it’s okay to not be okay รีวิวหนัง

 

 

แนว : โรแมนติก | แฟนตาซี

ผู้กำกับ : พัคชินอู

คนเขียนบท : โจยอง

จำนวนตอน : 16

ช่องทางรับชม : NETFLIX

กลิ่นของทิม เบอร์ตันฟุ้งซ่านตั้งแต่ฉากแรกของ it’s okay to not be okay แปลไทย เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน หนังใหม่เกาหลีเรื่องใหม่ของ tvN ที่มาถึง Netflix บอกเล่าเรื่องราวความรักที่ไม่ธรรมดาของมุนคังแท (คิมซูฮยอน) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในชุมชนที่ดูแลผู้ป่วยทางจิต และมุนซังแท (โอ. จองเซ) น้องชายออทิสติกของเขา เป็นแฟนตัวยงของนางเอก การใช้ชีวิตของผีตาเหลืองคือสถานที่ทำงานที่เคลื่อนไหวและโกมุนยองนักเขียนเรื่องราวของเด็กมืด (ซอยีจี) ฉาวโฉ่ทางสังคมและจุกจิก (kleptomaniac)

ซีรีส์อ้างว่าเป็นแฟนตาซีโรแมนติก แต่ฉันขอโทษ โรแมนติกแฟนตาซี มันผสานกับความมืดมิด นั่นเป็นการเสียดสีในเรื่องตลกที่มืดมน ยั่วยวนต่อมตลก

 

เรื่องย่อ

เป็นปกติธรมดาของซีรีส์แต่ละเรื่องที่จำเป็นต้องปูพื้นตัวละครให้คนดูเข้าใจที่มาที่ไปซะก่อน เรื่องนี้ก็เช่นกัน แต่การปูพื้นกลับแตกต่างออกไปจากซีรีส์ที่ใช้คำว่าโรแมนติกนำหน้า ด้วยการนำ stop motion มาใช้ในการเล่าเรื่อง ที่ดึงดูดความสนใจและเผยความดาร์กออกมาได้อย่างสวยงาม ที่ถึงจะไม่ได้บอกออกมาตรง ๆ แต่ก็ทำให้เราเข้าใจได้ว่า สองคนนี้เคยมีอดีตที่เกี่ยวข้องกันมาก่อน

เด็กสาวที่โกรธทุกคนบนโลกใบนี้เพราะมองว่าเธอคือตัวประหลาด โดดเดี่ยวและไร้เพื่อน วันหนึ่งเด็กหญิงช่วยชีวิตเด็กชายโดยไม่ตั้งใจ เด็กชายหน้าตาอ่อนโยนก็เดินตามเด็กหญิงต้อย ๆ จนวันหนึ่งก็พบว่า เธอมันช่างน่ากลัวจริง ๆ

 

it's okay to not be okay รีวิวหนัง

 

เด็กหญิงถามเด็กชายว่า “เธอจะอยู่ข้างฉันไปตลอดใช่ไหม”….”แน่นอน” เด็กชายตอบ เด็กหญิงก็จับผีเสื้อมาฉีกเล่นต่อหน้าต่อตาจ้ะ หนุ่มน้อยแต๋วแตกวิ่งหายลับไปในทุ่งดอกไม้หลากสี แล้วภาพก็ตัดมาที่นางเอกตัวจริงยืนนิ่งอยู่บนปราสาท อารมณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมุมกล้อง เฟรมภาพ แสงสีครอบคลุมไปถึงเครื่องแต่งกายสไตล์โกธิคที่ โกมุนยอง สวมใส่ บ่งบอกความเป็นตัวตนของนางเอกอย่างชัดเจน ดูหนังฟรี,ดูหนังออนไลน์

 

การเล่าเรื่องในแบบผสมผสานหลากอารมณ์

จากจุดเริ่มต้น หน้าจอถูกตัดเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเหวินกังไท่ ผู้มีชีวิตที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และต้องดูแลน้องชายออทิสติกของเขา ต้องเปลี่ยนงานย้ายบ้าน ละครเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนของเหวินกังไท่ภายใต้สายตาที่เศร้าโศก การสลัดสัมภาระในอดีตที่อยากจะลืมและหลบหนีเน้นให้เห็นความแตกต่างระหว่างพระเอกและนางเอกที่ชีวิตต้องบรรจบกันอย่างไม่คาดคิด

