รีวิว เดอะ ฟอลล์เอาท์ (2022)

 

 

หนังใหม่ เรื่องย่อ : ด้วยมิตรภาพใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่น่าสลดใจอย่างกะทันหัน และนักเรียนมัธยมปลาย “วาดา” (เจนน่า ออร์เตกา) เริ่มสร้างตัวเองใหม่ ในขณะที่ประเมินความสัมพันธ์ของเธอกับครอบครัว เพื่อนฝูง และมุมมองของเธอที่มีต่อโลกอีกครั้ง ย้ายออกจากกิจวัตรครอบครัวที่สะดวกสบายของเธอ เธอเริ่มเสี่ยงกับการตัดสินใจหลายครั้งที่ทดสอบขอบเขตของเธอเองและผลักดันเธอไปสู่ทิศทางใหม่ เมื่อเธอใช้เวลากับ “มีอา” (แมดดี้ ซีกเลอร์) มากขึ้น

รีวิวหนัง The Fallout เดอะ ฟอลล์เอาท์ (2022) เรื่องย่อ : ด้วยมิตรภาพใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่น่าสลดใจอย่างกะทันหัน และนักเรียนมัธยมปลาย “วาดา” (เจนน่า ออร์เตกา) เริ่มสร้างตัวเองใหม่ ในขณะที่ประเมินความสัมพันธ์ของเธอกับครอบครัว เพื่อนฝูง และมุมมองของเธอที่มีต่อโลกอีกครั้ง ย้ายออกจากกิจวัตรครอบครัวที่สะดวกสบายของเธอ เธอเริ่มเสี่ยงกับการตัดสินใจหลายครั้งที่ทดสอบขอบเขตของเธอเองและผลักดันเธอไปสู่ทิศทางใหม่ เมื่อเธอใช้เวลากับ “มีอา” (แมดดี้ ซีกเลอร์) มากขึ้น

 

รีวิว เดอะ ฟอลล์เอาท์ (2022)

 

พวกเขาก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น และวาดาค่อย ๆ รีวิวหนังใหม่2022 นิยามตัวเองใหม่ผ่านประสบการณ์ที่พวกเขามีร่วมกัน นำเธอไปไกลกว่านั้นจากวันนั้นและใกล้ชิดกับชีวิตของเธอในปัจจุบันมากขึ้น นำแสดงโดย : ออสติน ซาเจอร์ , คริสติน ฮอร์น , เจนน่า ออร์เทก้า , จอห์น ออ ร์ติซ , จูลี่ โบเวน , ลูมิ พอลแล็ค , แม ดดี้ ซีกเลอร์ , Niles Fitch , ไชลีน วูดลีย์ , วิลล์ ร็อปป์

ในทุกวันนี้ มีแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งให้เลือกมากมายจนบางก็ครั้งก็รู้สึกว่ามีความบันเทิงให้เลือกชมมากมายจนเลือกไม่ถูก แต่ถ้าใครชอบหนังที่เน้นความซึ้ง ลองดูภาพยนตร์ออริจินัลเรื่องใหม่ของทาง HBO GO ที่ชื่อ The Fallout  ภาพยนตร์เล็กๆ แต่คุณภาพเต็มเปี่ยม

The Fallout เป็นภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวความยืดหยุ่นของชีวิตและความหวังที่เกิดขึ้นหลังการสูญเสียครั้งใหญ่ ผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของ เมแกน พาร์ค (Megan Park) และได้ เจนน่า ออร์เทกา (Jenna Ortega) จากภาพยนตร์ Scream, ซีรีส์ You และ ภาพยนตร์ Yes Day มารับบท Vada นักเรียนมัธยมปลายที่กำลังสร้างมิตรภาพครั้งใหม่ภายหลังโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ในขณะเดียวกันชีวิตก็ทำให้เธอได้ปรับมุมมองที่มีต่อความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับครอบครัว เพื่อน และโลกใหม่

 

รีวิว เดอะ ฟอลล์เอาท์ (2022)

 

วาดาได้ก้าวออกจากกิจวัตรประจำวันของครอบครัวที่สะดวกสบาย เริ่มเสี่ยงกับการตัดสินใจหลายครั้งที่ทดสอบขอบเขตของตัวเองและผลักดันเธอไปสู่ทิศทางใหม่ และเมื่อเธอได้ใช้เวลาร่วมกับ Mia ซึ่งรับบทโดย แมดดี้ ซีกเลอร์ (Maddie Ziegler) จากภาพยนตร์ West Side Story และ ภาพยนตร์ Music เพื่อนของเธอมากขึ้น ประสบการณ์ร่วมกันของทั้งสองก็ค่อยๆพาเธอออกห่างจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ และใกล้เข้าสู่การใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันขึ้นเรื่อยๆ

