รีวิว Fast & Feel Love สวัสดีจ้าเพื่อนๆคอหนังไทยทุกท่าน วันนี้แอดมินจะพาทุกคนไปพบกับภาพยนตร์ไทยหนังใหม่ netflixแนวตลกหนังใน netflix สนุกๆ หนังที่ได้นักแสดงคุณภาพระดับซุปตาร์ของเมือไทยอย่าง ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ มาแสดงนำร่วมกับพระเอกมาดเซอร์มากความสามารถอย่าง ณัฏฐ์ กิจจริต แน่นอนว่าแค่การเปิดตัวนักแสดงและตัวอย่างหนังก็เป็นที่ฮือฮากันไปทั่วประเทศกันเลยทีเดียวโดย เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ

เรื่องราวของเกา ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นเพื่อจะเป็นแชมป์โลกกีฬาเรียงแก้วซึ่งมันดูไร้สาระและแทบจะไม่มีคุณค่าในสายตาของคนในสังคมไทยเลย เรื่องราวความรัก และ การไล่ล่าความฝันของคนเนิร์ดๆ แบบตัวละคร เกา และคนธรรมดาๆจะดำเนินไปเช่นไรและน่าสนใจแค่ไหน ทางเราขอเชิญเพื่อนๆทุกคนมาร่วมพิสูจน์ดูหนังออนไลน์  กันใน Fast and Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ

รีวิว Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ (อังกฤษ: Fast and Feel Love) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวตลกใน พ.ศ. 2565 กำกับและเขียนบทโดย นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ นำแสดงโดย ณัฏฐ์ กิจจริต และ อุรัสยา เสปอร์บันด์ เข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2565 และจัดจำหน่ายโดยจีดีเอช ห้าห้าเก้า

กำกับ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์

บทภาพยนตร์ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์

อำนวยการสร้าง นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์

Fast & Feel Love เร็วโหด เหมือนโกรธเธอ นั้น ถือเป็นหนังเรื่องเล่าที่เฉพาะกลุ่มมากๆ ผู้คนเล็กๆ อย่างชีวิตของตัวละคร เกา (แสดงโดย นัท ณัฏฐ์ กิจจริต ) ซึ่งรับบทในเรื่อง เป็น แชมป์ Sport Stacking  (กีฬาสแต็ค) หรือแชมป์กีฬาเรียงแก้ว  ซึ่งมันไม่ได้ Mass เลยในสังคมไทย แต่หนังก็ชี้ประเด็นว่า กีฬาเฉพาะกลุ่มแบบนี้ มันมีความหมาย มันมีคุณค่าในตัวของมันเองเสมอๆ

ตัวรสชาติของภาพยนตร์ Fast & Feel Love เร็วโหด เหมือนโกรธเธอ เต็มไปด้วย การยั่วล้อ ตลกร้าย เสียดสีหนังดังต่างๆ แต่อีกนัยหนึ่ง มันก็เหมือนกับการ “คาราวะ” หนังเหล่านั้นที่  เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ เอามาล้อเลียนด้วย ทั้งหนังตระกูล Fast & Furious ,The Dark Knight รวมถึงการ ตัดต่อย้ำๆ ซ้ำๆ ขยี้ แบบย้อนไทม์ไลน์แบบหนัง Doctor Strange ในฉากเช็ดม่านมูลี่

เรื่องราวความรัก และ การไล่ล่าความฝันของคนเนิร์ดๆ แบบตัวละคร เกา และคนธรรมดาๆ แบบตัวละคร เจ ซึ่งคอยจะสนับสนุนคู่รักทุกอย่าง ต้องเดินมาถึงจุดทางแยก ที่เป็นปมสำคัญของเรื่อง และมันสามารถนำพาผู้ชม ให้เห็นภาพของ ตัวละคร เกา ชีวิตคนเนิร์ดๆ ที่จะค่อยๆเติบโตเป็น “ผู้ใหญ่” ที่ต้องรับผิดชอบอะไรหลายๆอย่าง

เมื่อ หนังน่าดู Fast & Feel Love เร็วโหด เหมือนโกรธเธอ ดำเนินเรื่องเดินทางมาถึงจุดทางแยกของเรื่อง มันช่างเป็นการตั้งประเด็นคำถามว่า ความสำเร็จของใครสักคนนั้น มันอาจจะต้องมาพร้อมกับปัจจัยและสิ่งแวดล้อมที่จะสนับสนุนให้บุคลากรสักคนสามารถพัฒนาตัวเองและเดินไปถึงเส้นชัยที่วางเอาไว้ ใช่หรือไม่ ?  ความสำเร็จของคนเรา บางทีมันอาจจะต้อง “แลก” ด้วยอะไรบางอย่าง อย่างเช่นในเรื่องนี้ มันอาจจะต้องแลกตัว “เวลา”ในชีวิตของคนดูแลเกาอย่างเจ ใช่ไหม ?

