รีวิว Captain America: Civil War

 

 

หนังใหม่ มาถึงภาคสุดท้ายของภาพยนตร์ไตรภาคหนึ่งในฮีโร่มาร์เวลอย่างกัปตันอเมริกากันแล้วนะครับ ถือว่าภาคจบนี่พล็อตเรื่องค่อนข้างฉีกแนวไปกว่าเก่าเยอะเลยครับ

หนังเล่าเรื่องต่อจากภาพยนตร์ชุด Avengers: Age of Ultron เพราะหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เหล่าบรรดาฮีโร่อเวนเจอร์ที่เข้าไปปฏิบัติการวินาศสันตะโร จนทำให้ประชาชนบาดเจ็บและล้มตายกันเป็นจำนวนมหาศาล เรื่องราวบานปลายใหญ่โตจนระดับผู้นำของประเทศต่าง ๆ ต้องออกมาหาทางแก้ปัญหาและร่างกฎหมายเพื่อควบคุมกลุ่มคนที่มีพลังเหนือมนุษย์หรือทีมอเวนเจอร์นั่นเอง เพราะเหตุนี้ทำให้สตีฟ โรเจอร์หรือกัปตันอเมริกา (Chris Evans) ที่ต้องการปกป้องเพื่อนสนิทของเขาอย่างบัคกี้ บาร์นส์ (Sebastian Stan) ซึ่งได้รับผลกระทบจากกฎหมายที่พวกผู้นำร่างขึ้น ส่วนโทนี่ สตาร์ค หรือไอรอนแมน (Robert Downey Jr.) ก็ไม่พอใจในการกระทำของสตีฟ ทำให้ขัดแย้งกันและเหล่าอเวนเจอร์ก็แยกทีมกันเป็น 2 ฝ่ายและมาทำสงครามกัน

 

รีวิว Captain America: Civil War

 

ว่ากันที่เรื่องของเนื้อหากันก่อน ภาคนี้ก็ทำได้ไม่เลว อัดแน่นด้วยเนื้อหาที่เข้มข้น เหมือนเป็นภาคย่อยของอเวนเจอร์เลยก็ว่าได้เพราะว่ามีตัวละครจากมาร์เวลมาเยอะพอสมควร รวมไปถึงฉากแอ็คชั่นสุดระห่ำ และสอดแทรกมุกตลกสไตล์มาร์เวล การเดินเรื่องของภาคนี้ค่อนข้างไวพอสมควร หากจะลุกไปเข้าห้องน้ำ แนะนำว่าควรPause ไว้ก่อน เพราะถ้าขาดตอนกลับมามีงงแน่ ๆ  แน่นอนว่าภาคนี้เป็นการมาประชันบทบาทกันระหว่างไอรอนแมน และ กัปตันอเมริกา

ถือว่ามีความลงลึกในรายละเอียดมากกว่าภาคแยกของทั้งคู่ในส่วนของนิสัยใจคอ รวมถึงความคิดและทัศนคติของทั้งคู่ ถ้าลองสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าในAvengers ทั้งคู่ชอบขัดแย้งกันตลอดเพราะทั้งคู่มั่นใจในความคิดและประสบการณ์ของตัวเอง แต่ใน Civic War จะเป็นการเดินเรื่องโดยที่กัปตันอเมริกาเป็นพระเอกและฝั่งไอรอนแมนเป็นผู้ร้าย

 

รีวิว Captain America: Civil War

 

ส่วนฉากบู๊แอ็คชั่นนั้น หนังค่อย ๆ ย่อยให้คนดูเป็นระยะ เอาใจคอหนังแอ็คชั่นโดยการทยอยปล่อยมาตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีมากั๊กไว้ท้าย ๆ เหมือนภาคก่อน ๆ ฉากที่ถือเป็นไฮไลท์ของภาคนี้ แต่ฉากที่ถือว่าคุ้มเงินคนดูที่สุดก็คงเป็นฉากต่อสู้ที่สนามบินนั่นแหละครับ เพราะเป็นการรวมเอาฮีโร่ในเรื่องนี้ไว้ทุกคนเลย ใครชอบใครรักใครก็จะได้เห็นว่าใครประกบคู่ใครบ้าง ทั้งบู๊ไปทะเลาะกันไป

