รีวิว Vortex วอร์เท็กซ์ อาชญากรรมในโลกเสมือน

หากคุณมีโอกาสกลับไปพูดคุยกับคนที่คุณรักก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิตคุณจะทําอย่างไร? คุณจะเตือนพวกเขาถึงสิ่งที่กําลังจะมาถึงและพยายามเปลี่ยนอดีตหรือไม่? แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่จะตอบว่า “ใช่”… แต่ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร วันนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับ หนังใหม่ netflix นี่คือซีรี่ย์ไซไฟ-อาชญกรรมที่หยิบยกเทคโนโลยี VR กลายเป็นไอเดียใหม่ที่เราไม่ค่อยได้เห็นมากนัก เป็นเรื่องราวการเดินทางข้ามเวลาเพื่อตามหาฆาตกรและเปลี่ยนแปลงอดีต เรื่องราวในหนังจะเป็นอย่างไร สามารถไปติดตามกันได้ที่ Netflix หรือเว็บ ดูหนังออนไลน์ ที่นี่ที่เดียว

รีวิว Vortex การเดินทางข้ามเวลาเป็นเรื่องยากที่จะถูกต้อง โดยไม่ตกอยู่ในพล็อต และหลุมมากไม่น้อยเลยทีเดียว และในช่วง เวลาที่ Vortex ยัง ไกลห่างจาก ความสมบูรณ์ แบบนี่เป็นสถานที่ที่ออกจะไม่มีใครเหมือน และส่วนมาก ยึดติดกับ ชุด กฎ ที่สอดคล้องต้องกัน

ซึ่งเข้าใจง่าย และเล่นได้ง่าย Vortex ซีรีส์ 6 ตอนสุดท้ายของ ประเทศฝรั่งเศส ที่ฉาย ทาง โทรทัศน์เมื่อสิ้นปี 2022 ก่อนที่จะ Netflix จะซื้อมาลงในระบบ เกิดเรื่องราว ในปี 2025 ตํารวจมี เทคโนโลยี VR เลียนแบบ จุดเกิดเหตุได้เสมอเหมือนจริง

Ludovic สํารวจ สอบสวนได้เข้ามาทําคดี หญิงสาว ตกลงมาจากผา ในจุดเดียวกับที่อดีตเมียของเขา พลัดตกลงมาเมื่อ 27 ปีกลาย ในจุดเกิดเหตุเลียนแบบ ของโลก VR เขากลับได้เจอเมีย ในระยะเวลา 27 ปีกลายเกิดเหตุ 124 ชั่วโมง และพบว่ามันเป็นคดีการฆ่า ไม่ใช่อุบัติเหตุ ทั้งสอง ก็เลยเริ่ม หาทาง สอบสวนว่า คนไหนกันเป็นคนร้าย

Vortex เรื่องย่อ เรื่องราวหลัก ของ Vortex จะเกิดขึ้น ในปี 2025 ที่นี่ตํารวจนักสืบ Ludovic Béguin (รู้จัก กัน ในชื่อ “Ludo”) กํา ลัง ทํางาน ใน เมืองชายฝั่งทะเลเบรสต์ ของประเทศฝรั่งเศส เขาสูญเสียความรัก ในชีวิต เมลานี้ 27 ปีกลาย ใน อุบัติเหตุที่น่าเวทนา เมื่อเมลานีเสียชีวิตในปี 1998 บุตรสาวของพวกเขายังเป็นเด็ก ด้วยเหตุดังกล่าว พวกเราก็ เลย ติดตาม ลูก ของ พวกเขา ในเวอร์ชันคนแก่ในปี 2025 ในช่วงเวลานี้ ตอนที่ศึกษาเล่าเรียนฉากอาชญากรรมที่ ผลิตขึ้น โดย VR Ludo สะดุดกับความบกพร่องที่พิลึก

ความผิดพลาด นํามาซึ่งการทําให้ Ludo สามารถสนทนา กับ Mélanie ซึ่ง ในช่วงเวลานี้อาศัยอยู่ในปี 1998 เพียงแค่ไม่กี่วันก่อนที่เธอจะเสียชีวิตในปี 1998 อาจจะเกิด ขึ้นได้ก็เพราะเมลานีเสียชีวิต บนริมหาดเดียวกันเมื่อ 27 ปีกลาย