ในภาพรวมแล้ว Fast & Feel Love คือผลงานเรื่องล่าสุดของเต๋อ ที่แม้หน้าหนังจะโดดเด่นด้วยมุกตลกล้อเลียนและการแสดงที่ไปสุดในทุกทาง แต่ภาพยนตร์ก็ยังมีเนื้อหาที่เราสามารถเชื่อมโยงกับตัวละครได้ไม่ยาก พร้อมทั้งชวนให้เราร่วมขบคิดในประเด็นต่างๆ ที่ตัวละครกำลังนำเสนอ และหากใครที่เป็นแฟนตัวยงของเต๋ออยู่แล้ว Fast & Feel Love คืออีกหนึ่งผลงานที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

จุดเด่นข้อแรกของภาพยนตร์ที่เราอยากกล่าวถึง คือมุกตลกล้อเลียนภาพยนตร์ชื่อดังต่างๆ ทั้งดนตรีประกอบ ไดอะล็อกคมๆ ไปจนถึงการล้อเลียนผลงานของตัวเอง ที่ถูกสอดแทรกเข้ามาอย่างถูกจังหวะ และทำหน้าที่สร้างสีสันให้กับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี

หนึ่งในประเด็นที่เราชื่นชอบมากๆ และอยากกล่าวถึงเป็นการส่วนตัว คือการฉายภาพให้ผู้ชมเห็นว่า ราคาที่เราต้องจ่ายเพื่อทำตามความฝันให้สำเร็จ อาจไม่ใช่แค่เวลาของตัวเราเองเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเวลาและร่างกายของ ‘คนรอบข้าง’ ที่คอยช่วยเหลือและผลักดันให้เราไปถึงฝั่งฝัน

ไล่เรียงตั้งแต่ เจ แฟนสาวที่ยอมสละเวลาของตัวเอง เพื่อช่วยจัดการงานบ้านและธุระต่างๆ ให้เกา หรือจะเป็น แม่ (ไก่-กนกวรรณ บุตรชาติ) ที่ยอมสละเวลาและสุขภาพร่างกาย เพื่อเดินทางไปทำบุญให้กับเกา ฯลฯ เรื่องราวของพวกเขาเหล่านี้ต่างทำหน้าที่ชวนให้เราลอง ‘ลดความเร็ว’ และหันกลับมาใส่ใจ ‘ความรู้สึก’ ของผู้คนรอบตัวอย่างถี่ถ้วนมากขึ้น เพราะเวลาทุกวินาทีที่พวกเขาเสียไปเพื่อช่วยเหลือเรา ก็มีคุณค่าไม่แพ้เวลาที่เราทุ่มให้กับความฝันของตัวเองเช่นกัน

และอย่างที่เรากล่าวไว้ในตอนต้น ภายใต้มุกตลกล้อเลียน การแสดงที่โดดเด่น และจังหวะการตัดต่อที่แพรวพราว Fast & Feel Love ยังคงเป็นภาพยนตร์แนะนำของเต๋อที่พาผู้ชมไปสำรวจแง่มุมความรู้สึกของมนุษย์ ที่เราสามารถเชื่อมโยงและทำความเข้าใจในประเด็นต่างๆ ได้ไม่ยาก ทั้งการรับมือกับอุปสรรคในชีวิตประจำวันที่เราทุกคนต้องพบเจอ การแข่งขันกับ ‘อายุขัย’ ที่อาจเหลือเวลาให้เราทำตามความฝันได้อีกไม่กี่ปี ไปจนถึงการชวนผู้ชมมาร่วมกันขบคิดว่า สังคมเรา ณ เวลานี้ มีพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ทำตามความฝันที่ ‘แตกต่างหลากหลาย’ มากพอหรือยัง