รีวิว Without Remorse

 

 

รีวิว หนังใหม่ Tom Clancy’s Without Remorse: หนังแอคชั่น อารมณ์สุดระทึก แต่พลอตเรื่องกลับสูตรสำเร็จ และมิติตัวละครที่ไม่น่าจดจำ

ผลงานที่ดัดแปลงมาจากนิยายดังของ ทอม แครนซี่ กับเรื่องราวที่พูดถึงจุดเริ่มต้นของหน่วย Rainbow Six ที่ได้ทีมสร้างระดับคุณภาพไม่ว่าจะเป็น สเตฟาโน่ โซลิมา (Sicario: Day of the Soldado) และได้ เทย์เลอร์ เชอร์ริแดน (Wind River) มาร่วมเขียนบท

โดยเดิมทีตอนแรกมีกำหนดวางฉายโรง แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้หนังเรื่องนี้ต้องถูกถอดจากโรง และฉายบนสตรีม Amazon Prime แทน

 

รีวิว Without Remorse

 

หนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ จอห์น เคลลี่ (ไมเคิล บี จอร์แดน) เจ้าหน้าที่หน่วยซีลมือฉมัง ที่วันหนึ่งเขาต้องสูญเสียครอบครัว จากการถูกฆาตกรรม หลังจากนั้น เคลลีก็พบว่ากระบวนการความยุติธรรม ไม่สามารถเอาคนผิดมาลงโทษได้ ทำให้ เคลลี่ ต้องรับหน้าที่เป็นศาลเตี้ยคอยตามล่าคนที่ทำลายครอบครัวเขา ก่อนที่เขาจะพบว่าเบื้องหลังเรื่องทั้งหมด เกิดจากความต้องการทำสงครามระหว่างอเมริกา และรัสเซีย ที่มีพลเรือนอย่างเขาเป็นเหยื่อ และเครื่องมือ

ตัวหนังเรียกได้ว่าทำมาเพื่อเอาใจแฟนเกมแนว Shooting หรือคนที่ชอบหนังแอคชั่น ปฎิบัติก่รณ์โดยเฉพาะ ตลอดทั้งเรื่องหนังเต็มไปด้วยฉากการทำภารกิจที่ตื่นเต้นสมจริง แม้ว่าจะไม่ได้เน้นฉากไล่ล่า หรือฉากวินาศสันตะโรมาก แต่จะเน้นไปที่ฉากยิงกันแบบเท่ ๆ ดุเดือด เหมือนที่ผู้กำกับเคยทำไว้ใน Sicario: Day of the Soldado ใครชอบหนังสไตล์พูดน้อยต่อยหนักน่าจะถูกใจไม่มากก็น้อย ดูหนัง

 

รีวิว Without Remorse

 

กระนั้นปัญหาสำคัญของหนังเรื่องนี้คือบทหนังที่ไม่สามารถให้ความสมเหตุสมผล และน้ำหนักการกระทำของตัวละครเท่าที่ควร ทั้ง ๆ ที่เดิมทีในเวอร์ชั่นหนังสือหนังถ่ายทอดพาร์ทการล้างแค้นออกมาได้เข้มข้น แต่ในหนังกลับเลือกที่จะปรับบริบทตัวละครใหม่ จนทำให้มิติตัวละครหายไปอย่างน่าเสียดาย นอกจากนี้หนังก็ยังมาพร้อมบทแบบสูตรสำเร็จของหนังแอคชั่น ผสมการเมือง ที่มักจะมีการแถแบบเดิม ๆ ที่คนที่ดูหนังแนวนี้มาบ่อยน่าจะคาดเดาได้ไม่ยาก

 

รีวิว Without Remorse

อีกส่วนที่น่าเสียดายคือหนังค่อนข้างเล่นกับฉากกลางคืนเป็นส่วนใหญ่ พร้อมโทนภาพที่มีสีเข้ม ๆ หม่น ๆ ทำให้ฉากแอคชั่นหลาย ๆ ฉากของเรื่องมีโทนภาพที่มืด จนทำให้มองไม่เห็น จนคนดูไม่สามารถมีอารมณ์ร่วมกับหนังได้เท่าที่ควร