ผสมผสานกับเส้นขยุกขยิกจากภาพประกอบหนังสือของ Gao Wenying จบลงด้วยการที่เด็กคนหนึ่งถูกฝันร้ายของแม่มดเช็ดออกจากความทรงจำ แต่เขาไม่มีความสุข เพราะการลบหน่วยความจำไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เราควรจดจำบาดแผลในอดีต ต่อสู้กับมันและเติบโตขึ้นมากับมัน การหาความสุขที่แท้จริงเป็นการบรรยายที่โดยส่วนตัวแล้วชอบมาก นี่คือการสื่อสารโดยตรงของการเล่าเรื่องผ่านรูปภาพ และเข้าใจได้ไม่ยาก ซีรีส์นี้ทำให้ยิ้มได้ดีมาก ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าผู้เขียนและทีมผู้ผลิตทำการบ้านได้ดีเพียงใด

 

it's okay to not be okay รีวิวหนัง

 

อารมณ์ของเรื่องคล้าย ๆ กับคนเป็นไบโพลาร์อยู่เหมือนกันนะคะ เป็นซีรีส์ที่เปลี่ยนอารมณ์ฉับไวเหมือนใจมนุษย์ สุขอยู่ดี ๆ ขำกันอยู่หลัด ๆ ก็เข้าโหมดเศร้าแล้วโผล่ไปโหมดจิตได้หน้าตาเฉย เปลี่ยนกันปุบปับแต่ก็กลับทำออกมาได้สมูทเอาซะอย่างนั้นและที่สำคัญ ซาวด์ประกอบสามารถชี้นำอารมณ์ในจุดนั้นให้คล้อยตามและล้อไปกับเนื้อเรื่องได้แบบเนียน ๆ

 

it’s okay to not be okay รีวิวหนัง

“It’s Okay to Not Be Okay” เป็นซีรีส์ที่โด่งดังมากตั้งแต่มีข่าววางตัวการแสดง เพราะเรื่องนี้จะเป็นซีรีส์คัมแบ็คของนักแสดงฮันรยูสตาร์อย่าง “คิมซูฮยอน“ หลังจากปลดประจำการทหาร หลังจากที่ทำให้แฟน ๆ คิดถึงมานาน ในที่สุดเขาก็ตอบรับว่าจะแสดงนำในซีรีส์เรื่องนี้ โดย it’s okay to not be okay พากย์ไทย เต็มเรื่อง ซึ่งเป็นซีรีส์ที่บอกเล่าเรื่องราวของ “มุนคังแท” และ “โกมุนยอง” ที่พัฒนาความรักที่ผิดปกติไปพร้อม ๆ กับการรักษาบาดแผลทางอารมณ์และจิตใจของกันและกัน หลายคนอาจจะคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้คล้ายกับนิทานแฟนตาซีที่มีตัวละครลึกลับและแปลกตา เพราะมีพล็อตที่แปลกใหม่นำเสนอชีวิตของผู้ดูแลในหอผู้ป่วยจิตเวชกับนักเขียนนิทานต่อต้านสังคมและนักวาดภาพประกอบออทิสติกที่มีความทรงจำอันแสนเจ็บปวด ดูเหมือนเรื่องนี้จะเป็นซีรีส์ที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าเราต้องการดูเพื่อปลอบโยนจิตใจที่อ่อนแอ

 

it's okay to not be okay รีวิวหนัง

 

มั่นใจเลยว่าทีมสร้างซีรีส์เรื่องนี้ต้องเป็นสาวก ทิม เบอร์ตัน อย่างแน่นอน ก็ถ้าจะกลิ่นชัดซะขนาดนี้จะมีไอดอลเป็นใครไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพบรรยากาศ โลเคชันที่เป็นบ้านของนางเอก ชุดที่สวมใส่หรือบุคลิกท่าทางที่แสดงออก

