รีวิว ALIVE : คนเป็นฝ่านรกซอมบี้

 

 

หนังใหม่ เรียกได้ว่าเป็นหนังซอมบี้ที่น่าติดตามอีกหนึ่งเรื่องเลยก็ว่าได้ เพราะหนังเรื่องนี้ไม่ได้ถ่ายทอดการหนีซอมบี้แบบเรื่องอื่นๆที่หนีในพื้นที่กว้างๆ แต่ตัวละครหลักเรื่องนี้ 2 คนต้องติดอยู่ภายในห้องแคบๆเป็นเวลานาน จนเริ่มไม่มีอาหารหรือน้ำให้กิน พวกเขาจะหนีออกจากห้องแคบนี้ได้ไหม และจะจบเรื่องนี้อย่างไร

Alive คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ – หนัง K – Zombie ที่ลุ้นตื่นเต้นพอประมาณ  แต่ยังไม่สุดเท่าไหร่ – Pantip เพราะเรื่องราวของมันจะวนอยู่ในสถานที่ที่เดียว เป็นสถานการณ์เล็กๆ กับคนกลุ่มเล็กๆ ที่ทำให้เราได้ติดตามเรื่องราวของพวกเขาอย่างใกล้ชิด หนังเกาหลีใต้ที่มีนักแสดงนำอย่าง Park Shin Hye กับการพลิกบทบาทมาเล่นอะไรที่ต้องใช้แอคชั่นเยอะ ปะทะ You Ah In แห่ง Burning โดยหนังได้ผู้กำกับอย่าง Jo Il Hyeong และนี่เป็นงานกำกับหนังชิ้นแรกของเขา

 

รีวิว ALIVE : คนเป็นฝ่านรกซอมบี้

 

วันหนึ่งในกรุงโซล เขตชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่งเกิดเหตุจลาจลปั่นป่วนขึ้น และต่อมาก็ได้รับรู้โดยทั่วกันว่าเป็นเหตุโรคระบาดที่มีคนติดเชื้อและกลายเป็นผีดิบเดินได้ อีกทั้งกัดใครก็ต้องติดเชื้อกลายเป็นผีดิบไปด้วย แถมยังเริ่มมีการระบาดขยายแผ่วงกว้างออกไปเรื่อยๆแต่ในวันที่แถบนั้นมีแต่ซอมบี้เดินยั้วเยี้ยก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่เหลือรอด

โอจุนวู (Yoo Ah In จากหนัง Burning) ชายหนุ่มหัวทองที่มีชีวิตอยู่กับเกมออนไลน์ เขาต้องติดแหง็กตัวคนเดียวอยู่ในอพาร์ตเมนต์ ด้วยอาหารที่ตุนไว้เพียงน้อยนิด แต่แล้วเขาก็เจอทางรอด เมื่อเขาพบว่ามีสาวสวยอีกคนที่อาศัยอยู่อีกตึกที่ตรงข้ามกัน คิมยูบิน (Park Shin Hye จากซีรีส์ Doctors, Pinocchio, The Heirs และหนัง Miracle in Cell No.7)

 

รีวิว ALIVE : คนเป็นฝ่านรกซอมบี้

 

เป็นความคิดสร้างสรรค์และสร้างพล็อตของชาวเกาหลีที่พยายามจะหามุมมองที่ยังไม่เคยมีใครเล่าไปถึงมาวางไว้ในหนังซอมบี้ที่เกลื่อนเมือง เมื่อพวกเขาเลือกจะเล่าเรื่องราวในพื้นที่ที่ไม่กว้างนัก เพียงแค่หมู่อพาร์ตเมนต์ในย่านผู้อยู่อาศัยกับเพียงสองสองตัวละคร เน้นเล่าถึงการเอาตัวรอดของวัยรุ่นสองคน กับตัวประกอบที่เหลือซึ่งล้วนเป็นซอมบี้

