รีวิว นครนรกซอมบี้คลั่ง

 

 

หนังใหม่ netflix Rampant นครนรกซอมบี้คลั่ง เป็นภาพยนตร์เกาหลีที่เล่าเรื่องย้อนยุคกลับไปยุคโชซอน และเกิดโรคระบาดที่ทำให้คนเป็นซอมบี้ขึ้น โทนเรื่องเรียกว่าคล้ายกับซีรีส์ Kingdom ผีดิบคลั่ง บัลลงก์เดือด ที่ฉายทาง Netflix มาก (เรื่อง Rampant นี่ก็มีให้ดูทาง Netflix เช่นกัน) แต่เนื่องจากเป็นหนัง จึงทำให้ดูจบได้ได้ภายในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

ภาพรวมหนังทำออกมาได้โอเค มีจุดที่ไม่สมเหตุสมผลบ้างประปราย แต่ปมในเรื่องของการเมืองน่าสนใจเลยทีเดียว ตีแผ่การทุจริตคอรัปชั่น และผลประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน ของเหล่าขุนนาง และความทะเยอทะยานกระหายอำนาจไม่มีที่สิ้นสุด ไปจนถึงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซอมบี้ (ซึ่งในเรื่องใช้คำว่าผีร้าย)

 

รีวิว นครนรกซอมบี้คลั่ง

 

และด้วยความที่แนวมันคล้ายกันกับ Kingdom พอสมควร ก็คงต้องเปรียบเทียบกันสักหน่อยว่า ส่วนตัวแล้วผมชอบ Kingdom มากกว่า แต่เรื่องนี้ก็มีประเด็นน่าสนใจไม่น้อย เพราะมุ่งเน้นไปที่คุณธรรม จริยธรรมของผู้นำประเทศ มากกว่าการช่วงชิงอำนาจเพียงอย่างเดียว จึงไม่แปลกที่จะมีหลายคำพูดจากหนังเรื่องนี้ที่ช่างโดนใจเสียเหลือเกิน

โดยภาพรวม Rampant นครนรกซอมบี้คลั่ง เป็นหนังที่ดูได้เพลิน ๆ เหมาะกับใครชอบแนวเกาหลีย้อนยุค ที่มีการช่วงชิงอำนาจทางการเมือง และมีพูดถึงคุณธรรมในการเป็นผู้นำประเทศในภาวะวิกฤตประปราย ผสมไปกับธีมซอมบี้โรคระบาดครับ ซึ่งก็อาจจะเข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ในช่วงนี้พอดี

 

รีวิว นครนรกซอมบี้คลั่ง

 

เมื่อ Train to Busan ประสบความสำเร็จสูงมาก จึงไม่แปลกใจที่เกาหลีจะรีบทำหนังซอมบี้ตามมาในเวลาที่ถือว่าไล่กัน โดย Rampant จะเป็นหนังซอมบี้ในยุคโบราณสมัยยังมีจักรพรรดิ-ราชวงศ์ อารมณ์คล้ายกับ ผีห่าอโยธยา หนังผีซอมบี้ไทยที่เราเพิ่งได้ดูกันไปไม่นาน เชื่อว่า ถ้าใครเป็นคอหนังซอมบี้ หรือเคยดู Train to Busan แล้วชอบ ก็คงต้องอยากดู Rampant

เรื่องราวของ Rampant จึงไม่ได้มีเนื้อหาทันสมัยอย่าง Train to Busan ที่จิกกัดทุนนิยม แต่ค่อนไปทางจักร ๆ วงศ์ ๆ เกี่ยวกับกบฏ ระบอบกษัตริย์ และการชิงบัลลังก์ โดยเรื่องของเรื่องมันเริ่มจากกษัตริย์ไม่เอาการเอางานก่อน องค์ชายรัชทายาทจึงคิดทำอะไรสักอย่างแต่ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏและก็เสียชีวิตในที่สุด (ขออนุญาตใช้ศัพท์สามัญ) ทำให้น้องชายของเขา Prince Ganglim (Hyun Bin) ซึ่งอยู่ต่างเมือง

 