ภาพยนตร์ The Fallout ได้รับรางวัล Grand Jury Prize และ Audience Award for Narrative Feature รวมถึงรางวัล Brightcove Illumination Award ในเทศกาลภาพยนตร์ SXSW ปี 2021 มาแล้ว

The Falloutเป็นภาพยนตร์ดราม่าระดับไฮสคูลของอเมริกาปี 2021 ที่เขียนบทและกำกับโดยเมแกน พาร์คในการกำกับเรื่องแรกของเธอ ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลที่ตามมาของการยิงในโรงเรียน มันดาราเจนน่ากาซา ,แมดดี้ซีกเลอร์ ,ไนลส์ฟิทช์ , Will ROPP , Lumi พอลแล็ค,จอห์นออร์ติซ ,จูลี่เวนและเชลีนวูดลีย์

 

รีวิว เดอะ ฟอลล์เอาท์ (2022)

ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายรอบปฐมทัศน์โลกที่South by Southwestเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2564 โดยได้รับรางวัล Grand Jury Prize ในการแข่งขันภาพยนตร์สารคดี รางวัล Audience Choice Award ในการแข่งขัน Narrative Feature Competition และรางวัลBrightcove Illumination Award มันได้รับจากนักวิจารณ์บวกกับผู้กำกับบทประสิทธิภาพการทำงานของกาซาและฟินนีสโอคอนเนล ล์ ‘s คะแนนถูกแยกออกมาเพื่อสรรเสริญ

การคัดเลือกนักแสดง

 

รีวิว เดอะ ฟอลล์เอาท์ (2022)

 

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 มีการประกาศว่าเจนน่า ออร์เทกาได้เข้าร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเมแกน พาร์คจะกำกับการแสดงจากบทภาพยนตร์ที่เธอเขียน ในเดือนเมษายน 2020 Maddie Zieglerเข้าร่วมแสดงในภาพยนตร์ ในเดือนพฤษภาคม 2020 วิล ร็อปป์ได้เข้าร่วมแสดงในภาพยนตร์ ในเดือนสิงหาคม 2020 Niles Fitch , Shailene Woodley , Julie BowenและJohn Ortizเข้าร่วมแสดงในภาพยนตร์

กำลังถ่ายทำ

 

 

ถ่ายทำจะเริ่มมีนาคม 2020 แต่ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากการCOVID-19 การแพร่ระบาด หลักการถ่ายภาพเริ่มขึ้นในลอสแองเจลิส[7]ในเดือนสิงหาคม 2020 และสิ้นสุดในวันที่ 11 กันยายน 2020

ทีมสร้าง Fallout ฉบับซีรีส์คนแสดงที่จะฉายบน Amazon Prime ได้ตัว วอลตัน ก็อกกินส์ (Walton Goggins) มาเป็นหนึ่งในนักแสดงนำ ดูหนังใหม่

 

 

ก็อกกินส์มีผลงานเด่นจากการรับบทเป็น Boyd Crowder ในซีรีส์ Justified รวมถึงเคยรับบทพากย์เสียงเป็น Cecil Stedmen ในเรื่อง Invincible และ Baby Billy Freeman ในเรื่อง The Righteous Gemstones นอกจากนี้ ก็อกกินส์ยังเคยรับบทในภาพยนตร์อย่าง Ant-Man and the Wasp และ Tomb Raider ด้วย

สำหรับบทที่ก็อกกินส์จะมาเล่นในซีรีส์ที่สร้างจากเกมนี้มีข่าวลือว่าอาจจะเป็นบท Ghoul (มนุษย์ที่ถูกพิษของกัมมันตภาพรังสีจากระเบิดนิวเคลียร์จนเสียโฉม แต่มีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์ทั่วไป)

 

 

ในส่วนของ Fallout ฉบับซีรีส์คนแสดงนี้ได้รับการเปิดเผยครั้งแรกในปี 2563 โดยยังไม่มีการเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเนื้อเรื่องมากนัก แต่จะมี Bethesda Game Studios เข้ามามีส่วนในการสร้างด้วย

แม้ว่า Fallout 4 จะเป็นเกมคุณภาพดีเยี่ยมสำหรับเกมเมอร์ทุกคน แต่สำหรับสายตาสาวกแฟน ๆ ของเกม Fallout ที่เติบโตกับเกมซีรี่ส์นี้มาตั้งแต่ภาคสามหรือ New Vegas จะไม่ค่อยปลื้มกับการเปลี่ยนแปลงของเกมการเล่นของภาคนี้เป็นอย่างมาก และได้เห็นตรงกันว่า “Fallout 4 เป็นเกมดี แต่ไม่ใช่เกม Fallout ที่ดี”