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชม ไมเคิล บี จอร์แดน ที่ยังสามารถรับบทชายผู้มีความแค้นออกมาได้หนักแน่น ทรงพลัง เป็นตัวละครสไตล์พูดน้อยต่อยหนัก ไม่ต่างจากผลงานเรื่องก่อน ๆ เช่นบท คิลมองเกอร์ ใน Black Panther แต่ที่ค่อนข้างน่าเสียดายคือบทของ กาย เพียร์ช ที่หนังไม่สามารถใช้งานตัวละครของเขาได้อย่างคุ้มค่าเท่าที่ควร

 

รีวิว Without Remorse

 

โดยรวม Tom Clancy’s Without Remorse ถือว่าเป็นหนังแอคชั่น ระทึกขวัญ ที่ค่อนข้างน่าจะถูกใจคนชอบหนังปฎิบัติการณ์ หรือใครที่เป็นแฟนเกมที่ดัดแปลงจากนิยายของ ทอม แคลนซี่ แต่หากใครที่ดูเอาเนื้อหาอาจผิดหวังอีกเรื่องของปีนี้ ทั้ง ๆ ที่ตอนปล่อยตัวอย่างหนังทำออกมาได้เข้มข้น น่าดูมาก แต่ทว่าในหนังจริงหนังเต็มกลับทำหน้าที่ไม่สุด โดยเฉพาะด้านบท ที่ค่อนข้างสูตรสำเร็จ ไม่มีอะไรให้น่าจดจำหรือพูดถึงอย่างไรก็ตามหนังก็ยังมีเอนด์เครดิต 1 ตัวที่น่าจะเซอร์ไพรส์แฟนเกมชุด Rainbow Six พร้อมทั้งทิ้งความหวังว่าเราอาจได้เห็นภาคต่อไปของหนังเรื่องนี้ในอนาคต ดูหนังออนไลน์

รีวิวหนัง วิจารณ์หนัง Tom Clancy’s Without Remorse

มาถึงหนังแอคชั่นระทึกขวัญอีกเรื่องนี้ได้ฤกษ์ฉายในช่วงนี้ และก็เป็นหนังที่เคยมีแผนเดิมเข้าฉายในโรงหนังตามปกติ แต่เพราะเจอสถานการณ์โควิด-19 จึงได้ตัดสินใจขายลิขสิทธิ์ฉายทางสตรีมมิ่งออนไลน์แทน เรากำลังพูดถึง “Without Remorse” หรือ ลบรอยแค้น หนังที่ดัดแปลงสร้างมาจากนิยายบู๊ระทึกขวัญของนักเขียนระดับตำนาน ที่ถูกนำมาขึ้นจอได้สำเร็จ เพียงแต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้น…ไม่ถึงระดับน่าประทับใจเท่าที่ควร

 

 

Without Remorse เล่าเรื่องราวของ จอห์น เคลลี่ เจ้าหน้าที่ทหารประจำหน่วยซีลของกองทัพสหรัฐฯ ที่ต้องผันตัวเองมาทำเรื่องราวที่เป็นปรปักษ์กับฝ่ายสังกัดของตัวเอง เมื่อภรรยาและลูกในท้องถูกคนร้ายบุกเข้ามาฆาตกรรมอย่างเหี้ยมโหด อีกทั้งลูกทีมของเขาก็ถูกไล่สังหารด้วย เขาที่รอดชีวิตได้อย่างหวุดหวิดจึงพยายามหาคำตอบให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังกันแน่ ก่อนจะนำตัวเองเข้าไปพัวพันที่อาจจะก่อให้เกิดเป็นความขัดแย้งระหว่างชาติ

