รีวิว Deadpool

 

 

หนังใหม่ เรื่องย่อ DEADPOOL

อดีตนายทหารสุดเกรียน Wade Wilson (Ryan Reynolds จาก X-Men Origins: Wolverine และ Green Lantern) ไปเข้าร่วมปฏิบัติการลับเปลี่ยนคนใกล้ตายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่เยียวยาตัวเองได้ แต่เขาโกรธที่ Ajax (Ed Skrein จาก The Transporter Refueled) ทำให้เขากลายเป็นมนุษย์อัปลักษณ์ เขาจึงสถาปนาตนเป็น Deadpool และออกตามฆ่า Ajax อย่างไม่ลดละ

เพื่อเล่นงาน Wade Wilson หรือ Deadpool Ajax จับตัว Vanessa (Morena Baccarin จาก Spy) แฟนสาวของ Deadpool ไป Deadpool จึงต้องไปขอความช่วยเหลือจากทีม X-MEN ให้ไปช่วยกัน rescue แฟนสาวสุดที่รักของเขาจากเงื้อมมือคนชั่ว

 

รีวิว Deadpool

 

จุดเด่นของ Deadpool คือ รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนฮีโร่มาร์เวลทั่วไป ผสมกับพลังพิเศษแบบ X-MEN แต่เนื้อในจริงๆ ของหนังนั้นไม่ใช่หนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่บู๊ล้างผลาญ ผดุงความยุติธรรม สู้ตายเพื่อชาติหรือประชาชน หากแต่เป็นหนังเกี่ยวกับคนคนหนึ่งที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนเดียวที่เขารักและแก้แค้นคนที่เขาโคตรเกลียด

รูปแบบการเล่าเรื่อง รวมถึงฉากบู๊ ค่อนข้างสดแปลกใหม่ และเลือดสาดเละเทะสมเรต 15+ แต่ความบันเทิงหลักๆ คือความกวนตีนและขี้แซะของพระเอก Deadpool ที่กวนตีนตั้งแต่วินาทีแรกที่หนังเริ่มจนถึงวินาทีสุดท้ายของฉาก end credit (แน่นอน หนัง Marvel ต้องมี End Credit และคุณปู่ Stan Lee) ที่เราชอบมากที่สุดคือมันแซะทั้งฮอลลีวูด แซะฮีโร่แทบทุกตัวบนโลก แม้แต่ตัวเอง (Ryan Reynolds) มันยังแซะเลยจ้า

 

รีวิว Deadpool

 

Ryan Reynolds เล่นหนังมาหลายเรื่องมาก แต่ไม่ค่อยเกิดเท่าไหร่ เว้นแต่ The Proposal ที่เป็นหนังรอมคอมเรื่องเดียว แล้วตอนเป็นฮีโร่เขียวๆ ใน Green Lantern คือพังมาก เสมือนเป็นตราบาปของชีวิต

แต่อย่างไรก็ดี บท Deadpool ทำให้เขากลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งกับการแสดงที่ดีที่สุดในชีวิต หลายซีนทำให้เรานึกถึงหนังเรื่องต่างๆ ที่พระเอกคนนี้เคยเล่น ทั้งยังทำให้เราระลึกได้อีกว่า เราชอบผู้ชายคนนี้ครั้งแรกก็ตอนเขาเป็นมนุษย์กลายพันธุ์พ่วงดาบสองข้างสุดเท่ใน X-Men Origins: Wolverine ซึ่งในเรื่องนั้นเขาก็ชื่อ Wade Wilson

 

รีวิว Deadpool

Deadpool เป็นหนังฮีโร่เรื่องแรกที่เข้าฉายประเดิมปี 2016 ถือเป็นหน่วยกล้าตายทีเดียว เพราะแม้จะมีตรามาร์เวลแต่ผลิดโดยค่ายทเวนตี้เซ็นทูรีฟ็อกซ์ เจ้าของผลงานหนังยอดแย่ปี 2015 อย่าง Fantastic Four ซึ่งโปรเจกต์นี้ก็วุ่นวายไม่แพ้กันมีการเปลี่ยนตัวผู้กำกับมาหลายคนแก้บทมาหลายรอบสุดท้ายมาลงเอยที่ทิม มิลเลอร์ผู้กำกับหน้าใหม่