การเอาตัวรอดในสไตล์วัยรุ่น

ขณะที่หนังก็เลือกจะเล่าเรื่องการเอาตัวรอดของมนุษย์ที่เหมือนถูกขังให้อยู่แต่ในห้อง แถมยังเป็นมนุษย์วัยรุ่นที่ใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีและโลกโซเชียล หนังสร้างเรื่องราวให้ดูใกล้เคียงกับการเอาตัวรอดจริงๆ แม้ขณะดูอาจจะรู้สึกบ้างว่ารายละเอียดบางส่วนของเหตุการณ์มันมีช่องโหว่ ไม่ถึงขั้นสมเหตุผล แต่เมื่อทำใจมองข้ามไปก็พบความสนุกตื่นเต้นในระหว่างทาง

 

รีวิว ALIVE : คนเป็นฝ่านรกซอมบี้

 

ในขณะที่วงการหนังเกาหลีกำลังขยายกรอบความท้าทายด้วยการสร้างจักรวาลหนังเป็นของตัวเองให้มั่นคงแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ เราอาจจะได้เห็นแฟรนไชส์หนังซอมบี้ของผู้กำกับยอนซังโฮต่อเนื่องอีกหลายเรื่องหลังจากนี้ แต่ตอนนี้เราก็ได้ค้นพบว่ากระแสนิยมในหนังแนวนี้สามารถแตกหน่อออกไปได้อีกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนกับ “#Alive คนเป็นฝ่านรกซอมบี้” ที่เป็นหนังหนีตายฝูงซอมบี้เรื่องล่าสุดจากเกาหลี ได้ตอบโจทย์คนดูได้เป็นอย่างดี แม้ว่าหนังจะเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จเดิมๆ ที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่าไหร่เลยก็ตาม

 

รีวิว ALIVE : คนเป็นฝ่านรกซอมบี้

#Alive คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ กลายเป็นหนังเกาหลีเรื่องแรกหลังจากโควิด-19 ระบาดที่สามารถสร้างสถิติรายได้และเรียกความมั่นใจให้คนกลับเข้าโรงหนังที่เกาหลีใต้ นี่อาจจะมองว่าเป็นหนังแอคชั่นซอมบี้สไตล์อินดี้หน่อยๆ ก็ว่าได้ ที่อินดี้คงเป็นเพราะสเกลของหนังไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการเหมือนกับหนังบ็อกซ์บัสเตอร์ทั่วไป เพียงแต่เป็นการเจาะลึกเล่าเพียงแค่สถานที่ที่เดียว พร้อมกับตัวละครที่ไม่จำเป็นต้องสร้างมิติทางปฏิสัมพันธ์กับตัวละครอื่นมากสักเท่าไหร่ เว็บหนัง

หนังเล่าเรื่องราวของการแพร่ระบาดของไวรัสปริศนาที่เกิดขึ้นในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ โดยเหตุการณ์ครั้งเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวและรวดเร็วมาก ทำให้ จุนอู ชายหนุ่มเกมเมอร์ต้องติดแหง็กอยู่ในห้อง ไม่สามารถออกไปไหนได้ พร้อมกับขาดการติดต่อจากโลกภายนอกทุกอย่าง ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต ไร้สัญญาณโทรศัพท์ และไฟฟ้าก็ดับตามมา ก่อนที่เขาจะพบว่าไม่ใช่เพียงแค่เขาคนเดียวที่ติดอยู่ในอะพาร์ตเมนต์

