิ่มเต็มพิกัดกันไม่น้อยเลยล่ะ

ในเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 2011 ได้มีกลุ่มของอุกบาตตกลงมายังมหาสุมทรของโลก ที่ใกล้กับชายฝั่งทะเล 20 แห่งของเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งอุกบาตนั่นได้ถูกพิสูจน์ว่ามันคือยานบินที่เต็มไปด้วย มนุษย์ต่างดาวที่ไม่เป็นมิตรกับมนุษย์ และพวกมันก็ได้เริ่มบุกเข้าไปยังเมืองต่างๆ ของโลก โดยหนึ่งในนั้นคือเมือง ลอสแองเจลิส (LA) ซึ่งในขณะที่ผู้คนในเมืองกำลังอพยพอยู่ ก็ได้มีเหล่าทหารนาวิกโยธินจาก แคมป์เพนเดิลตันก็ได้มาถึง ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว Battle Los Angeles

ซึ่งหนึ่งในทหารคือ จ่า “ไมเคิล นันทซ์” ที่ได้พึ่งเริ่มเกษียณได้่ไม่นานแต่ก็ถูกเรียกตัวมา และด้วยภายใต้คำสั่งของ ผู้หมวด “วิลเลียม มาร์ติเนซ” พวกเขาก็สามารถมายังฐานปฏิบัติการที่ได้ถูกสร้างขึ้นที่สนามบินของเมือง และหลังจากที่พวกเขาได้รู้ว่ากองทัพของมนุษย์ต่างดาวนั้นไม่มีกำลังเสริมทางอากาศ ทำให้กลุ่มกองทัพอากาศของมนุษย์จึงได้เตรียมตัวที่จะทำลายบริเวณของฐานนั่น เพื่อไม่มีพวกมนุษย์ต่างดาวเข้ามาได้

และกองร้อยของ “นันทซ์” จึงได้ถูกให้เวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมงในการนำตัวของพลเรือนจากสถานีกรมตำรวจลอสแองเจลิส มายังฐานทัพของทหาร ซึ่งทำให้การออกเดินทางของพวกเขาได้เริ่มต้นขึ้น และระหว่างนั้นพวกเขาก็ได้ถูกซุ่มโจมตีโดยมนุษย์ต่างดาว พร้อมกับเสียกำลังพลไปหลายคน แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกเสียจากการเดินทางต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าพวกเขาจะไปถึงยังสถานีตำรวจของเมือง

 

รีวิว Battle Los Angeles

 

โดยเมื่อกลุ่มของนาวิกโยธินได้มาถึงสถานีตำรวจ พวกเขาก็ได้พบกับพลเรือน 5 คน ซึ่งนั่นทำให้ภารกิจของพวกเขาใกล้ที่จะสำเร็จโดยได้มีเฮลิคอปเตอร์มารับพลเรือนและทหารบาดเจ็บ แต่เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นไม่สามารถรับน้ำหนักของทหารและพลเรือนไหว และในระหว่างการออกตัว มันก็ได้ถูกทำลายโดยหน่วยกองทัพอากาศของมนุษย์ต่างดาว และนั่นทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม

ทำให้ทางของผู้บัญชาการ จึงได้คิดที่จะใช้รถบัสเพื่อการเดินทางไปยังฐาน และระหว่างทางพวกเขาาก็ได้รู้ว่าหน่วยกองทัพอากาศของมนุษย์ต่างดาวนั้นจะเล็งเป้าหมายไปที่มนุษย์ที่ใช้คลื่นสัญญาณวิทยุ โดยพวกเขาสามารถที่จะไปยังศูนย์บัญชาการและควบคุมของมนุษย์ต่างดาว และทำลายมันเพื่อที่จะทำให้โดรนของมนุษย์ต่างดาวใช้ไม่ได้ โดยเมื่อรถบัสของพวกเขาได้ถูกโจมตี นั่นทำให้ “นันทซ์” กับทีมนาวิกโยธินของเขาต้องหาวิธีการจัดการกับมนุษย์ต่างดาวพวกนั้น ก่อนที่มันจะยึดครองโลกได้สำเร็จ