รีวิว นครนรกซอมบี้คลั่ง

ต้องเดินทางกลับมาเพื่อมารับเมียและลูกในครรภ์ของพี่ชายไปอยู่ด้วยตามคำขอก่อนตายของเขา แต่ระหว่างทางไปวังของเขา เขาพบว่าชาวบ้านตามหมู่บ้านรอบนอกกลายเป็นซอมบี้กันแทบทั้งบาง แม้แต่ในวังหลวง ก็เริ่มมีผู้ติดเชื้อแพร่ระบาดอยู่ภายใน โดยมีกบฏตัวจริงอย่าง Kim Ja-joon (Dong-Gun Jang) บงการอยู่เบื้องหลังทั้งหมด

Rampant สเกลและโปรดักชั่นถือว่าใหญ่กว่า Train to Busan แต่ด้วยสเกลที่ใหญ่ขึ้น มันจึงคุมคุณภาพยากกว่าและตัดต่อยากกว่า กล่าวคือ ใน Train to Busan ส่วนใหญ่ฉากมันก็อยู่บนรถไฟ ตัวละครหลักส่วนใหญ่ก็อยู่กระจุกกันเป็นกลุ่มสองกลุ่ม แต่ Rampant มันมีทั้งตัวพระเอกที่สกิลบู๊เก่งกาจ แต่ไม่สนใจบัลลังก์ และกวนตีน รวมถึงทีมของพระเอก ไหนจะทีมตัวโกง และตัวละครอีกมากมาย กับโลเกชั่นที่กว้างมากขึ้น แล้วทีนี้ Rampant มันยังตัดต่อไม่ค่อยสมูธ คนดูอย่างเราต้องใช้ไหวพริบจับต้นชนปลายเอาเอง ซึ่งแรก ๆ จะงง ๆ หน่อย เพราะไม่คุ้นหน้านักแสดงเกาหลีเลยสักคน ชื่อตัวละครเป็นภาษาเกาหลีก็ยิ่งแล้วใหญ่ แต่ก็ดูได้เรื่อย ๆ ไม่ได้รู้สึกเบื่อหรือดูยากอะไรขนาดนั้น

 

รีวิว นครนรกซอมบี้คลั่ง

 

แต่อย่างน้อย ถ้าพิจารณาแยกเป็นฉาก ๆ เราว่าแต่ละซีน ๆ ของเขาทำได้สนุกและบันเทิงดี ฉากแอ็คชั่นต่อสู้ก็มัน(ส์) พระเอกเก่งเว่อร์วัง ซอมบี้ก็เยอะสะใจโคตร ๆ (เน้นปริมาณ) แต่ซอมบี้เวอร์ชั่นนี้กลัวแสงอาทิตย์ จะออกมาได้แต่ตอนกลางคืน ช่วงกลางวันก็จะเป็นช่วงให้คนพักหายใจและเตรียมแผนรับมือกับซอมบี้ตอนกลางคืน (ซึ่งก็ไม่ใช่พล็อตใหม่อะไรสำหรับหนังซอมบี้) เราก็มีคำถามในหัวเรื่อย ๆ นะว่า ทำไมไม่เป็นฝ่ายรุกไปกำจัดซอมบี้ที่แอบแดดอยู่ตามซอกหลืบในช่วงกลางวัน แต่คนดูนอกจออย่างเราก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ต้องมองข้ามไป และเหมือนถูกโน้มน้าวให้เออออชื่นชมกับแผนรับของตัวละครไปตามน้ำว่า… เออ ฉลาดเนอะ

โดยสรุป พล็อตค่อนข้างธรรมดาและเชยไปหน่อย การตัดต่อก็ยังไม่ค่อยเป๊ะปัง ทำให้มันยังไม่ค่อยดี กงยูก็ไม่มี (อันนี้ส่วนตัว…) เทียบกับ Train to Busan ไม่ได้เลย (แอบผิดหวังเบา ๆ) แต่ฉากแอ็คชั่นเค้าก็จัดเต็ม และซอมบี้เยอะแบบวินาศสันตะโรมาก ถือว่าตอบโจทย์ความบันเทิงได้อยู่ ใครที่ชอบดูหนังซอมบี้ทุกเกรดอยู่แล้ว มาดูเรื่องนี้ ก็น่าจะยังดูสนุกอยู่นะ คือไม่แย่ แต่แค่ไม่ดีเท่า Train to Busan เว็บหนัง