เพราะยังมี ยูบิน สาวที่พักอยู่ตึกฝั่งตรงข้ามกับห้องเขา ก็ร่วมชะตากรรมเดียวกัน เพราะถ้าออกจากห้องไปก็เท่ากับฆ่าตัวเองชัดๆ การเปิดตัวของหนังค่อนข้างฉุกละหุกพัลวันเลยก็ว่าได้ เพราะเพียงแค่เริ่มเปิดฉากมาได้ยังถึง 3 นาที ก็รีบร้อนเข้าประเด็นในทันที แม้ว่าหนังจะมาสไตล์ไม่ได้เกริ่นถึงที่มาที่ไปของสาเหตุต่างๆ ของเรื่องราวก็ตาม แต่ก็ถือว่าไม่ได้ติดขัดติดใจอะไร เพราะดำเนินเรื่องแบบนี้ก็ถือว่าเข้าท่าแล้ว อีกทั้งยังได้พลังการแสดงของ “ยูอาอิน” ที่แบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างสบายๆ แม้จะเป็นหนังที่ไม่ได้ดราม่าจ๋าอะไร แต่เขาก็โชว์ศักยภาพทางการแสดงออกมาได้อย่างขนลุกชูชัน ตลอดช่วงเวลา 30 นาทีแรกของหนังเลยทีเดียว

 

 

หนังใช้รูปแบบการเล่าเรื่องเชิงโฟกัสคาแรกเตอร์เดี่ยวๆ เป็นหลัก เนื่องจากสถานการณ์ของเรื่องโดยรวมก็เอื้ออำนวยต่อบทแนวนี้ด้วย ทำให้ ยูอาอิน ต้องเล่นและแสดงคนเดียวอยู่เกือบตลอดทั้งเรื่องเลย คาแรกเตอร์ของเขาก็เป็นหนุ่มวัยรุ่นที่อาจจะไม่ใช่ลูกที่ดีมากนัก แต่ครอบครัวก็รักและเอ็นดูเขาเสมอมา แต่เมื่อวันนี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ในห้องเพียงลำพัง เขาก็ต้องหาหนทางรอดด้วยตัวเอง ยูอาอินถ่ายทำบทนี้ออกมาได้มหัศจรรย์ในรูปแบบของเขา ฉากอารมณ์ทำได้ถึง ฉากตลกปล่อยมุกเสียดสีก็มีมาบ้าง การแสดงของเขาคือเสน่ห์และส่วนที่ทำให้หนังค่อนข้างบันเทิงได้ดี

มาถึงตัวละครของ “พัคชินฮเย” สาวจากตึกฝั่งตรงกันข้าม อาจจะเป็นคาแรกเตอร์ที่หนังยังไม่ได้โฟกัสมากเท่าที่ควร เพราะเน้นหลักๆ มาอยู่ที่จุนอูมากกว่า ทำให้ในส่วนของยูบินยังมีปมหลายๆ อย่างที่เหมือนแอบๆ เก็บๆ เอาไว้ให้คนดูได้ไปวิเคราะห์กันเองว่าเธอผู้นี้เป็นคนอย่างไร แล้วทำไมถึงมาติดแหง็กอยู่ในห้องคนเดียวแบบนี้ แต่ พัคชินฮเย ก็มีเสน่ห์ล้นเหลืออยู่ในจอเป็นอย่างมาก แม้ว่าบทของเธอจะไม่ได้เล่นซีนอารมณ์หรือมีมิติอะไรมากนัก แต่ก็ถ่ายออกมาได้อย่างเต็มที่ เท่าที่บทจะเอื้ออำนวยแล้ว

 

 

นี่เป็นผลงานเรื่องแรกของ “โจอิลฮยอง” ที่รับหน้าที่ทั้งกำกับและเขียนบทหนังเรื่องนี้เอง ต้องยอมรับว่าหนังสนุกและให้ความบันเทิงกับคนดูได้ค่อนข้างดี แม้ว่าโดยภาพรวมหนังเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จแทบจะทั้งหมด และไม่มีอะไรที่ดูแล้วรู้สึกแปลกใหม่อะไรเท่าไหร่เลย แต่ละสถานการณ์เหมือนหยิบยืมมาจากหนังเรื่องอื่นๆ แต่พวกเอาผนวกใส่เอาไว้ด้วยกันแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าออกมาได้ลงตัว เป็นไปตามขั้นตาม แม้ว่าจะบางช่วงที่แอบขัดใจหน่อยๆ ว่าจะพลิกผันเป็นแบบนี้ทำไมกันนะ