ซีรีส์แทนภาพที่ไม่น่าดูชวนขยะแขยงด้วยภาพอื่น ๆ เป็นสื่อสัญลักษณ์ให้เราเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า และสร้างอารมณ์ใหม่สอดเข้ามาคืออารมณ์ขันที่ทำให้เราเผลอหัวเราะในหลาย ๆ ฉาก ก็เรียกได้ว่าไม่ทิ้งสายเลือดละครเกาหลี ที่ถึงแม้จะชูความดาร์ก ชูโรแมนติกหรือดราม่า แต่อารมณ์ขันก็ต้องมาเสิร์ฟอยู่ตลอดไม่มีขาด

 

it’s okay to not be okay รีวิวหนัง

นางเอกเรื่องนี้นางเป็นคนขี้ตื๊อค่ะ แต่ก็แอบป่วยจากภาวะต่อต้านสังคม เป็นลูกอีช่างหยิบที่เห็นอะไรที่คิดว่างามเป็นไม่ได้ต้องหยิบติดไม้ติดมือกลับบ้าน โดยเฉพาะของมีคม จนมาพบพระเอกและเอ่ยปากพูดออกมาหน้าตาเฉยว่า “งดงาม ช่างเป็นอะไรที่งดงามจริง ๆ …อยากได้” เป็นคนตรงและคนจริงแห่งปี 2020 เป็นชะนีสายรุกที่โมโหร้าย แอบจิตและเอาแต่ใจอย่างคนหัวแข็ง แต่ก็เข้าใจโลกได้ในแบบของเธอเอง ถึงแม้ความคิดจะดูบิด ๆ เพี้ยน ๆ ก็เถอะ แต่ก็ทำให้พระเอกเผลอคล้อยตามในที่สุด เรื่องนี้ ซอเยจี สวยมาก สีหน้าที่แสดงออกในแต่ละซีนตีบทแตก จิตจริง สวยจริงไม่มีสแตนด์อิน

คิมซูฮยอน ในบท มุนซังแท กับบทที่ต้องแบกรับภาระในการดูแลพี่ชาย ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาแต่อมทุกข์ที่ต้องฝืนยิ้มเพื่อความสุขของคนที่ตัวเองรัก จนเพื่อนเอ่ยปากออกมาว่า “รอยยิ้มของนายมันเหมือนโจ๊กเกอร์เลยว่ะ” คิมซูฮยอน ทำได้ดีในบทนี้เลยนะ แถมไอ้คำว่า งดงาม ที่นางเอกพูดออกมาก็ไม่เกินจริง ซีนเข้าพระเข้านางถึงจะดูไม่ปกติธรรมดาอย่างซีนพระนางทั่วไป แต่ก็ทำให้เราเผลอจิ้นและมีความสุขได้เมื่อสองคนนี้ได้อยู่ด้วยกัน มีซึ้งทั้ง ๆ ที่ไม่น่าจะซึ้ง สองคนสามารถสร้างความรู้สึกร่วมให้คนดูรู้สึกได้ว่า

 

 

ต่างคนก็ต่างเกิดมาเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดหายของกันและกัน คนหนึ่งเป็นผู้ปลดปล่อย ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นผู้ปลอบประโลม การกระจายบทของเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะชูพระนางเป็นส่วนใหญ่ แต่ตัวละครอื่น ๆ ก็มีบทบาทรับ-ส่งและเป็นสีสันในการดำเนินเรื่อง เรียกได้ว่ามีซีนให้ติดตาม มีปมให้เฉลยเป็นตลกร้ายที่มีอยู่จริงในสังคม