มีตลกก็ต้องมีดราม่าถือว่าเป็นของที่ต้องอยู่คู่กันในหนังมาร์เวล ดราม่าเยอะพอสมควร โดยเฉพาะความขัดแย้งที่มีมากมายเหลือเกินของไอรอนแมนและกัปตัน ฮีโร่ทุกคนก็ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไปที่มีด้านเข้มแข็งและอ่อนแอปะปนกัน เป็นคนไม่ชอบอะไรดราม่าฉากเหล่านี้มันเลยดูหน่วงไปนิดหน่อยครับ

และแนะนำอย่างยิ่ง ถ้าหากใครจะชม Infinity War ก็ควรชมภาพยนตร์ชุดนี้ก่อนเพราะว่าเรื่องราวต่อจากCivil War ข้อเสียของหนังจักรวาลมาร์เวลนั้นมีเพียงอย่างเดียวคือถ้าไม่ไล่ดูตามTime Line ก็จะเกิดอาการค้างเติ่งไม่รู้ว่าเป็นไปเป็นมาอย่างไร หรือว่าพวกเขาไปทะเลาะกันตอนไหนนั่นเอง

 

รีวิว Captain America: Civil War

ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้

  1. ความรักเพื่อนและรักความยุติธรรมของกัปตัน เมื่อกฎหมายหรือสนธิสัญญาที่ร่างขึ้นมาเพื่อควบคุมผู้มีพลังเหนือมนุษย์ มีผลกระทบกับเพื่อนของกัปตันอย่างบัคกี้อย่างไม่เป็นธรรม กัปตันก็ยินดีที่จะแลกกับการต่อสู้กับไอรอนแมนเพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรม
  2. ความขัดแย้งอาจจะสร้างมิตรภาพที่แน่นแฟ้น อย่างเช่นกัปตันอเมริกาและไอรอนแมนที่ตีกันแทบตายในภาคนี้ แต่เมื่อถึงเวลาที่มีศัตรูและเข้าตาจน ทั้งสองก็หลังชนกันต่อสู้ได้อย่างเข้มแข็ง

 

รีวิว Captain America: Civil War

 

ถือว่าจบได้อยากสวยงามและเป็นการชักพาให้คนดูเตรียมพบการ ภาค Infinity War ไปในตัวครับ เพราะภาคหน้าหนังจะเริ่มที่ความขัดแย้งของกัปตันและไอรอนแมนแบบเล็ก ๆ

ไม่ได้เขียนชื่อหนังผิดแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าหลายๆคนดูมาแล้วก็จะเข้าใจว่า พล็อตของคำว่า Civil War นั้นมันคลุมตัวหนัง กัปตันอเมริกาภาค 3 ได้ชัดเจนกว่ามากๆจริงๆจนสมควรเอาชื่อภาคขึ้นนำเลยล่ะ

Civil War เป็นอีเว้นท์ฮีโร่แบ่งพวกแล้วซัดกันเองของมาร์เวล คอมมิค ซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากการที่รัฐบาลต้องการควบคุมสิทธิ์การใช้พลังที่อิสระเสรีของเหล่าฮีโร่เพื่อความปลอดภัยและตรวจสอบได้ โดยมีเหตุการณ์การเข้าจับกุมตัววายร้ายที่ผิดพลาดของฮีโร่วัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง จนทำให้เกิดเหตุระเบิดรุนแรงและมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ส่งผลให้กัปตันอเมริกากับไอออนแมนต้องแตกหักกัน เพราะกัปตันฯต้องการรักษาความมีอิสระในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไว้ ในขณะที่ไอออนแมนต้องการให้ฮีโร่เป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับและลดความเสี่ยงในการทำร้ายประชาชนที่บริสุทธิ์ลง