 

 

เป็นหนังที่ทำให้ผมงงตอนเข้าฉายครับ เพราะตอนนั้นทราบดีว่ามีหนังเรื่อง Battle Los Angeles ว่าด้วยมนุษย์ต่างดาวบุกโลก แล้วทหารภาคพื้นดินก็เข้าไปรบกับพวกมันเพื่อปกป้องประเทศ โดยมีสมรภูมิคือ แอล.เอ. ดูหนัง

แล้วสักพักบ้านเราก็มีหนังเรื่อง World Invasion: Battle Los Angeles แว่บแรกที่คิดคือ “นี่มันหนังตั้งชื่อเหมือนหนังดังๆ เพื่อหลอกคนดูหรือเปล่า” เพราะช่วงนั้นเจอเยอะมาก ทั้ง Transmopher, The Day The Earth Stopped ฯลฯ เจอเยอะจนหลอนครับ

 

 

พอมาสืบสาวก็ถึงรู้ว่ามันคือเรื่องเดียวกันนั่นแหละ เพียงแต่ผู้สร้างอยากเพิ่มสร้อยชื่อต้นเข้ามา เพื่อให้มันดึงดูดความสนใจคนมากขึ้น (แล้วหลังหนังฉายไม่นาน ก็มีหนังลอกชื่อเรื่องนี้โผล่ขึ้นมาจริงๆ โดยใช้นามว่า Battle of Los Angeles )

พล็อตหนังเรื่องนี้ก็ว่าง่ายๆ ครับ มีเอเลี่ยนมารุกรานโลก ทำให้เหล่าทหารหาญต้องปฏิบัติการรบกับพวกมัน โดยหนังจะโฟกัสไปที่หมู่ของจ่าไมเคิล แนทซ์ (Aaron Eckhart) กับลูกทีมที่ต้องงัดสารพัดอาวุธและยุทธวิธีมาจัดการกวาดล้างเอเลี่ยนให้สิ้น ซึ่งก็แน่นอนครับว่าต้องมีทั้งการยิงกันหูดับ ระเบิดถล่มกันตึกกระจาย ไหนจะการเสียสละของคนในทีม ภาพการปกป้องพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ระหว่างการต่อสู้ก็มีทั้งยามที่ได้เปรียบและเสียเปรียบ ว่าง่ายๆ คือเหมือนนั่งดูหนังสงครามนั่นแหละครับ เพียงแค่ข้าศึกของทหารคือเอเลี่ยนที่มีเทคโนโลยีไฮเทคกว่านั่นเอง

 

Battle Los Angeles

ผมว่าหนังก็ดูได้เพลินๆ นะครับ อาจไม่สมบูรณ์แบบและมีจุดพร่อง แต่ก็ยังให้ความบันเทิงกับเราได้ในด้านฉากแอ็กชันที่ทำให้มันส์พอสมควร มีช่วงลุ้นในหลายวาระ ไหนจะฉากระเบิดตูมตามเป็นระยะ และ Effect ก็เนี๊ยบใช้ได้

ด้านดราม่าหนังก็ยังสอดแทรกประเด็นลงมาเล็กๆ ให้พอได้สัมผัส ไม่ว่าจะเรื่องความเสียสละหรือความกล้าหาญ อันนี้ทำให้คิดได้เหมือนกันนะครับ ว่าโลกเรานั้นจริงๆ แล้วมีอาวุธลับที่คลาสสิกมากอยู่หลายประการ ซึ่งมันไม่ใช่อาวุธหนักหรืออาวุธที่มีไว้ฆ่าฟัน ทว่ามันคืออาวุธคู่ชีวิตมนุษย์ อย่างความกล้าหาญ ความเสียสละ ความห่วงใยเอื้ออาทร ความอดทน เหล่านี้ถือเป็นอาวุธชั้นดีที่ช่วยโลกทั้งใบได้ ไม่ว่าจะยามมีสงครามหรือยามสงบสุข ดูหนังออนไลน์

 

 