หนังดัดแปลงสร้างมาจากนิยายชุดของ “ทอม แคลนซีย์” ผู้ที่เคยปลุกปั้นจักรวาล Jack Ryan มาก่อนหน้านี้ ในคราวนี้ยังคงหมกหมุ่นและวนเวียนอยู่กับประเด็นองค์กรรักษาความปลอดภัยระดับชาติของสหรัฐฯ อีกเช่นเคย นับว่าเป็นแนวถนัดของเขา เรื่องนี้เป็นการปูเรื่องราวทุกอย่างเอาไว้ให้เบ็ดเสร็จ เพียงแต่ในภาพรวมแล้วต้องยอมรับว่า Without Remorse ฉบับหนัง ยังได้รับการปรุงแต่งออกมาได้รสชาติไม่ดีเท่าที่ควร

 

 

แม้ว่า Without Remorse จะมาพร้อมกับมาดเท่ๆ เชือดเฉือนพอประมาณ แต่ปรากฏว่าตัวหนังยังไม่สามารถดึงดูดใจคนดูได้ตลอดทั้งเรื่อง เพราะระยะเวลากว่า 100 นาทีของหนัง แทบจะไม่มีหยุดไหนที่โดดเด่นออกมาสักจุดเดียว ทุกอย่างถูกเล่าไปตามท้องเรื่องที่มีมิติดี แต่ถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างไร้มิติเป็นเสียส่วนใหญ่ ช่วงพีคที่ควรจะดุดันแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จึงทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังบู๊ที่ไม่สามารถส่งไปให้ถึงสุดท้ายได้สักจุดเดียว

“ไมเคิล บี. จอร์แดน” มาแบกรับหนังเรื่องนี้เอาไว้แทบจะคนเดียวทั้งเรื่อง และก็เกือบจะไปไม่รอด ด้วยการที่หนังยังไม่สามารถขับคาแรกเตอร์ของ จอห์น เคลลี่ ออกมาได้ชัดเจนสักเท่าไหร่ ทำให้ตัวละครนี้ที่เด่นที่สุดแต่กลับยังแบนเรียบและถูกกลืนหายไปกับตัวหนัง แม้ว่าการแสดงของไมเคิลจะทำออกมาได้ยอดเยี่ยม ทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพียงแค่บทไม่ส่งให้ตัวละครนี้พุ่งออกมา ทุกอย่างจบเหมือนกัน

 

 

ขณะที่นักแสดงคนอื่นๆ ก็สวมบทบาทของตัวเองได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น “โจดี้ เทอร์เนอร์-สมิธ”, “เจมี่ เบลล์” หรือ “กาย เพียร์ซ” แต่ความดีงามของพวกเขาก็เกิดกรณีเดียวกับนักแสดงนำ เพราะบทและการนำเสนอที่ราบเรียบไร้จุดเด่นไปสักหน่อย ทำให้ทุกๆ อย่างดูเบาไปเสียหมดอย่างน่าผิดหวัง ดูหนัง 4k

ไม่ใช่ว่าโครงสร้างของ Without Remorse จะแย่ แต่การดัดแปลงบทและวิธีการถ่ายทอดเรื่องราวของหนังยังทำได้ไม่ถึงสุดทาง ผู้กำกับ “สเตฟาโน ซอลิมา” (จาก Sicario: Day of the Soldado) ที่เหมือนจะหยิบเอากลิ่นอายจากผลงานเรื่องที่แล้วของเขามาใส่ในเรื่องนี้หน่อยๆ แต่ทิศทางกลับไม่สามารถเข้ากันได้ จึงทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาผิดที่ผิดทาง และไร้สิ่งที่น่าจดใจตลอดการฉายหนังทั้งเรื่อง

 

Without Remorse

ส่วนตัวยังไม่เคยได้อ่านฉบับนิยายของซีรีส์ชุดนี้ จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้ แต่ก็ได้ยินฟีดแบกจากคนดูต่างประเทศที่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เวอร์ชั้นนิยายของ Without Remorse เล่าเรื่องออกมาได้สนุกและน่าติดตามมากกว่าเวอร์ชั่นหนังเรื่องนี้ แม้ว่าจะได้มือเขียนบทยอดฝีมืออย่าง “เทเลอร์ เชอร์ริแดน” มาดัดแปลงให้เลยก็ตาม