แต่ตัวละครสำคัญอีกตัวที่น่าจะมีส่วนในการคลี่คลายปมที่ซ่อนอยู่ออกมาได้ก็คือ มุนซังแท (โอจองเซ) พี่ชายออทิสติกที่มีปัญหากับผีเสื้อสีน้ำเงินและชอบไดโนเสาร์ เป็นตัวละครที่มีความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ๆ ต้องตามดูกันไปค่ะ เนื้อเรื่องชงเข้มๆ มาตั้งแต่ ep แรกกันเลย เปิดมาก็โชว์ปมกุมความลับ เป็นซีรีส์ที่แฝงจิตวิทยาไว้แบบโดดเด่น น่าติดตาม สนุกสนาน ตอนนี้ก็ผ่านมา 3ep แล้วด้วยค่ะ คืนนี้จะเป็น ep4 ยังไม่มีปมไหนคลายออกมาจริง ๆ สักปมเลยแหละ เดาทางไม่ได้เลยว่าจะพาเราเดินไปทางไหน

 

แง่มุมของชีวิต

it’s okay not to be okay พากย์ไทย นำเสนอแง่มุมของชีวิตที่แตกต่างกันในขณะที่ซูมเข้าไปที่ตัวละครต่าง ๆ ซึ่งแต่ละคนมีบาดแผลเป็นของตัวเอง มันมีหลายกรณีที่เราเห็นผู้คนและตัดสินว่าพวกเขาเป็นคนแบบนี้หรือคนแบบนั้น สิ่งนี้สามารถทำให้ผู้คนทำผิดพลาดและรู้สึกเสียใจ ซึ่งเรื่องนี้จะถ่ายทอดเรื่องราวการยอมรับผู้คนในสิ่งที่พวกเขาเป็นมากขึ้น หากวันนี้คุณกำลังตัดสินใจอยู่ว่าควรดู It’s Okay to Not Be Okay ดีไหม? ไปดูคำตอบกันค่ะว่าทำไมคุณต้องดูซีรีส์เรื่องนี้

จากเมื่ออดีตซีรีส์เกาหลีระดับปรากฏการณ์หลายๆเรื่องยังมองเห็นอิทธิพลของงานจากจีนหรือฮ่องกงอยู่ (โดยเฉพาะงานพีเรียด) ทำให้ถูกมองด้วยสายตาที่อาจไม่เป็นธรรมนักว่าขาดความสมเหตุสมผล แต่งหน้าลอยๆขายหน้าตานักแสดง หรือบางคนมองว่าจะมีแต่เรื่องรักโรแมนติกหวานจนเลี่ยน จนกระทั่งมันกลายเป็นอคติที่มองซีรีส์เกาหลีว่าเป็นแนวที่ตนไม่ชอบและมองข้ามซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดเพียงแต่มันไม่เป็นธรรมนัก เพราะในปัจจุบันซีรีส์เกาหลีพัฒนาไปไกลมาก มากจนหากลองกลับมามองซีรีส์เกาหลีใหม่โดยปราศจากอคติจะพบคุณภาพที่ตั้งอยู่บนความหลากหลาย เล่าของเก่าให้ดูใหม่ด้วยชั้นเชิงที่เป็นเอกลักษณ์

 

 

ประกอบกับการผสานความเป็นสากลเข้ากับเอกลักษณ์นั้นอย่างลงตัว ความกล้าที่จะเล่นในเรื่องหมิ่นเหม่ในประเด็นทางสังคม ดังเช่นผู้เขียนเองเมื่อมาพบกับ When The Camellia Blooms ที่เป็นความลงตัวในการผสานทุกแนวทุกอารมณ์เข้าไว้ในงานฟีลกู้ดได้ กล้าเล่นกล้าเล่าจนมองเห็นพัฒนาการที่ชัดเจนเช่นเดียวกับงานซีรีส์ที่สร้างปรากฏการณ์หลบสปอยล์อย่างแรงเมื่อตอนออนแอร์สด ด้วยการนำเสนอในเรื่องที่หนักจมดิ่งลึกทางอารมณ์แบบสุดขั้ว แล้วค่อยๆเผยอหนาขึ้นมาจนมีแสงสว่างในตอนท้าย ถึงพร้อมด้วยคุณภาพทางงานสร้าง ชั้นเชิง อารมณ์ การแสดง และกลายเป็นความยอดเยี่ยมจนยากจะบรรยาย it’s okay to not be okay ซับไทย