 

 

หนังจากการตีความบทใหม่โดย Christopher Markus และ Stephen McFeely สองมือเขียนบทที่ดูแลหนังกัปตันอเมริกามาแล้วตั้งแต่ภาคแรก และยิ่งนับวันยิ่งคมและสนุกขึ้นเรื่อยๆ พูดตรงๆ ว่าภาคแรกนั้นน่าเบื่อเอามากๆ สำหรับผมนะ แต่พอมาภาคสองนี่ โห เข้มข้นแบบสร้างแนวทางหนังกัปตันฯให้แตกต่างชัดเจนจากหนังมาร์เวลเรื่องอื่นๆ ไปเลย เพราะจะมีความหม่นๆ และดราม่าแบบการเมืองอยู่ในนั้นด้วย

ซึ่งพอมาภาค 3 ทันทีที่ประกาศว่าจะเป็นซีวิล วอร์ นี่แบบคือเชื่อมือเลยว่า บทหนังน่าจะแข็งแรงและกดดันความขัดแย้งในตัวละครได้ดีแน่ๆ ซึ่งก็ดีจริงๆ ดีมากๆ ในขณะที่เราดูหนังไปเราเห็นภาพสะท้อนสังคมโลกอยู่ในนั้นเลย โดยเฉพาะประเด็นหน้าที่และขอบเขตอำนาจตำรวจโลกอย่างอเมริกาที่แสดงผ่านตัวกัปตันฯและไอออนแมนนั่นล่ะ และคำพูดตัวละครหลายๆ คำก็เสียดแทงสังคมมนุษย์จริงๆ ด้วยเรียกว่ามีคติสอนใจแบบไม่ยัดเยียดด้วยนะ

 

 

และความดีงามผิดหูผิดตาในหนังกัปตันฯ สองภาคหลังนั้น อาจยังต้องยกความดีความชอบให้การกำกับของสองพี่น้อง Anthony Russo และ Joe Russo ที่เข้ามากุมบังเหียนนับตั้งแต่หนังภาคสอง วินเทอร์โซลเยอร์ ด้วย  ตรงนี้ต้องชื่นชมแมวมองของมาร์เวลสตูดิโอจริงๆ ที่เอาคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมาปลุกปั้นได้ถูกทุกทางจริงๆ เชื่อว่าโลกเราจะได้ผู้กำกับและทีมงานทำหนังสนุกๆชั้นยอดที่เกิดจากค่ายนี้อีกหลายคนเลยทีเดียว

โดยไม่สปอยล์ คงพูดได้เพียงว่าหนังเอาหัวใจสำคัญจากคอมมิคชุดซีวิล วอร์ มาใช้ได้อย่างเหมาะสม ในแบบจักรวาลของหนังมาร์เวลที่มีทางของตัวเอง นั่นคือไม่เหมือนกับในคอมมิคแน่ๆ นั่นทำให้เราดูหนังได้อย่างสนุกมากๆ เพราะไม่รู้เลยว่าจะเป็นอย่างไร

 

 

โดยเนื้อเรื่องว่าด้วยความรู้สึกของตัวละครสองกลุ่มและข้อขัดแย้งภายในจิตใจที่เกิดจากเหตุการณ์ผลกระทบในอดีต ทั้งความพินาศของเมืองต่างๆในการปฏิบัติการแต่ละครั้งของฮีโร่ โดยเฉพาะจากหนัง อเวนเจอร์ ภาคล่าสุดอย่าง เอจออฟอัลตรอน ที่ทำให้เมืองโซโคเวียไม่เหลือชิ้นดี ตรงนี้ก็เปิดช่องให้ขุมกำลังที่ชื่อสหประชาชาติ (ในฐานะตัวแทนมนุษยชาติในแง่มุมหนึ่งนะ) เข้ามาแสดงบทบาทในการทวงถามการตรวจสอบการทำงานของฮีโร่ด้วย ดูหนังใหม่