แน่นอนว่าลูโต ไม่อาจจะช่วยเหลือตัวเองจากการพยายามช่วยเมลานี จากการตายทันทีทันใด และน่าสังเวชของเธอ แม้กระนั้นเขาตระหนักดีว่าการเปลี่ยนแปลงสมัยก่อน คือ การเสี่ยง ที่จะสูญเสียชีวิตของตน ในขณะนี้ ซึ่งรวมทั้ง Parvana เมียคนปัจจุบันนี้ของเขาและ Sam ลูกชายของพวกเขา

ซีรีส์ ที่ใช้เค้าโครงเรื่อง แนว ไทม์ ทราเวล รวมกับเทคโนโลยี VR เปลี่ยนเป็น ไอเดีย ที่สดใหม่ ไม่เคยมีเรื่องมีราว ไหน ท่ามาก่อน โดยเรื่องนี้จะเป็นการย้อนเวลากลับไปได้เฉพาะเวลา ใส่แว่น VR ที่เลียนแบบ จุดเกิดเหตุไว้แค่นั้น

ทําให้มีขอบเขตจํากัดเพียงแค่ ห้องเสี่เหลี่ยม ในโลกจริง ที่ผู้แสดงนํา ในอนาคต กับ สมัยก่อนจะได้มาเจอะกัน ตรงเวลาที่นัดหมายไว้เพียงแค่นั้น แม้กระนั้น ไม่อาจจะสัมผัสกันได้ด้วยเหตุว่า นักแสดง ในสมัยก่อนเป็นเพียงแค่ VR ซึ่งการบีบให้มีข้อกําหนดขนาดนี้

ทําให้เรื่อง ดูไม่เว่อร์มากมาย และยังคงใช้คุณประโยชน์ จากข้อกําหนดเรื่อง ย้อนเวลามา ทําให้เรื่อง ในเรื่อง ดําเนินไปแบบลุ้นระทึก ตลอดระยะเวลา ด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันของ ตัวน่า ทั้งสอง ที่ร่วมสอบสวน อีกทั้งในอดีตกับอนาคต

และก็ทําให้เรื่องราวถูกเปลี่ยนไปมาครั้งใดก็ตามทั้งสองเพียร พยายาม แก้ปัญหาว่า คนไหนกันแน่เป็นฆาตกร โดย หนัง Vortex (2023) เรื่องนี้ใช้แนวคิดแบบหนัง บัตเตอร์ฟลายเอฟเฟ็กต์ (Butterfly Effect) ที่เส้นเวลา มิได้ แตกกิ่งก้านสาขาออกไปเรื่อย แต่ว่ามีเพียงแค่เส้นเวลาเดียวที่ดํารงอยู่และ แปรไปตามความเคลื่อนไหว ในสมัยก่อน

Vortex 2023 Netflix ใส่เรื่องราวการเสาะหาฆาตกรโรคจิตไว้ได้อย่างพอดีกับการเล่นกับเวลา โดยเป็นฆาตกรโรคจิต ที่กบดานมา เป็นระยะเวลานาน และสร้างฉากการสังหาร ให้เสมือนเป็นอุบัติเหตุ โดยมีตัวละครที่ทําให้ผู้ชมต้องสงสัย ตั้งแต่ เปิดเรื่อง

และถูกบทเสนอแนะทําให้คิด ดังที่วางไว้ได้อย่างดีเยี่ยม นับว่า คาดเดาได้ยากพอควรเลย แม้กระนั้นที่ ตรงนี้ ก็เป็นจุดบกพร่องของเรื่อง เช่นเดียวกัน เมื่อบท บากบั่น ใส่ผู้แสดงกับ เรื่อง หลอกผู้ชม บ่อยๆ บ่อยมากมายไป หน่อย จนกระทั่ง บางสิ่งบางอย่าง ดูไม่สมเหตุผล