หนังเกาหลี เดี๋ยวนี้นี่ขยันมีหนังซอมบี้ออกมารัวๆเลย ก่อนหน้านี้ ก็เรื่อง “Train to Busan” หรือแม้แต่เรื่อง “Kingdom” ที่โด่งดังแบบสุดๆ แต่เอาจริงๆ หนังเกาหลีแนวซอมบี้เรื่อง “นครนรก ซอมบี้คลั่ง” (Rampant) นี้ เป็นผลงานจากทีมผู้ผลิต “Train to Busan” นั่นเอง และได้ออกฉายมาก่อนเรื่อง “Kingdom” อีกนะ แต่ที่เราไม่เคยรู้จัก หรือไม่เคยดูมาก่อน นั่นก็เพราะว่า Netflix เอามาลงช้านั่นเอง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะผลตอบรับใน Netflix มันดีมากๆ คือหลังจากที่เข้าใน Netflix มาแค่ไม่กี่วันก็สามารถติด Top 10 ได้ในทันที เอาเป็นว่าวันนี้เราจะมา รีวิว นครนรก ซอมบี้คลั่ง กันเลยดีกว่า มาดูกัน ว่าจะเป็นยังไงกันบ้าง

 

 

เรื่องย่อ

เรื่องราวของ “ อีชอง ” (รับบทโดย ฮยอนบิน) โอรสของกษัตริย์ ในเกาหลีสมัยโชซอน ถูกเรียกตัวกลับมาจากปักกิ่ง เพื่อสานต่อเจตนารมณ์พี่ชายของเขาที่ทิ้งเอาไว้ ก่อนที่จะเสียชีวิตไป นั่นก็คือ ดูแลภรรยาและลูกในท้องของพี่ชายให้ปลอดภัย แต่เมื่อ อีชอง กลับมานั้นกลับพบว่า เมืองเกิดของเขานั้นมีโรคระบาด ที่ทำให้ คนกลายเป็นซอมบี้ ไปทั่วเมือง นั่นทำให้ เขาต้องตกกระไดพลอยโจน เข้าร่วมต่อสู้เพื่อขับไล่เหล่าซอมบี้ออกไปจากเมืองให้ได้ แต่ในขณะเดียวกัน “ เสนาบดี คิมจาจุน ” (รับบทโดย จาง ดงกอน) ก็จ้องจะคว้าบัลลังก์มาเป็นของตัวเองให้ได้ โดยใช้อำนาจทุกวิถีทาง และใช้เชื้อโรคที่เปลี่ยนจากคนเป็นเป็นซอมบี้ได้ มาใช้เพื่อล้มล้างจักรพรรด์องค์ปัจจุบัน

ด้วยความที่เราดู “Train to Busan” และ “Kingdom” มาก่อนที่จะได้ดูหนังเรื่องนี้ ต้องบอกก่อนเลยว่าเราต้องพยายามอย่างมากเลย ที่จะไม่ไปจำเนื้อเรื่องสับสนกับเรื่อง Kingdom คือเอาจริงๆ เนื้อเรื่องมันคล้ายๆกันเลยนะ โดยมันจะเป็น เรื่องราวขององค์ชายรัชทายาท ที่อยู่ในยุคโชซอนเหมือนกันเลย แถมยังมี พวกขุนนางเป็นตัวร้ายเหมือนกันอีกต่างหาก เอาเป็นว่าเรื่องนั้นช่างมันไปก่อน

 

 

เรามาคุยกัน ในส่วนของหนังเรื่อง “นครนรก ซอมบี้คลั่ง” กันดีกว่า คือความรู้สึกเรานะ เราว่าเนื้อเรื่องมันออกจะงงๆนิดหน่อย หรือเราเข้าไม่ถึงก็ไม่รู้นะ เรื่องของโรคระบาด ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้อ่ะ เราพอเข้าใจได้ แต่ที่ไม่เข้าใจเลยก็คือ ทำไม? หลังจากที่ตัวร้าย กลายร่างเป็นซอมบี้แล้ว ถึงยังมี สติสัมปชัญญะครบถ้วน ยังเจ้าเล่ห์ เจ้าวางแผน เหมือนตอนเป็นคนปกติ แถมยังไม่กัด ไม่ดูดเลือด พวกมนุษย์อีกด้วย แต่… ถ้าเรามองข้ามจุดด้อยข้อนี้ไปได้ มันก็เป็นหนังที่สนุกเรื่องหนึ่งเลยนะ ฉากบู๊ ฉากต่อสู้ต่าง ๆ ก็สามารถทำออกมา ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ที่สำคัญเลยนะ !! อีกเรื่องที่ขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือ นักแสดงนำของเรานั่นเอง มันคือ ฮยอนบิน สหายผู้กองของเรา นั่นเอง