ขณะที่บทเดดพูลคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไรอัน เรย์โนลด์ส เจ้าของบทเดิมที่เคยไปขโมยซีนในหนัง X Men Origins Wolverine แม้หลังจากนั้นในปี 2011 เจ้าตัวจะแสดงเป็น Green Lantern ของค่ายคู่แข่งมาร์เเวลอย่างดีซี แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการถอดชุดเขียวมาสวมชุดแดงแทน

 

รีวิว Deadpool

 

หนังเป็นเรื่องราวในยุคปัจจุบัน อดีตทหารรับ­จ้าง เวด วิลสัน รับงานใช้กำลังไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งได้พบกับ วาเนสซา คาไลส์ล สาวในบาร์ ทั้งคู่คบหากันอย่างหวานชื่นจนกระทั่งต่อมา เวด พบข่าวร้ายว่าตัวเขาเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ระหว่างจมอยู่ในความทุกข์จู่ๆก็มีชายในสูทสีดำโผล่มายื่นนามบัตรให้ พร้อมกับบอกว่ามีทางรักษาเขาได้

เวด จำใจเสี่ยงรับการทดลองเพราะหวังว่าจะได้มีชีวิตต่อ แต่เขากลับกลายเป็นคนที่มีผิวหนังพุพอง หน้าตาน่าเกลียด แลกมากับพลังพิเศษเมื่อร่างกายของเขาสามารถรักษาตัวเองได้ตลอด เรียกว่าเกือบจะเป็นอมตะเลยทีเดียว ต่อมา เวด ตัดชุดหนังสีแดงมาใส่ ตั้งชื่อใหม่ให้ตัวเองว่า Deadpool พร้อมกับออกล่าตัวคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้

 

 

Deadpool ไม่ใช่หนัง ซุปเปอร์ฮีโร่ แต่เป็น แอนตี้ฮีโร่ ดังที่เจ้าตัวออกปากปฏิเสธบ่อยๆในหนังว่า ผมไม่ใช่ฮีโร่ เนื้อหาของหนังดาร์คแบบกั๊กๆ ไม่สุด ภาพรวมเต็มไปด้วยคำหบายคาย ความรุนแรง ฉากเซ็กส์ล่อแหลม เกรียนกว่า Kickass กวนกว่า Antman มีความเป็นหนังตลกมากกว่าแอ็คชั่น ความสนุกอยู่ที่การนั่งฟังการต่อปากต่อคำของตัวละคร มุขต่างๆฮาใช้ได้ ทว่าค่อนข้างเถื่อนถ่อยไปหน่อย มี Dirty Jokes และ Bad Jokes ประปราย

น่าเสียดายที่ความทีเล่นทีจริงของตัวละครทำให้หนังขาดความเข้มข้น ซีนต่อสู้คนดูแทบไม่มีอาการลุ้นหรือการเอาใจช่วยแบบหนังฮีโร่ทั่วไป หลายฉากพอเดาทางได้ สิ่งที่แปลกใหม่ไม่ใช่พล็อต(ค่อนข้างสูตรสำเร็จ) แต่เป็นคาแร็กเตอร์ห่ามๆ พูดเยอะ กวนทีน ของตัวเอก จุดนี้สร้างความภาพจำให้ผู้ชมได้ไม่ยาก(น่าจดจำหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง) ชอบการนำกิมมิกพูดกับคนดูมาใช้ในหนังเช่นเดียวกับฉบับการ์ตูนที่เดดพูลเป็นฮีโร่คนเดียวที่สามารถคุยกับคนอ่านได้โดยตรง เพลงประกอบมีทั้งเก่าใหม่ผสมกัน สร้างสีสันได้ดี