สิ่งที่น่าประทับใจในเรื่อง

CG ในเรื่อง นับว่า ทําได้ดีเยี่ยม โดยเทคโนโลยี VR ที่มองเห็นในเรื่อง ส่วนมากมาจากการใช้หน้าจอ แอลอีดี โค้ง ขนาดใหญ่ ถ่ายทําในสตูดิโอสร้างภาพเหมือนจริง คล้ายเคล็ดวิธีเดียวกับ ซีรีส์ the Mandalorian ซึ่งการจํากัดฉาก ในคดี การฆ่าสังหารไว้เพียงแค่ริมทะเล

ที่เดียวก็ช่วยลดทุนและทําให้เทคโนโลยีนี้เหมาะสมมาก แต่ว่า เรื่อง ก็ยังดูน่าสมัยอยู่ตลอด เมื่อตัดตอนเข้ามาในโลก VR นี้ แม้กระนั้นนอก VR ก็ยังเป็นโลก ธรรมดาทั่วๆไป ไม่มีการใช้ CG ใดๆก็ตามเลย

แม้กระทั้งแว่นสายตา ในเรื่องก็ยังคงใช้แว่นธรรมดามา ท่าเสมอเหมือน ให้เป็นแว่น VR ไม่ใช่แบบ ครอบหัวไว้ราวกับในปัจจุบัน

ตัวนำหลัก เป็นตํารวจสืบสาว Ludvic “Ludo” Béguin และเขาแสดง โดย Tomer Sisley ใน Vortex Tomer Sisley เล่นเป็นตัวละครเดียวกัน ในสองช่วงเวลา มัน ทํางาน ได้ดิบได้ดี อย่างน่าแปลกใจด้วยการแต่งหน้าทาปาก เอฟเฟกต์ พิเศษและตัวเลือก

การจัดแต่งทรงผมที่ไม่เหมือนกัน ทั้งคู่ขณะเป็น ในตอนฤดูร้อนปี 1998 และในวัน เดียวกัน ในปี 2025 การตั้งค่า เรื่องราวใน ตอน สถานะการณ์สําคัญในประเทศฝรั่งเศส (พวกเขาชนะบอลโลก สมาคมสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างชาติ ในปี 1998)

และในอนาคตอันไม่ไกลเหลือเกินนั้น ค่อนข้างจะสร้างสรรค์ ใน เรื่องที่ชื่อ Tomer Sisley ไม่ดัง กริ่งคุณ ควรจะคาดหวังว่าจะเจอเขารู้จัก เขาอยู่ในกลุ่มผู้แสดงที่น่าทึ่งของ

ภาพยนตร์ Netflix เรื่อง Don’t Look Up (2021) และซีรีส์ Netflix Messiah (2020) นอกเหนือจากนั้นเขายังอยู่ ในภาพยนตร์และละครทีวีมานานกว่า 25 ปี แล้ว

โดยรวม นี่เป็นซีรีส์ที่เล่นเรื่อง ไทม์ ทราเวล ในแบบใหม่ได้ดิบได้ดีเลย แม้ว่าจะยังไม่ถึงกับเนียนได้หมดทุกจุด แต่ว่า ถ้าหากปล่อยใจ ไหล ไป กับ เรื่องราว แนวบัตเตอร์ฟลาย เอฟเฟ็กต์ ที่มีการแสวงหาผู้ร้ายผ่านเวลากับปัญหา ชีวิตครอบครัว

นับว่าเรื่องนี้ทําได้สมดุลย์ อีกทั้ง 2 ทาง และออกมาดีเยี่ยมแล้ว ตามที่ได้กล่าวไว้ที่ผ่านมามินิซึ รีส์ ประเทศฝรั่งเศสนี้มีเพียงแค่หก ตอนและเรื่องราวก็น่าดึงดูดมากจนถึงยากที่จะไม่ดู

ขอชี้แนะเลยว่าไม่สมควร พลาด แต่ว่า ถ้าเกิดเบื่อ กับ หนังฆาตกรรมกันแล้ว สามารถไปติดตาม หนังแอ็คชั่นมันๆ ได้ที่นี่ รีวิว Transformers Rise of the Beasts