เรียกได้ว่าช่วงนี้ภาพยนตร์รวมไปถึงซีรีย์แนว “ซอมบี้”กำลังมาแรงเลยทีเดียวค่ะ จึงทำให้ภาพยนตร์เกาหลีฟอร์มยักษ์เรื่อง Rampant (นครนรกซอมบี้คลั่ง) เมื่อซอมบี้ได้บุกเมืองทำให้เกิดความวุ่นวายไปทั่ว เป็นหนังอีกหนึ่งลิสต์ที่น่าดูมาก งานนี้ได้พระเอกสุดฮอตจากแดนกินจิอย่าง ฮยอน บิน รวมไปถึง จาง ดงกอน และนักแสดงเบอร์ใหญ่อีกมากมาย มาถ่ายทอดความลุ้นระทึกไปด้วยกัน ซึ่งเข้าโรงไปแล้วในปี 2018 กระแสตอบรับถือว่าเยี่ยมเลยทีเดียวเพราะได้รับการชื่นชมจากนักวิจารณ์หลายคน เห็นทีจะพลาดไม่ได้แล้วล่ะค่ะ

 

 

ความสนุกถือว่าอยู่ในระดับปานกลางไม่ได้บู๊เลือดสาดอะไรมาก ก็เป็นเพราะว่าช่วงต้น ๆ ของเนื้อเรื่องค่อนข้างจะอืด กินเวลาไปสักนิดค่ะ อาจเป็นเพราะต้องปูความเป็นมาก่อน แต่ความสนุกจะเริ่มมีในช่วงที่เจอกับซอมบี้ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เพราะบู๊กันแบบสนุกเลยทีเดียว ความเป็นหนังซอมบี้ของเรื่องนี้จะแตกต่างกับเรื่องอื่น ๆ ตรงที่ว่าเป็นซอมบี้ที่มาอาละวาดในยุคโซซอน ซึ่งเป็นยุคโบราณสมัยก่อน และนักแสดงแต่ละคนถ่ายทอดสีหน้า ดูหนัง

ความกลัว และฝีมือการต่อสู้กับซอมบี้มาแบบไม่มีใครยอมใครเลย อีกสิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจนั่นก็คือ การถ่ายทำแต่ละฉากออกมาสวย สีสดมาก และนอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงนิสัยของตัวละครหลักอย่าง กังลิม ที่แม้ว่าจะไม่ค่อยสนใจบ้านเมือง แต่เมื่อถึงยามคับขันแล้วก็พร้อมที่จะปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างเต็มที่ ถือว่าเป็นเรื่องดี ๆ ที่ไม่เพียงแต่ผู้นำเท่านั้น ถ้าหากว่าเราทุกคนร่วมมือกันปกป้องและสนับสนุนบ้านเมืองของตัวเอง ให้เป็นไปในทางที่ดีไม่ว่าจะมีข้าศึกหรือศัตรูมาจากไหนก็ตามย่อมพ่ายแพ้ไปค่ะ

 

นครนรกซอมบี้คลั่ง

กำกับโดยคิมซองฮอนนำแสดงโดยฮยอน บินและจาง ดองกัน เป็นหนังที่ต่อยอดมาจาก Train to Busan (2016) ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง หนังซอมบี้เกาหลี ที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก

เมื่อทราบข่าวว่านครนรกซอมบี้คลั่งได้ทีมสร้างทีมเดียวกับด่วนนรกซอมบี้คลั่งก็ทำให้คาดหวังว่า หนังซอมบี้เกาหลีแนวย้อนยุคเรื่องนี้จะออกมาน่าตื่นเต้นมีอะไรที่น่าสนใจไม่ต่างกับด่วนนรกซอมบี้คลั่ง และแอบคาดหวังมากกว่าเดิมเนื่องจากทีมชาติมีประสบการณ์ด้านหลังแนวนี้แล้ว