ผลกระทบของการปฏิบัติการโซโคเวียยังส่งผลมาหลายสายทางในหนังภาคนี้ โดยเฉพาะมากที่สุดกับโทนี่ สตาร์ก ที่เราจะเห็นความกลัวในใจของเขาในภาคเอจออฟอัลตรอนแล้วจากนิมิตที่เขาพบว่าตนเป็นต้นเหตุให้เพื่อนๆ ตายกันหมด ความกลัวที่ตัวเขาจะสร้างผลกระทบกับคนที่รักและเหยื่อบริสุทธิ์นั้นถูกขยายอย่างมากในหนังภาคนี้ และทำให้โทนี่เป็นตัวละครที่เด่นไม่เป็นรองกัปตันอเมริกา ซึ่งถ้าดูให้ดีแล้วเขาคือตัวขับเคลื่อนเรื่องเสียด้วยซ้ำ

 

Captain America: Civil War

ตรงนี้พาดพิงแล้ว ขออวยหน่อย ป๋าโรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ ไม่ใช่แค่ไอออนแมนที่ขาดไม่ได้ในจักรวาลมาร์เวลเท่านั้น แต่ ณ จุดนี้ต้องบอกเลยว่า ป๋าแกคือองค์ประกอบที่สำคัญโคตรๆ ในการทำให้หนังมาร์เวลเชื่อมโยงและสนุกมากๆ ด้วยเคมีของแกที่เข้าโคตรดีกับตัวละครต่างๆ แม้แต่กับปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ หรือไอ้แมงมุม ที่มาปรากฏกายครั้งแรกในหนังเรื่องนี้ การรับส่งบทมุกต่างๆกับเฮียแกนี่ ทำให้ซีนธรรมดาๆ

อย่างคุยกันกลายเป็นการเปิดตัวที่น่าจดจำของสไปดี้คนใหม่อย่าง ทอม ฮอลแลนด์ ได้เลย นี่คงเป็นเหตุผลสำคัญที่สตูดิโอต้องพยายามดึงป๋ามาเล่นใน Spider-man: Homecoming ซึ่งเป็นการรีบูทใหม่ในปีหน้านี้ด้วย คือตรงนี้ต้องบอกเลย ต่อให้โทนี่ สตาร์กจะเลิกเป็นไอออนแมนก็ไม่เป็นไรเลย แต่ขอแค่ป๋ายังโผล่มาเป็นโทนี่ในหนังเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

 

 

แบล็กแพนเธอร์ สไปเดอร์แมน โผล่เข้ามาในเรื่องได้มีเหตุผลเข้าท่า ไม่ได้จับยัดๆ เข้ามา แถมมีฉากโชว์ของตัวเองที่ติดตาด้วย ส่วนตัวละครอื่นๆ ที่อยู่ประจำแล้วนั้นแบ่งเฉลี่ยบทได้ดี มีฉากขโมยซีนของตัวเองกันทั้งนั้น โดยเฉพาะ แอ๊นท์แมน อันนี้ต้องไปดูกันนะ

คือถ้าให้วิจารณ์ตัวหนังก็บอกเลยว่าดีทุกองค์ประกอบ สนุกทั้งที่เป็นแฟนมาร์เวลและไม่ได้เป็น (ไม่แน่ใจว่าคนที่โผล่มาดูภาคนี้เลยเป็นเรื่องแรกจะเก็ตไหมนะ แต่เชื่อว่าแนะความสัมพันธ์ของตัวละครนิดหน่อยก็ดูได้ลื่นแล้วล่ะ แต่ให้ดีควรดูเรื่องอื่นๆอย่างกัปตันอเมริกา1-2 และเอจออฟอัลตรอนจะดีกว่า)