เอาเป็นว่าในภาพรวมแล้ว Without Remorse เป็นหนังแอคชั่นที่ก็ฉากบู๊แอคชั่นที่ดุเดือดประมาณหนึ่ง เพียงแต่ถูกถ่ายทอดออกมาได้ไม่น่าดึงดูด ทั้งคาแรกเตอร์ที่จืด พลอยทำให้เรื่องราวที่น่าจะเข้มข้นดูไร้รสชาติไปด้วย และส่งผลให้ฉากบู๊ที่น่าจะมันส์กว่านี้ กลายเป็นดูเหนื่อยๆ ไปสักหน่อย หนังจึงแทบจะหาจุดพีคของเรื่องไม่ได้เลย กลายเป็นความผิดหวังที่ไม่คิดว่าจะทำลายนิยายเล่มโปรดของใครหลายคนไปในพริบตา

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม Without Remorse ก็ยังคงปูทางเอาไว้สู่ภาคต่อ ที่อนาคตตอนนี้น่าจะริบหรี่ เพราะหนังมาฉายออนไลน์และเสียงวิจารณ์ก็ไม่ค่อยจะดีนัก น่าเสียดายที่เราอาจจะไม่ได้มีโอกาสเห็นการโลดแล่นอีกตำนานของผู้ชายชื่อ “จอห์น คลาร์ก” ที่เป็นบทสรุปที่ทิ้งท้ายเอาไว้ในเรื่องนี้ แต่ผลงานที่ออกมาก็ต้องว่าไปตามเนื้องาน…ยังห่างไกลคำว่าสมบูรณ์แบบพอสมควร

หนังที่ทำลงโรงจาก Paramount Pictures แต่มาติดปัญหาโควิด ไม่ได้ฉาย สุดท้าย Amazon Prime มาซื้อไป ซึ่งเรื่องนี้ทางค่ายหนังตั้งใจเอามานิยายชุดตัวเอก จอห์น คลาร์ก ของ ทอม แคลนซี มาทำเป็นแฟรนไชส์ต่อกันยาวๆ โดยเล่ม Without Remorse เป็นจุดกำเนิดของตัวละครนี้ ซึ่งฉบับนิยายวางขายเมื่อปี 1993 ในเวอร์ชั่นนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงปรับโฉมใหม่ทั้งหมด เรียกว่าเอามาแต่ชื่อตัวเอกกับโครงหลวมๆ เท่านั้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้กระแสตอบรับไม่ถูกใจแฟนๆ นิยาย จนทำให้คะแนนของเรื่องต่ำมากๆ (IMDB เฉลี่ยได้ 5 กว่า เว็บมะเขือได้ 40% กว่าเท่านั้น) แต่ผู้เขียนไม่ได้เป็นคนอ่านนิยายมาก่อน แต่ก็รู้จักทอมแคลนซี่ดีจากเวอร์ชั่นทั้งหนังและเกมที่ทำออกมาหลายภาคทั้งคู่ ดังนั้นในรีวิวนี้จึงเป็นมุมมองของคนดูหนังทั่วไปกับเรื่องนี้โดยตรงไม่มีเรื่องของนิยานมาปนครับ ดูหนังออนไลน์ 4k

 

 

เนื้อเรื่องถูกปรับจากสงครามเวียดนามมาเป็นยุคปัจจุบันที่จอห์นเองยังเป็นหน่วยซีลบุกเข้าไปชิงตัวประกันในตะวันออกกลาง ก่อนจะกลายเป็นว่าภารกิจนั้นศัตรูเป็นทหารรัสเซีย ซึ่งแม้จอห์จะเอาตัวรอดได้ แต่ก็กลายเป็นปริศนาคาใจว่าทำไมภารกิจที่ได้รับถึงกลายเป็นรัสเซียไปได้ ในเวลาต่อมาทีมที่ทำภารกิจนั้นกลับถูกเก็บในอเมริกาขณะอยู่กับครอบครัว จอห์นเองรอดมาได้แบบเฉียดตาย แต่เมียที่ตั้งท้องถูกฆ่า เขาจึงต้องสืบให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นผู้บงการฆ่าที่แท้จริง