เรื่องราวเล่าไปถึงราชวงศ์โชซอนของเกาหลี ที่มีความเกี่ยวข้องในฐานะเป็นเมืองประเทศราชของราชวงศ์ชิงประเทศจีน โดยที่มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในเกาหลีและอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติจากราชวงศ์ชิง ทำให้กษัตริย์ของโชซอนต้องหาทางแก้ไขโดยการป้ายความผิดทั้งหมดให้กับกลุ่มกบฏที่อุปโลกน์ขึ้นมาตามคำแนะนำของเสนาบดีฉ้อฉล แต่องค์ชายรัชทายาทกลับเสียสละตนเองด้วยการฆ่าตัวตายแทนกบุ่มคนที่ถูกใส่ความ

 

 

เพราะรู้ว่าสิ่งที่กษัตริย์โชซอนทำนั้นไม่ถูกต้อง จากนั้นน้องชายขององค์ชายรัชทายาทจึงเดินทางเข้าเมืองหลวงตามคำแนะนำของนายทหารผู้จงรักภักดีท่านหนึ่ง และองค์ชายรองได้พบกับเหตุการณ์ประหลาดในเมืองหนึ่งที่มีผีดิบร้ายเข้าทำร้ายทำร้ายประชาชนจนต้องเดินทางเข้ามาที่เมืองหลวงเพื่อนำกำลังทหารเข้าไปช่วยเหลือ แต่แล้วก็รู้ว่าเหตุการณ์ที่มีผีดิบออกมาระหว่างนั้นกับมีผู้อยู่เบื้องหลังและเกี่ยวข้องกับราชบัลลังก์โชซอน

โดยส่วนตัวแล้วหากเปรียบเทียบนครนรกซอมบี้คลั่ง กับ ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง ผมกลับชอบด่วนนรกซอมบี้คลั่งมากกว่าเพราะประเด็นหลักของเรื่องมีความแคบกว่าและเล็กกว่าเล่าเรื่องได้ได้ง่ายมากกว่านครนรกซอมบี้คลั่ง เพราะ นครนรกซอมบี้คลั่งเป็นเรื่องของชาติ ถ้าจะกล้าให้ลึกลงไปในแง่ของสัญลักษณ์แสงของเรื่องกล่าวได้ว่า

ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง เปรียบเทียบผีดิบกับผู้คนที่มีอุปนิสัยเห็นแก่ตัวเอารัดเอาเปรียบผู้คน หรือการเอาตัวรอด แต่ นครนรกซอมบี้คลั่ง เปรียบเทียบผีดิบกับการบริหารราชการ ที่รัดเอาเปรียบประชาชนเปรียบเทียบกับข้าราชการที่แสวงหาผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน การแก่งแย่งชิงดีกันขึ้นเป็นใหญ่ เว็บดูหนัง

 

 

ในแง่ประเด็นรองของเรื่องนั้น นครนรกซอมบี้คลั่งนำเสนออะไรแทบไม่ต่างกับ ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง มีประเด็นเรื่องความเสียสละเหมือนกัน แต่ในแง่อื่น เช่นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต่อบุคคลกลับแสดงได้น้อยกว่า จึงทำให้มิติในการกระแทกใจอารมณ์ความรู้สึกคนดูนั้นมีน้อยกว่าด่วนนรกซอมบี้คลั่งมาก

สิ่งที่ดูแล้วทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจ ไปได้ไม่น้อยเลยก็คือ ความดุ ความรวดเร็วของผีดิบ ความรวดเร็วในการติดติดเชื้อในนครนรกซอมบี้คลั่งนั้นเหมือนจะลดดีกรีลงไปมาก ๆ ทำให้ดูแล้วรู้สึกว่าผีดิบจากเรื่องนี้ไม่ค่อยน่ากลัวสักเท่าไหร่ หากเทียบกับด่วนนรกซอมบี้คลั่ง

ฉากลุ้น ฉากแอ็คชั่นจากการต่อสู้กับผีดิบในเรื่องนี้ รู้สึกว่ามาช้าเกินไป เน้นการเล่าเรื่องถึงการณ์ชิงราชเสียมากกว่า อาจทำให้แฟนหนังแอคชั่นผิดหวังไปบ้าง

ในด้าน Production ถือว่าทำได้ดี เสื้อผ้าหน้าผมอุปกรณ์ประกอบฉากสถานที่ ดูแล้วทำให้เชื่อว่าหลุดเข้าไป ในช่วงราชวงศ์โชซอนภายใต้การปกครองของราชวงศ์ชิงเลยทีเดียว