ไรอัน แสบจริง บทพูดด่าทอ จิกกัด เสียดสี เขาไปทั่วทั้งในและนอกจอ ล้อซะแทบจะหมดวงการฮอลลีวู้ด บุคคลิกของเขาเหมาะสมกับบทเดดพูลมาก จะพูดว่าเกิดมาเพื่อรับบทนี้ก็ได้ โมรีน่า แบคคาริน โดดเด่นไม่น้อยกับบท วาเนสซา เธอไม่ใช่สาวฮ็อตพิมพ์นิยมสไตล์ฮอลลีวู้ด แต่ก็มีเสน่ห์เหลือหลายซ่อนอยู่ และค่อยๆเผยออกมาเรื่อยๆ (ตัวละครนี้ในการ์ตูนคือ ก๊อปปี้แคท) เอ็ด สครีน ที่แสดงเป็น เอแจ็กซ์ หลายอย่างในตัวเขาพอจะเป็นคู่ปรับ เดดพูล ได้สมนํ้าสมเนื้อ ด้าน เอลลี่ ฟิมิสเตอร์ ในบท เนกาโซนิก ทีนเอจ วอร์เฮด กับ สเตฟาน คาพิซิค ผู้พากย์เสียง โคลอสซัส ตัวละครสองคู่หูจากทีม X Men ออกน้อยจนแทบไม่มีอะไรให้พูดถึง

 

 

Deadpool ไม่ใช่ตัวละครที่จะได้ใจทุกคน ตัดเด็กๆออกไปได้เลย ดังนั้นนี่คือจุดหนึ่งที่พิสูจน์ได้ว่าความนิยมของหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่มาถึงจุดเสื่อมหรือยัง ในปีที่มีหนังฮีโร่สองค่ายต่อคิวเข้าฉายเกือบ10เรื่อง วันที่ตัวเลือกมีมากมาย แฟนบอย แฟนเกิร์ล ทั้งหลายจะชื่นชอบ นักฆ่าชุดแดง ไหม เดดพูลอาจมีหนังของตัวเองภาค 2 รออยู่ก็จริง แต่น่าสนใจว่าหลังจากนั้น เขาจะยังได้ไปต่ออีกรึเปล่า

หลังโชว์เกรียนในภาคแรกจนสร้างฐานแฟนคลับแอนตี้ฮีโร่สายฮา ดาร์กๆ  DEADPOOL  ก็กลับมาพร้อมภารกิจใหม่ที่เราขอเล่าแบบหลวมๆว่า ภาคนี้พี่แกต้องไปปกป้องหนุ่มน้อยสุดตุ้ยนุ้ยอย่าง รัสเซล (จูเลียน เดนิสสัน) ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของ เคเบิล (จอช โบรลิน) มือสังหารที่ย้อนเวลากลับมาเพื่อแก้แค้นให้ครอบครัวของเขา แม้ภายนอก DEADPOOL จะทำตัวไม่สนโลกแต่ลึกๆความรักที่เขามีให้ วาเนสซา (โมเรนา บาคาริน) ก็ช่วยให้หัวใจของเขาอยู่ถูกที่เสียที

บอกก่อนนะว่าเรื่องย่อที่ได้อ่านไป แอดแอบซ่อนความลับบางอย่างของหนังเพราะไม่อยากสปอยล์เลยจริงๆ เพราะความลับที่ว่ามันทำให้หนังดู กล้าหาญมากที่ฆ่าตัวละครสำคัญของเรื่องไปตั้งแต่ องก์ 1 ของหนัง แต่หลังจากนั้น  DEADPOOL กลับเดินเรื่องแบบทีเล่นทีจริงที่หนักข้อถึงขั้นเอาตัวเองไปเปรียบกับ LOGAN (2017) หนังวูล์ฟเวอรีนฉบับดราม่าที่ฆ่าตัวละครซูเปอร์ฮีโร่แบบตายจริงๆ และตัว DEADPOOL

 

 