แต่หนึ่งในความรู้สึกที่ได้ระหว่างดูหนังเรื่องนี้ก็คือ กลิ่นอายของหนังรักโรแมนติกที่โชยออกมาคลุกเคล้ากับกลิ่นคาวเลือด โมเมนต์และเคมีของตัวละคร จุนอู กับ ยูบิน ค่อยข้างเปล่งประกาย ท่ามกลางความระทึกใจที่ต้องวิ่งหนีซอมบี้ ก็ยังได้ผ่อนคลายอารมณ์เบาๆ กับการทำความรู้จักกันของหนุ่มสาวแปลกหน้าที่ต้องมาพาลพบเจอกันแบบสถานการณ์บังคับ แอบเป็นฉากหวานๆ จีบกันในหนังซอมบี้แบบไม่ได้ตั้งใจไปเสียอย่างนั้น ดูหนัง

 

 

นอกจากนี้แล้ว ดูเหมือนว่า #Alive ก็พยายามใส่ประเด็นทางสังคมบางอย่างเข้ามาเสียดสีได้เจ็บแสบอยู่ในหนังประปรายด้วย โดยเฉพาะประเด็นโลกในสังคมโซเชียลมีเดีย หรือใส่มุกเสียดสีสังคมเข้ามาพอทำให้ได้หัวเราะขบขันเบาๆ นี่จึงกลายเป็นหนังซอมบี้ที่ไม่ได้เน้นการเข่นฆ่าไล่ล่าเลือดกระฉูด แต่โฟกัสที่มุมมองการเอาชีวิตรอดของคนที่ยังรอดชีวิตอยู่ท่ามกลางสถานการณ์แบบนั้นมากกว่า

 

ALIVE : คนเป็นฝ่านรกซอมบี้

โดยรวมแล้ว #Alive คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ แม้จะเป็นหนังที่ไม่ได้รู้สึกเซอร์ไพรส์อะไรเลย เพราะทุกอย่างล้วนอยู่ในกรอบสูตรสำเร็จอยู่แล้ว แต่การได้ ยูอาอิน กับ พัคชินฮเย มาแบกรับหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้แบบชิลๆ กลายเป็นกำไรของคนดูได้เลย พวกเขาคือนักแสดงที่เต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพ ทำให้ตลอดเวลาชั่วโมงครึ่งนิดๆ ของหนังนั้น ให้อรรถรสที่สนุกตื่นเต้นและอินเข้าถึงเรื่องราวได้ไม่ยากเลย

ต้องยอมรับว่า หลังเกาหลีเริ่มสร้างหนังและซีรีส์ขึ้นมา พวกเขาก็พยายามเสาะหาและพัฒนาเรื่องราวให้มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ทั้งพยายามเสาะหาพล็อตที่แปลกใหม่และแตกต่างจากที่เคยมีมาอยู่เรื่องนี้ ‘#ALive’ เรื่องนี้ก็คงเป็นอีกพล็อตที่ไม่เหมือนกับเรื่องไหน เพราะเรื่องราวของมันจะวนอยู่ในสถานที่ที่เดียว เป็นสถานการณ์เล็กๆ กับคนกลุ่มเล็กๆ ที่ทำให้เราได้ติดตามเรื่องราวของพวกเขาอย่างใกล้ชิด

หนังเกาหลีใต้ที่มีนักแสดงนำอย่าง Park Shin Hye กับการพลิกบทบาทมาเล่นอะไรที่ต้องใช้แอคชั่นเยอะ ปะทะ You Ah In แห่ง Burning โดยหนังได้ผู้กำกับอย่าง Jo Il Hyeong และนี่เป็นงานกำกับหนังชิ้นแรกของเขา