 

เดอะ ฟอลล์เอาท์ (2022)

นี่คือบทความ “ไขข้อสงสัย Fallout 4 เป็นเกมที่ดีเยี่ยม แต่ทำไมไม่ถูกใจแฟนบอย ?” จะเป็นการอธิบายว่าทำไม Fallout 4 กลายเป็นภาคที่เหล่าสาวกเกมนี้มานานต่างไม่ชื่นชอบเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้เขียนเองก็ได้ผ่านซีรี่ส์นี้มาเกือบทุกภาครู้สึกเห็นด้วยว่าภาคสี่เล่นไม่สนุกเท่ากับภาคก่อนอย่างภาค New Vegas ที่ผมยังคงยกย่องว่าเป็นภาคที่ยอดเยี่ยมที่สุด

สิ่งไม่น่าให้อภัยมากที่สุดสำหรับ Fallout 4 ก็คือตัดระบบเนื้อหาเกม RPG อย่าง Skill Point ที่เป็นเอกลักษณ์มากที่สุดของค่าย Bethesda โดยให้อัปเกรตเฉพาะ Perks แล้วเน้นเกมการเล่นในการยิงแอ๊คชั่นมากขึ้น ซึ่งแม้ว่าการยิงปืนของภาคนี้จะสนุกเร้าใจ แต่ผู้เล่นไม่ได้รู้สึกถึงพัฒนาการของตัวละครเหมือนกับเกม RPG อย่างที่เป็น

 

 

ถ้าคุณมีทักษะฝีมือ FPS พื้นฐาน ผู้เล่นสามารถยิงปืนเก่งตั้งแต่เริ่มเกมเลเวลหนึ่งทันทีเนื่องจากภาคนี้เล็งตามศูนย์ก็โดนตามเป้า ไม่เหมือนกับภาคเก่าที่แม้จะยิงแม่นแค่ไหนก็มีโอกาสพลาดเป้าได้ เพราะว่าผู้เล่นในเกมยังไม่มีสกิลการใช้ปืนมากพอที่จะใช้อาวุธได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งก็ต้องอาศัยการเล่นเก็บค่า EXP เพื่อใช้อัพสกิลต่าง ๆ ตามที่ผู้เล่นต้องการ

พอ Fallout 4 ไม่มีระบบ Skill Point และเน้นการยิงแอ๊คชั่น ทำให้เกมแทบจะไม่หลงเหลือความเป็นเกม RPG สไตล์ Bethesda ดั้งเดิม ในส่วนนี้ทำให้สาวกไม่ชื่นชอบเป็นอย่างมากจนถึงขั้นต้องให้ชาวม็อดสร้างระบบขึ้นมาเองด้วยมือตัวเอง

บทพูดของ Fallout 4 ยังห่างชั้นจากภาค New Vegas อย่างมากทั้งในเรื่องของปริมาณและคุณภาพ ในภาคเก่าก่อนภาคสี่จะมีทางเลือกมากมายให้เลือกตอบ และนำเสนอแบบประโยคเต็มที่อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที ต่างจากภาคสี่ที่มีทางเลือกสูงสุดมีเพียง 4 ตัวเลือก บทพูดก็สั้นแต่ไม่ได้ใจความ เช่น Yes, No, Sarcastic และอื่น ๆ

 

 

นอกจากจะดูมักง่ายแล้ว ก็ส่งผลในเรื่องการอ่านไม่เคลียร์และกำกวม เพราะการนำเสนอเป็นเพียงแค่ประโยคสั้นจู๋ ทำให้ผู้เล่นต้องมานั่งคิดลังเลว่าตอบแล้วจะตรงกับตามที่เราตีความหมายไว้หรือเปล่า นอกจากนี้ก็ทำให้เควสหลายอย่างไม่มีอรรถรสอย่างที่เป็น เพราะปริมาณที่ลดลงก็ส่งผลต่อเควสโดนจำกัดความสร้างสรรค์อีกด้วย ดูหนังฟรี

เพราะการดรอปคุณภาพเรื่องการเขียนกับปริมาณบทไม่หลากหลายที่เทียบเท่ากับภาคก่อน ๆ ทำให้เกมเมอร์หลายคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นจุดด้อยที่ร้ายแรงที่สุดของ Fallout 4 ไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้เก่าหรือหน้าใหม่ที่ได้ลองสัมผัสภาคเก่า