เป็นหนังที่ดูเอามันส์ได้เลยครับ จุดสำคัญคืออย่าคาดหวังมากจนเกินไปครับ บทมันไม่มีอะไรนักนอกจากเหล่าทหารรบกับเอเลี่ยน ซึ่งผู้กำกับ Jonathan Liebesman ก็เนรมิตฉากบู๊ได้น่าดูอยู่ครับ พี่คนนี้ผมว่าแกไม่เลวในการทำฉากแอ็กชั่นและฉากชวนระทึก แต่ถ้าเป็นเรื่องการกระตุ้นอารมณ์ร่วมคนดู เรื่องประเด็นดราม่า หรือการเล่าเรื่องให้ชวนติดตามแบบเต็มขั้นนั้น พี่แกจะทำได้บ้างไม่ได้บ้างครับ ดูจากงานก่อนหน้าไม่ว่าจะ Darkness Falls, The Texas Chainsaw Massacre: The Beginning หรือ Wrath of the Titans ที่จริงๆ บทเข้มข้นกว่าภาคแรกมาก แต่การถ่ายทอดออกมากลับยังไม่ถึงจุดที่ควรจะเป็น

อีกจุดเล็กๆ ที่ผมชอบคือตอนที่จ่ากับทีมวางแผนกันในแต่ละช่วง บางทีก็แผนรับ บางคราวก็แผนรุก ช่วงไหนที่ตัวละครต้องร่วมแรงทำงานกันเป็นทีมมักจะเป็นจุดที่ชวนลุ้นได้แบบกำลังเหมาะ ส่วนหนึ่งก็คงเพราะเรารู้แล้วน่ะครับว่าเขาจะทำอะไร มีแผนมีเป้าแบบไหน เราก็เลยอดไม่ได้ที่จะลุ้นตามว่าในที่สุดแล้วเป้าที่วางไว้จะบรรลุหรือไม่สรุปว่าหนังดูเอามันส์ เอาเพลิน ที่เราสามารถสนุกไปกับหนังได้ไม่ยากครับ

 

 

เมื่อโลกถูกรุกรานจากมนุษย์ต่างดาวอีกครั้ง ชะตากรรมของโลกจะเป็นอย่างไรติดตามได้ใน Battle: Los Angeles วันยึดโลก หรือที่รู้จักกันในชื่อ World Invasion: Battle Los Angeles ภาพยนตร์แนว Action sci-fi thriller ของผู้กำกับหนุ่มไฟแรง Jonathan Liebesman และนำแสดงโดย Aaron Eckhart ที่เคยรับบทบาทของ Harvey Dent หรือ Two-Face จากเรื่อง The Dark Knight เตรียมรับมือการบุกรุกจากต่างดาวได้ 13 เมษายน 2011 นี้ รับรองความมันได้เลยครับทั้งเนื้อหาที่เข้มข้นและสเปเชียลเอ็ฟเฟ็คท์ที่ อลังการสมจริง ดูหนัง

เป็นเวลาหลายปีที่มีหลักฐานเกี่ยวกับการพบ UFO จากทั่วโลก ทั้งใน บูโนสไอเรส , โซล , ฝรั่งเศส , เยอรมนี , จีน และในปี 2011 ความเป็นจริงอันน่าสะพรึงกลัวเมื่อโลกถูกโจมตีโดยกองกำลังที่ไม่ทราบที่มา ขณะที่ทุกเมืองใหญ่ทั่วโลกถูกโจมตี ลอสแองเจอลิส กลายเป็นที่ตั้งมั่นและความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติ นายทหาร Michael Nantz (Aaron Eckhart) ที่กำลังวางแผนเกษียณอายุถูกเรียกตัวให้มาวางแผนการต่อสู้ในครั้งนี้ และเขากับทีมของเขาก็คือความหวังในการต่อสู้กับศัตรูที่พวกเขาไม่เคยพบเจอมา ก่อนในชีวิต

 

 

นายทหารนาวิกโยธิน (แอรอน เอ็คฮาร์ท) และหน่วยรบของเขาต้องต่อสู้กับศัตรูที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต เมื่อผู้รุกรานจากต่างดาวเหล่านี้ยกทัพมาโจมตีโลก ในอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟสงครามเรื่องยิ่งใหญ่แห่งปี