 

 

รีวิวหนัง ”คนเป็นฝ่านรกซอมบี้”

เป็นความคิดสร้างสรรค์และสร้างพล็อตของชาวเกาหลีที่พยายามจะหามุมมองที่ยังไม่เคยมีใครเล่าไปถึงมาวางไว้ในหนังซอมบี้ที่เกลื่อนเมือง เมื่อพวกเขาเลือกจะเล่าเรื่องราวในพื้นที่ที่ไม่กว้างนัก เพียงแค่หมู่อพาร์ตเมนต์ในย่านผู้อยู่อาศัยกับเพียงสองสองตัวละคร เน้นเล่าถึงการเอาตัวรอดของวัยรุ่นสองคน กับตัวประกอบที่เหลือซึ่งล้วนเป็นซอมบี้ เว็บดูหนัง

ตัวเรื่อง ใช้เวลา ในช่วงแรก หมดไปกับ การใช้ชีวิตเดิม ๆ กิน นอน ดูข่าว เล่นเกม ( ก่อนที่ เน็ตจะล่ม ) ในห้อง ของตัวพระเอก พร้อมปูว่า สัญญาณ จากครอบครัว ขาดไป ทำให้ ไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้น กับพ่อแม่ ของพระเอกบ้าง ซึ่งเวลา ที่ผ่านไป ก็ไม่ได้ มีเรื่องตื่นเต้น สักเท่าไหร่ นอกจากช่วงแรก ที่มี เพื่อนบ้าน ติดเชื้อ หลงเข้ามา ภายในบ้าน กับการที่ ต้องมองเห็น คนผ่านไป กลายเป็นซอมบี้ โดยที่เขา ช่วยเหลือ ไม่ได้ ซึ่งตัวผู้กำกับ คงจะ พยายาม เสนอความแปลกใหม่ ของการติด อยู่ในห้อง ผ่านหนัง แนวซอมบี้ ก็ได้ แต่มันกลับ มีความ ไม่สมเหตุ สมผล ปนอยู่ เป็นระยะ

 

 

อย่างการที่ พระเอก ดันไม่รอง น้ำประปา เก็บไว้ จนน้ำหมด แถมทำหก แบบอารมณ์เสีย จนต้อง มาเลียกินบนโต๊ะ หรือการที่จู่ ๆ ก็ออก จากห้อง ไประบายอารมณ์ กับซอมบี้ โดยที่ ไม่ได้ มีเป้าหมาย อะไรจริงจังเลย และกว่า จะคิด ออกไปหาอาหาร ก็นานเกิน จนจะอดตายแล้ว ไม่หนำซ้ำ ยังพยายาม เล่นเรื่อง ไม่มีสัญญาณ โทรศัพท์ หรือการใช้โดรน บินออกไป สำรวจ แบบไม่ค่อย จะมีประโยชน์ เท่าไหร่นัก มองว่า แค่เป็นกิมมิค ของเรื่อง นิดหน่อย เพียงเท่านั้น อย่างที่เห็น ในภาพโปสเตอร์หนัง ที่เหมือน เซลฟี่ บนระเบียง แต่ในเรื่อง ก็ไม่ได้ มีอะไร แค่ถือไม้ ยาวออกไป หาสัญญาณมือถือ

ความสมจริง ของเรื่อง ที่ตัวพระเอก อดอาหาร นานเป็นสิบวัน แต่กลับ ไม่ได้ผอมลง เลยสักนิด ยิ่งทำให้ ดูไม่ค่อย สมจริง เข้าไปอีก จนแอบเบื่อ ๆ กับการดำเนินเรื่อง ที่ผู้ชม รู้แล้ว ว่าเรื่องนี้ ต้องการนำเสนอ ตัวละคร ในที่ปิด แบบนี้ ไปจนจบเรื่อง แน่นอน