เองก็เริ่มมองความอมตะของตัวเองเป็นคำสาป ซึ่งไม่เพียงเจืออารมณ์โรแมนติกไปปนกับพลอตหนังแอ็คชั่น ฮาลั่น เลือดสาด เป็นน้ำจิ้มหวานๆเท่านั้น แต่หลายครั้งเมื่อหนังเริ่มล้อชาวบ้านแบบเตลิดเปิดเปิง มันยังช่วยดึงให้คนดูกลับมาสู่เรื่องราวได้เป็นอย่างดี แม้ท้ายที่สุดอารมณ์ดราม่าของหนังจะไม่ได้จริงจังเท่าฉากแอ็คชั่นโหด เลือดสาด หัวหลุด แขนขาด ตัวกระเด็น หรือบทสนทนาที่เขียนมาเพื่อแขวะชาวบ้านมากกว่าเล่าเรื่องก็ตาม

ส่วนใครที่ติดใจมุกจิกกัดหนังฮอลลีวูดและความเกรียนแสบ ภาคนี้ DEADPOOL ก็เล่นเสิร์ฟความแสบเสียเต็มที่ทั้งมุกล้อหนัง Marvel ทั้งจักรวาล X-MEN และ MCU รวมถึง Disney แบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม (Disney เพิ่งซื้อกิจการของ FOX สตูดิโอที่สร้าง DEADPOOL) แม้แต่ค่าย DC ที่ต้องบอกว่า DEADPOOL จัดหนักจัดเต็มตั้งแต่ล้อกิมมิคหนัง Batman V Superman (2016) เรื่อยไปจนถึงเอนด์เครดิตที่เล่นกับความสัมพันธ์ระหว่าง ดูหนังใหม่

 

Deadpool

ฮีโร่สองค่ายผ่านนักแสดงอย่างไรอัน เรย์โนลด์ ได้อย่างแสบสันต์ นอกจากนี้ยังมีมุกแซวและอ้างอิงหนังคลาสสิกต่างๆอีกเพียบทั้งไตเติลของเจมส์ บอนด์ 007 ฉากปรากฏตัวของเคเบิลที่อ้างอิงมาจากหนังคนเหล็ก Terminator (1984) หรือฉา Boombox Serenade ที่จอห์น คูแซค ยกวิทยุเปิดเพลงให้นางเอกฟังใน Say Anything ก็ถูกนำมาอ้างอิงและล้อเลียนไปตลอดเรื่องจนบางทียังแอบคิดเลยว่านี่เราดู DEADPOOL หรือหนังล้อตระกูล Scary Movie อยู่กันแน่ ซึ่งแม้แสดงให้เห็นถึงความสร้างสรรค์แต่ก็แอบทิ้งช่องโหว่ของพลอตไว้รายทางเพียบเลยเหมือนกัน แต่เชื่อว่าอารมณ์คนดูที่คุ้นเคยกับ DEADPOOL มาตั้งแต่ภาคแรกก็ไม่น่าจะสะดุดอะไร

เชื่อว่าหลายคนที่ชื่นชอบในการดูหนังและผ่านแวะเวียนมาเยี่ยม PatSonic อยู่บ่อยๆ คงจะดูหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่กันมาจนชาชินหลายหนที่ต้องพบเจอกับยอดมนุษย์ที่มีแต่ความเท่และรันทด ที่ต้องถูกผลักดันให้ออกไปต่อกรกับวายร้ายเพื่อผดุงไว้ซึ่งโลกที่น่าอยู่ แต่ก็มีฮีโร่บางตัวเช่นกันที่จุดกำเนิดของเขาไม่ได้เลิศเลอ ไม่ได้มีตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะช่วยกู้โลกอยู่แล้ว แค่สถานการณ์มันพาไปในทำนองนั้นมากกว่า และหนึ่งในนั้น ยังมีซูเปอร์ฮีโร่ตัวหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากชาวบ้าน ‘Deadpool’ ที่มีจุดเด่นตรงความเกรียน กวนโอ๊ยกวนตีนระยำหรืออะไรก็แล้วแต่

จุดกำหนดของเขาไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่า “ความสิ้นหวัง” และภาคเปิดตัวก็ไม่ได้เคยช่วยโลกได้อย่างที่หลายตัวทำกัน

 

 

แนวทางใหม่ๆ ของตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ที่อาจไม่เป็นรู้จักในวงกว้างนัก (แต่ก็มีแฟนคลับตามติดในระดับหนึ่ง) ด้วยวิธีที่โปรโมตที่สร้างความกวนแบบไปสุดทาง กับตัวอย่าง โปสเตอร์ ที่ส่งเสริมความเกรียนสุดฤทธิ์ซึ่งสร้างกระแสความสนใจได้เป็นอย่างดี และนี่คือความรู้สึกหลังดี ‘เดดพูล’ เรื่องนี้

หนังรู้จักใช้ความเป็น ‘เดดพูล’ ดึงความเกรียน กวนตีน หรือจะเรียกว่า “ระยำ” ก็ได้เพื่อที่จะเปิดตัวอย่างเกรียนตั้งแต่ต้น และยาวไปจนจบเรื่อง ผ่านการสวมบทบาทของชายหนุ่มผู้ที่ครั้งหนึ่ง เคยเป็น ‘Green Lantern (2011)’ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่แล้วเขาก็ได้บทซูเปอร์ฮีโร่ที่เหมาะสมกับตัวเอง Ryan Reynolds ที่แม้จะได้โชว์หน้าหล่อๆ เพียงไม่นาน ดูหนังฟรี

เพราะอีกสักพัก ก็กลายเป็นไอ้หัวโล้นหน้าขรุขระเสียแล้ว ขณะอีกกว่าค่อนเรื่อง ก็ปรากฏตัวแบบใส่ชุดแดง กระนั้น ความกวนเกรียนของเขาก็สาดใส่กระจายเต็มเรื่อง

 

 

กับบทพูดที่มากล้นเสียจนเชื่อว่าคงเป็นการด้นสดอยู่หลายส่วน หลายมุก เล่นเอาขำกลิ้ง แต่บางมุก ก็เล่นเอาอึ้งแดก เมื่อพิจารณาดูก็เชื่อว่าผู้ที่จะเข้าใจมุกเหล่านั้นน่าจะมีภูมิลำเนาอยู่ในอเมริกา ขณะที่มุกที่ขำก๊าก ส่วนใหญ่เป็นมุกที่ล้อเลียนหนังเรื่องอื่น ซูเปอร์ฮีโร่ตัวอื่น รวมทั้งล้อเลียนตัวเอง

ทว่า หนังเรื่องนี้ เป็นเหมือนปฐมบทเล่าเรื่องราวจุดกำเนิดก่อเกิดซูเปอร์ฮีโร่จอมเกรียน จึงอาจมีช่วงเกริ่นนำที่ไม่ค่อยน่าตื่นเต้นไปบ้าง แต่หลังจากนั้น ก็เรียกได้ว่า “เข้าขั้นสนุก” เรื่องซีจีนั้นหายห่วงเพราะถือว่าสอบผ่าน ขณะที่มุกเรี่ยราดนั้นค่อนข้าง “ไม่เสียกระสุน” ซะเป็นส่วนใหญ่ มุมมองมุมกล้องเท่ไม่แพ้ใคร ที่สำคัญและน่าสนใจคือ “เพลงประกอบ”

ความรู้สึกของการดู ‘เดดพูล’ ทำให้รู้สึกไปถึงหนังซูเปอร์ฮีโร่อีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือ ‘Guardians of the Galaxy’ ที่เน้นให้เพลงเก่ามาผสมผสานไปกับการดำเนินเรื่อง ทำให้เป็นอีกหนึ่งกิมมิกพิเศษที่ทำให้คนชื่นชอบในระหว่างชมและพูดถึงหนังหลังจากชมจบไปแล้ว