ภาพเสียงซีจีได้มาตรฐาน ขอชื่นชมการออกแบบฉากต่างๆ ที่วางปมไว้แบบนึกว่าไม่สำคัญในตอนต้นๆ ก็ดันมากลายเป็นฉากที่พลิกเหตุการณ์ในภายหลังได้อีก

บทสนทนานี่ก็พูดน้อยต่อยหนัก ทำให้ตามเรื่องง่าย แต่ก็คมและถ่ายทอดความคิดและมิติด้านลึกของตัวละครได้ดีมากๆ หลายๆประโยคอย่างที่บอกตอนต้นว่าเสียดแทงใจมากๆโดยเฉพาะจากคำพูดตัวร้ายสุดฉลาดและเหี้ยมโหดสมการรอคอยอย่าง ซีโม่ ด้วย ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าหลายๆคนที่ปรามาสตัวร้ายในหนังมาร์เวลว่าอ่อนไม่น่ากลัวนี่เตรียมกลับคำได้เลย ตัวร้ายตัวนี้เป็นอะไรที่น่าจับตามองมากๆ กลยุทธเทพๆ ที่อาศัยสมองและความเป็นไปได้จริงๆ ไม่มีพลังเว่อวังใดๆ แต่สร้างความบรรลัยได้มโหฬารสุดๆ แถมเป็นตัวร้ายที่มีมิติลึกด้วย เรื่องราวของเขานี่ทำไซด์สตอรี่ได้เลยนะ

 

 

ด้านความขัดแย้งของทั้งในตัวละครและระหว่างตัวละครนี่โอเคหมดเลย สมจริง ไม่มีตรรกะอ่อนให้ต้องพูดแซวกันเลย คือหนังคุณภาพมากๆ แม้จะโคตรนานถึง 2 ชั่วโมง 26 นาทีก็เถอะ หาเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงนี้เข้าโรงไปดูเลยคุ้มมากๆ ไม่ว่าคุณจะชอบหนังซูเปอร์ฮีโร่หรือไม่ก็ตาม

ถามว่ามีส่วนให้ติงมั้ย ก็มีนะ ถ้าไม่ได้ตาเทพคอยจับผิดซีจีก็ถือว่าเนียนตามาก แต่ถ้าตาเทพก็มีดูลอยๆ บ้างเหมือนกันบางฉาก หนังบาลานซ์ฉากคุยกับฉากแอ๊กชั่นได้ดีนะ แต่ถ้าใครหวังจะแอ๊กชั่นรัวๆ หรือแอ๊กชั่นมโหฬารยิ่งใหญ่พังพินาศถล่มทลายไมเคิล เบย์ อันนี้ก็ไม่ขนาดนั้นนะ มันสมเหตุสมผลในสเกลพลังที่มาร์เวลตั้งไว้ล่ะ ว่าถึงจะซัดกันแต่ไม่มีใครอยากเอาอีกฝ่ายถึงตาย เพราะแต่ละหมัดที่อัดเพื่อนมันเกิดแผลฉกรรจ์ในใจตัวละครมากอยู่แล้ว คือจะเอาแบบอะพอคาลิปส์โลกแตกแบบตัวอย่างหนังเอ็กซ์เมนภาคใหม่นั่นก็คงไม่ใช่

แล้วก็สเกลพลังของแวนด้านั้นแม้จะปรับลดจากในคอมมิคลงมาเยอะแล้วก็ตามแต่เราก็ยังรู้สึกว่าโกงๆอยู่เหมือนกันนะ โดยเฉพาะฉากสงครามใหญ่ ต้องไปชมเอง 555 หนังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้แฟนพันธุ์แท้ติดตามเป็นอีสเตอร์เอ้กอยู่ประปราย พูดไปก็สปอยล์ ดูแล้วลองมาหาอ่านกระทู้หรือเพจพวกแฟนๆ เทพๆ เขาอธิบายละกันนะ ดูหนังฟรี